40 ปี วงการบันเทิง "นก สินจัย" สุดล้ำค่า


ให้คะแนน


แชร์

โลดแล่น “วงการบันเทิง” มายาวนาน สำหรับนักแสดงคุณภาพ นก-สินจัย เปล่งพานิช จนยกให้เป็น “ตัวแม่” ไปเรียบร้อยแล้ว ยืนหยัดอยู่วงการมาหลายทศวรรษ ซีเนริโอ เนรมิตความอลังการงานสร้าง จัดโชว์สุดยิ่งใหญ่ “40 ปี นกสินจัย The Celebration Show” เปิดม่านการแสดงระหว่าง 28–29 มี.ค.63 บนเวทีเมืองไทยรัชดาลัยเธียเตอร์ พร้อมแขกรับเชิญสุดเลิฟ งานนี้ นก สินจัย เจ้าของโชว์พร้อมมากมายขนาดไหน? งานนี้จะมีลุ้นครบทุกรส สมาชิกในครอบครัวจะยอมร่วมเฟรมทำเซอร์ไพรส์หรือเปล่า หาคำตอบได้ใน “คนดังนั่งคุย”

“จริงๆเริ่มจากพี่บอย (ถกลเกียรติ วีรวรรณ) เป็นคนจุดประกายเลย เริ่มจากปีที่แล้วคุยกันระหว่างซ้อมละครเวทีสี่แผ่นดิน คุยกัน ใครอยู่กันมากี่ปี พี่บอยบอกผมนะ 30 ปี นกเลยบอกปีหน้า 40 ปีแล้วนะ แค่คุยเล่นๆ ผ่านไป จนปลายปีโทร.มา สินจัยทำคอนเสิร์ตเหอะ ก็ตื่นเต้นมาก อีกใจก็หวั่นๆจะเป็นคอนเสิร์ตยังไงเพราะเราไม่ใช่นักร้อง พี่บอยเลยคะยั้นคะยอเอาน่า ทำเหอะ คอนเสิร์ต 40 ปีสินจัย ก็เริ่มเครียดแล้วทำยังไงเพราะนึกไม่ออก เลยมาคุยกัน ภาพรวมกว่าสรุป เราก็มีส่วนร่วมในการประชุมตลอดเกิด 40 ปีจนได้ (หัวเราะ)” ถือว่าเป็นไฟต์บังคับหรือเปล่า “ก็ไม่เชิงแต่ปฏิเสธก็ไม่ได้ จริงๆดีใจมากกว่า พี่บอยอยากทำให้ ยังคุยกับพี่นกชายเลย (ฉัตรชัย เปล่งพานิช) พี่นกก็บอกว่าทำเหอะ 40 ปีแล้วเราไม่รู้จะมีอะไรอีกหรือเปล่า จะทำอะไรอีกมั้ย มันควรจะทำแล้วก็เลยลองดูแล้วกัน เลยคิดว่าเป็นการขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่เคียงข้างมาตลอด คอยซัพพอร์ต ติดตามผลงานนกมาตลอด”

เรื่องราว 40 ปีที่พี่นกตั้งใจอยากจะเล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับอะไรบ้าง

“คงจะเป็นการรำลึกถึงผลงานที่ผ่านมาตั้งแต่เข้าวงการ ช่วงเวลาสำคัญๆ ตั้งแต่เริ่มต้น ผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้เรา บุคคลที่ร่วมงานด้วยในช่วงเวลาต่างๆ อย่างเรื่อง ล่า ประสบความสำเร็จมากในแง่ของการแสดงด้วย เป็นที่ชื่นชอบของคนดู เพลงก็ดังเลยรู้สึกต้องมีพี่แอม เสาวลักษณ์ ออริจินอล จะต้องมา ไม่ได้เจอกันนานแล้ว ทั้งๆที่เรารู้จักนกเข้าวงการใหม่ๆ พี่แอม ต้องเป็นหนึ่งในแขกรับเชิญที่พิเศษสำหรับเรา พี่กบ ทรงสิทธิ์ คือพี่กบเป็นคนที่ทำงานกับเราเยอะมาก ทั้งละครเวที ภาพยนตร์ ละคร ค่อนข้างสนิทกับพี่กบมากที่สุด มีความหลากหลายในงานของนกค่อนข้างมากก็เลยพี่กบต้องมา มีแขกรับเชิญร่วมใหม่ที่จะมาร่วมงานด้วย และดับเบิลแขกรับเชิญไปอีก อันนี้จะไม่บอกเลยจะได้ดูบนเวที 28-29 มี.ค. จริงๆไม่ใช่คอนเสิร์ตทั้งหมดแต่จะเป็นการเล่าผ่านงานต่างๆที่นกทำด้วยและมีเพลงที่เกี่ยวเนื่องกับงาน”

การเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตครั้งนี้คืบหน้าไปถึงไหนแล้ว

“ซ้อมกันทุกอาทิตย์เลยค่ะ ถามว่ากังวลอะไรมั้ย ไม่มีอะไรกังวลค่ะ ค่อนข้างสบายใจอยู่ที่โชว์มากกว่าแล้วตอนนี้” ซ้อมร้องเพลงถึงขั้นอยู่ในห้อง อยู่ในรถก็ร้องซ้อมลูกคอไปเรื่อยเลยหรือเปล่า “ใช่ค่ะ จะทวนไว้ตลอดเหมือนกัน พอมันเป็นคอนเสิร์ต มันจะหลากหลาย ไม่เหมือนละครเวทีจะเป็นเรื่องเดียว แต่อันนี้หลายๆเรื่องเป็นสิบเรื่องบนเวทีมีเล่น ดึงละครเวทีออกมาด้วย จำหลายคิวเหมือนกันเป็นบททดสอบเหมือนกัน” ไหวใช่มั้ยคะพี่ “เดี๋ยวก็รู้ค่ะ (หัวเราะ) ไม่เคยทำเหมือนกัน ตอนแรกยังชิลนะแต่พอเริ่มงวดเข้าๆ ก็รู้สึกล่ะ มันยากเหมือนกันนะต้องจำแต่ละอันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไหนจะคิว มีโชว์ มีละครเวที บางช่วงออกมาเดี่ยวก็รู้ จากตื่นเต้นเริ่มเครียดแล้วนะเนี่ย” กับการร้องเพลงมีการกังวลมั้ยเพราะเป็นคอนเสิร์ตคนจะคาดหวังเสียงจะร้องดี ร้องเพราะ “ตอนแรกกังวลก่อนเลยและได้คุยกับพี่แหม่ม สุกานดา (ครูสอนร้องเพลง) ซึ่งก็บอกเลิกกังวลได้แล้ว มันเป็นงานของเราเป็นเพลงของนก มีเอกลักษณ์ของนกเอง เป็นตัวของตัวเอง อย่าไปกังวลว่าเราจะต้องร้องให้มันดีเท่าไหร่ และคิดว่าคนดูคงไม่คาดหวังนกจะร้องใหญ่เท่าแก้ม เดอะสตาร์ หรือตู่ นันทิดา คงไม่ขนาดนั้นอยู่แล้วแต่มันก็เป็นงานของนกเอง ตัวเราเองกังวลไปก่อน ยิ่งคนมาพูดว่าตื่นเต้นอยากดู เรายิ่งกังวล มันจะได้เท่าที่เค้าคิดมั้ย”

จะมีพาร์ตกับครอบครัว จะได้เห็นพี่นกชายกับลูกๆขึ้นเวทีเดียวกันมั้ย แฟนๆรอลุ้นมาก

“ต้องรอดู อาจจะมี (หัวเราะ) ยังไม่รู้เลยค่ะ ตอนนี้สคริปต์เองยังไม่สรุปก่อนจบทั้งหมด กำลังดูอยู่จะมีเพลงใหม่ที่ถูกแต่งขึ้นด้วยมั้ย หรือว่าใช้เพลงไหน ยังไปไม่ถึงครอบครัวจะยังไง กับเด็กๆ ไม่น่า เพราะจริงๆเด็กๆพวกนี้ขี้อาย ขึ้นเวทีไม่รู้จะรอดมั้ย” กับเพลงประจำตัวของพี่นก เพลง “ฉันรักผัวเขา” คอนเสิร์ตครั้งนี้จะได้ฟังมั้ยคะ “อันนี้ต้องมี เป็นเพลงชาติของนก ถ้าไม่มีอาจจะตายแน่ โดนด่าได้ ต้องมีแน่นอน มันเป็นงานเปิดครั้งแรกในช่วงที่นกเล่นหนังครั้งแรกแล้วเพลงนี้มันดังเลยเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวนกไปแล้ว ไปไหนคนจะขอและพูดถึงเพลงนี้ก่อน ทุกวันนี้ไปงานแต่งงานคนยังขอให้นกร้องเพลงฉันรักผัวเขาอยู่เลย ก็ขำจะตายจะใช่เหรอ? เพลงนี้ไม่ควรร้องในงานแต่งงานนะ ขำๆ คนรู้จักเพลงนี้มาก”

ที่ผ่านๆมา พี่นกจะเจอดราม่าคำวิพากษ์-วิจารณ์ มีวิธีจัดการรับมือกับมันได้ยังไง จนกลายเป็นผู้หญิงสายสตรองมาก

“จริงๆแล้วจะว่าง่ายก็ง่ายนะ นกเลือกที่จะไม่ฟัง เลือกที่จะไม่ดู ถ้าย้อนยุคแรกๆ ไม่มีสื่ออะไรแบบนี้ จะมีแค่กอสซิป มีหนังสือแซว เสาร์-อาทิตย์ หรือชื่อย่อ มันแค่นั้นเอง เราเลือกที่จะเลือกอ่าน เลือกเสพ อะไรที่เรารู้ว่าข้อความนี้หรือหนังสือบางประเภทข่าวไม่จริงแน่นอนหรือเขียนรุนแรงก็เลือกที่จะไม่ดู ไม่อ่าน อาจดูเห็นแก่ตัวหรือเอาตัวรอด แต่นกคิดว่าตรงนี้จำเป็น เราจะเสพทุกอย่างไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเราไม่ฟังคำวิพากษ์วิจารณ์ เราฟังแต่เราเลือกฟัง เลือกทุกคนเข้ามาไม่ได้ หลายๆอันเรารู้ถ้าเราอ่านจะเสียกำลังใจ เราอ่านจะรู้สึกแย่ เราก็เลือกที่จะไม่อ่าน พอไม่มีตรงนี้เราไม่มีหวั่นไหว เวลามีคนมาถามข่าวนี้เราก็ ฮ้า..าาา เพราะเราไม่รู้เลย เมื่อเราไม่รู้เราจะไม่สั่นคลอน นกเลือกวิธีนี้ตั้งแต่ต้น เลือกที่จะไม่ดู อันไหนรู้ทำให้เราแย่ นกไม่ดูเลยเพราะความจริงเรารู้ดีอยู่แล้ว ต่อให้มีอะไรเกิดขึ้นก็ตามเราจะรู้ดีที่สุดว่ามันจริงหรือไม่จริง มันเหมือนเป็นเกราะป้องกันนกจนถึงวันนี้” ภายใต้ความสตรองในมุมตัวตนจริงๆของพี่นกเป็นคนอ่อนไหวง่ายหรือเปล่า “ใช่ค่ะ เป็นคนอย่างนั้น จริงๆเป็นคนอ่อนไหว เรารู้เราเป็นคนแบบนั้น หลายๆคนมีพูดว่านกดูมีโลกส่วนตัว ก็จริง เหตุผลมาจากที่นกรู้สึกเราต้องดูแลตัวเอง นกไม่มีผู้จัดการดูแล เรายืนลำพัง สิ่งที่เราทำได้คือสร้างเกราะของเรา ไม่ถึงขั้นแตะต้องไม่ได้ เรามีระยะกันนะ ไม่ล้ำเส้นกันนะ นกอาจจะแสดงให้เห็นตั้งแต่ต้น นานๆวันคนรู้เองนกไม่ได้ตีกรอบอะไรมาก ไม่ถึงขั้นไม่คบใครหรือมีโลกส่วนตัวสูงเกินไป ไม่ได้ขนาดนั้น ภาพที่ทุกคนมองนกเป็นผู้หญิงแกร่งแต่จริงๆก็เป็นคนแข็งนอกอ่อนใน (หัวเราะ)”

ชีวิตครอบครัวกลายเป็นคู่รักตัวอย่างของวงการบันเทิงมีแต่คนชื่นชม

“จริงๆการเป็นตัวอย่างนกพูดมาตลอดมันกดดันนะ จำได้ว่าให้สัมภาษณ์แบบนี้ตั้งแต่แต่งงานแรกๆ เป็นคู่เหมาะสม นกจะขัดตลอด อย่าพูดแบบนี้ พอเป็นตัวอย่างเหมือนเราทำอะไรผิดไม่ได้ เราไม่มีทางผิดพลาด เราจะต้องสมบูรณ์แบบ มันเป็นไปไม่ได้ ธรรมชาติคนเราทุกคนไม่มีใครเพอร์เฟกต์อยู่แล้ว เราก็บอกว่าไม่ใช่คู่ที่เพอร์เฟกต์ ขอบคุณสำหรับการมองเข้ามาว่าเป็นคู่เหมาะสม คู่ตัวอย่างของวงการแต่เราอยากจะบอกว่าเรายังต้องเรียนรู้ซึ่งกันและกัน เราต้องการปรับตัว เราอาจจะไม่ได้ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ เค้าอาจจะไม่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่าเอานกมาเป็นตัวตั้งว่าทุกอย่างจะต้องสมบูรณ์แบบ พยายามบอกทุกครั้งว่ากดดันเราไม่ใช่คู่เพอร์เฟกต์หรอก เราก็เหมือนคู่ทั่วๆไปนั่นแหละ ไม่มีเคล็ดลับอะไรเลย ทุกวันยังต้องเรียนรู้กันไป ทุกวันนี้อยู่กันมา 32 ปี ยังงอนกัน ยังทะเลาะกัน ยังไม่เข้าใจ ยังไม่พอใจซึ่งกันและกัน เพียงแต่ว่าอาจจะไม่หนักหนาเท่าช่วงแรกๆ ที่เราแต่งงานกัน ช่วงแรกๆฉันไม่ยอม เธอไม่ยอมหรือทำอะไรไม่ถูก ช่วงนั้นรุนแรงกว่าแต่พออยู่ด้วยกันนานๆ มันยังมีแหละ แต่ช่างมันเหอะ”

ตอนนี้กลายเป็นคุณย่ายังสาว หลานเรย์ดูเป็นขวัญใจของทุกคนมาก

“ใช่ค่ะ ช่วงไม่มีหลาน ลูกโตกันหมดแล้ว ไม่มีอะไรให้โฟกัส ไม่มีอะไรต้องรับผิดชอบแล้ว ก็สบายๆ ตอนนั้นถึงทำบริษัท ทำเบื้องหลังเต็มที่ไม่ต้องห่วง ทุ่มกับงานมาก พอมีหลานมา ทุกอย่างย้อนกลับมาใหม่ เหมือนมีลูกเล็ก เราเลี้ยงเค้าเหมือนลูกเลย ทุกอย่างดูเรื่องโรงเรียนและเราแฮปปี้อยากจะเลี้ยงเค้า” ทางคุณปู่เองก็เห่อหลานมากเหมือนกันขยันโพสต์ไอจีมีแต่รูปหลาน “ใช่ค่ะ ปู่ทุ่มทุนมาก เรย์อยู่ไหน เค้าจะนึกถึงหลานตลอดเวลา ให้เวลากับหลาน ปกติทำงานยาวหลายไปเลย ไม่ต้องกลับบ้าน เพราะไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ต่างคนรับงานแหลก ไม่มีอะไรเป็นภาระ แล้วช่วงนั้นงานเยอะจริงๆ มันเยอะอะไรขนาดนี้ พอมีหลาน ไม่ได้แล้ว คิวยังไง คิวพี่นกยังไง คืนนี้จะยังไง เพราะเรย์จะมาอยู่บ้านเราจันทร์-ศุกร์ เรียนในหมู่บ้านให้นอนบ้านเรา ถ้านอนบ้านแม่เค้าจะต้องตื่นเช้ามากเพื่อมาโรงเรียนเลยตกลงกับแม่เค้า จัดเวลา ตอนนี้กลายเป็นเราจัดเวลา ใครจะอยู่จันทร์-ศุกร์ ใครตื่นมาส่ง เย็นนี้ใครรับ ปู่หรือย่าอยู่ต้องตกลงทุกอาทิตย์ พอมีหลานเค้าก็เป็นศูนย์รวมจริงๆ ที่ทำให้ทุกคนกลับมาคุยกัน ลูกๆเค้าจะรู้แล้วว่าเลี้ยงเด็กมันเป็นยังไง อย่างน้องกันเลี้ยงหลานจริงจังมาก ไปรับส่ง คือทุกคนเลี้ยงเค้าเป็นลูกไม่ใช่หลาน บรรยากาศตอนนี้กลายเป็นครอบครัวมีชีวิตชีวามากขึ้น”.

ทีมข่าวบันเทิง

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ – ข่าวบันเทิง
ขอขอบคุณ : ข่าวไทยรัฐออนไลน์ – ข่าวบันเทิง