แมทธิว ดีน อัพเดตอาการป่วยโควิด เครียดตรงการรอคอย


ให้คะแนน


แชร์

หลังจากที่เข้ารับการรักษาด้วยโรคโควิด19 แมทธิว ดีน ก็มีการโพสต์อัพเดตมาเป็นระยะ ล่าสุดเจ้าตัวไปโพสต์คลิป เล่าถึงอาการตั้งแต่เริ่มต้นเป็น จนถึงตอนนี้ วิธีการรักษา รวมถึงความรู้สึกตั้งแต่ทราบว่าเป็นโรคโควิด19 ว่า

แมทธิว ดีน

แมทธิว ดีน

สวัสดีครับ ขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งเข้ามา ทั้งเมสเสต อินสตาแกรม และช่องทางต่างๆ ถือว่าเป็นกำลังใจที่สำคัญสำหรับผม และเดีย ทั้งคู่ที่เราจะสู้กับไวรัสนี้ครับ ต่อไปขออนุญาตอัดคลิปสั้นๆ เพราะว่ามีคนถามถึงสภาพจิตใจ สภาพร่างกาย และความรู้สึกในปัจจุบันนี้ครับ อาการของผมมันเป็นอย่างไรบ้างในตอนนี้ และช่วงที่ผ่านมา ตลอด 6-7 วัน ที่นอนโรงพยาบาลนี้ จะบอกว่าตั้งแต่ที่ผมให้สัมภาษณ์ไปในข่าวว่า
ตั้งแต่แรกอาการมันไม่ได้รู้สึกหนักมาก เหมือนเป็นไข้หวัด ปวดเหมื่อยตามร่างกายบ้าง สำหรับคนออกกำลังกายอาจจะคิดว่ามันมาจากการออกกำลังกายฟิลนั้นแหละ ปวดๆเหมื่อยๆ เหมือนอยากนวด แต่ผมไม่ได้นวดไป แล้วก็มีคัดจมูกเหมือนเป็นภูมิแพ้ เหมือนกับเป็นหวัดประมาณนี้

พอไข้เริ่มขึ้นแล้ว ผมก็เลยไปหาหมอ ซึ่งนี้ก็เป็นสัญญาณที่ทุกๆคนจะ รู้สึกว่าถ้ามีไข้นิดนึงก็ไปหาหมอ ถ้ายังไม่เคยตรวจ หรือว่าเคยตรวจแล้วอาจจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ก็ไปปรึกษาแพทย์อีกรอบนึง เพราะว่าไข้มันเป็นตัวชี้ที่อันตรายและชัดเจนชนิดหนึ่ง พอมีไข้ไปได้ประมาณวันกว่าๆ แล้วก็เข้ามาโรงพยาบาล ไข้ก็เริ่มหาย เป็นแบบนี้ประมาณ 3-4 วัน ซึ่งทุกคนก็ดีใจ รู้สึกว่ามันโอเคแล้ว ก็สู้กับมันอยู่

แมทธิว ดีน

อัพเดต

ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดี ผมก็ถามคุณหมอ ไม่อยากดีใจมาก ในเรื่องที่ไข้หาย เข้าใจว่าโรคนี้เป็นโรคใหม่ หลายๆคนก็ยังไม่เข้าใจมัน หมอทั่วโลกก็ยังไม่เข้าใจ ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เพราะฉะนั้นผมก็ถามหมอว่าจะมีโอกาสไข้กลับมาไหม หมอก็บอกว่ามีโอกาส ผมก็หวังว่ามันจะไม่กลับมา

แต่ว่าเมื่อวาน หลังจากที่ไม่มีไข้มา 4 วัน มันก็กลับมาจริงๆ ซึ่งก็ตกใจ แล้วอาจารย์บอกว่าช่วงที่ไม่มีไข้ พวกความดัน สิ่งอื่นๆ อย่างเช่นออกซิเจน ภาพเอ็กซเรย์ต่างๆของผม พวกการเจาะเลือดต่างๆ ของผมดูปกติดี

แต่ว่าเมื่อวานมีไข้ขึ้นตั้งแต่ช่วงเที่ยงๆ มีการคุยกับอาจารย์ตอนเย็นว่าเขาจะให้เริ่มกินยา ประมาณ 3-4 ตัว เพื่อที่จะขับไล่มันออกไปจากร่างกายให้เร็วที่สุด ถ้าปล่อยไปมันก็จะนานมากๆ ไม่รู้ว่าบางคน 5-7 วัน บางคน 20-30 วัน มันเป็นอะไรที่ไม่แน่นอน และถ้าปล่อยไปก็ไม่รู้ว่ามันจะดีขึ้นเอง หรือว่ามันจะแย่ขึ้น เพราะฉะนั้นกินยาไปประมาณ 4 ตัว มี ยามาลาเรีย ยาต้านเอชไอวี ยาอีก 2-3 ตัว

ซึ่งเป็นสูตรมาตราฐานที่คนทั่วโลกเขากินกันตอนนี้ เป็นสูตรที่เขาคิดว่าดีที่สุด เพื่อรักษาโควิด19 ในปัจจุบันนี้ ก็กินไป ยามันก็แรง เมื่อคืนหลับไม่ค่อยลง รู้สึกว่าไข้ก็ดีขึ้นเป็นช่วงๆ พอตืนมาตอนเช้า ก็มีไข้ขึ้นมานิดนึง กินยาชุดต่อไป ไปเรียบร้อยแล้ว
บางคนถามเข้ามาถึงความเจ็บ ความทรมานของโรคนี้ เมื่อเป็นแล้วมันขนาดไหน ซึ่งบอกยาก เพราะว่าความอดทนของคนเราไม่ตรงกัน บางคนมีความอดทนมาก บางก็มีความอดทนน้อย แล้วแต่ แต่สำหรับผมมันร่างกายไม่เท่าไหร่ เป็นไข้ผมก็เคยเป็นมาแล้ว แต่ที่แตกต่างกันออกไปก็คือความกังวลมากกว่า การที่เราไม่รู้ แม้กระทั้งหมอทั่วโลกก็ยังไม่รู้ ถึงความชัดเจนของโควิด19 ถามอะไรไปก็ยังไม่แน่ใจ ตอบได้ไม่เต็มปาก เขาก็ไม่รู้จริงๆ

เพราะว่ามันเป็นโรคที่ใหม่มากๆ และความกังวลนี้มันคิดไปได้ไกลมากๆ บอกเลยว่าในช่วง 2-3 วันแรก ที่ไม่มีไข้ก็ไม่เจ็บนะ แต่มันเจ็บใจ เมื่อเราคิดถึงคนที่ติดจากเรา แฟนผม หรือคนที่อาจจะอยู่ในกลุ่มเสี่ยง ที่เราเจอ ที่เราทำงานไป ที่ต้องเสียงาน เสียรายได้ในช่วงนี้

แมทธิว ดีน

นอนรักษาตัว

คิดถึงครอบครัว ที่อาจจะติดจากเราได้ พ่อแม่ลูก มันกังวลสุดๆ แล้วความเครียดตรงนี้กับการรอคอยที่มันไม่ชัดเจน เจ็บปวดมากที่สุด พอผลช่วงนั้นไป ผลที่กลับมาด้วยผลที่ลบ ยกเว้นเดีย ก็ดีขึ้นนิดนึง สภาพจิตใจ แต่มันก็เริ่มคิดถึงทุกคน เริ่มอยากกอดเพราะว่าก็อยู่ในห้องประมาณนี้ อยู่กันแบบนี้ทั้งวันทั้งคือ บนเตียงนี้เป็นหลัก 85 เปอร์เซ็นต์ ลุกไปก็แค่กินข้าว อาบน้ำแปรงฟัน เข้าห้องน้ำ ความน่ากลัวของโรคนี้ บอกตรงๆ ผมก็ไม่ได้มีความเชี่ยวชาญหรือว่าความรู้มากมายเกี่ยวกับมัน ก็ได้แต่ฟังหมอเล่า อ่าน และก็ศึกษาเองบ้าง แต่ผมว่าเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความรู้สึกแบบนี้ที่ผมมีแล้วกัน กับการเป็นโรคที่ไม่มีวัคซีน ไม่มีวิธีการรักษาที่ชัดเจนร้อยเปอร์เซ็นต์ ทำตามที่เขาแนะนำกันครับ เลี่ยงสถานที่ที่มีคนมากมาย นั้นคือมีโอกาสติดชัดเจน แล้วมันก็จะไม่จบ
คนเรารวมตัวกันน้อยลง เจอกันน้อยลง มันจะทำให้โรคนี้เป็นกันน้อยลง แล้วจะยืดออกไป เพื่อที่จะทำการวิจัย และหาวิธีการรักษา เพราะฉะนั้นสถานที่บันเทิง สนามกีฬาต่างๆ ร้านอาหารใหญ่ หรือว่าหลายที่มันปิดได้ ก็ปิด หรือไม่ก็เลี่ยง ก็เข้าใจว่ามันไม่ง่าย กับคนที่ต้องออกไปทำงาน เพื่อหาเงินวันต่อวัน เข้าใจเลยแหละ ต้องใช้ความอดทน แต่ว่าคิดในแง่ที่ว่าเราไม่ทำ แล้วยังใช้ชีวิตปกติ โดยที่เราคิดแต่เงินในวันนี้ สุดท้ายคนก็เป็นกันเยอะ สุดท้ายมันก็เป็นแบบนี้ ทำให้เร็วที่สุด แล้วรีบกลับมาฟื้นประเทศ ฟื้นโลกเราให้เร็วที่สุด ผมว่าน่าจะเป็นทางที่ดีนะครับ
ย้ำอีกที สถานบันเทิง หรือว่าที่ที่มีคนรวมตัวเยอะ 5 คน 10 คน ผมก็ว่าเยอะแล้วนะ มีโอกาสติดต่อกัน ปิดครับ กรุณา ทางรัฐ ทางตำรวจช่วยดูด้วยแล้วกันครับ ว่าปิดกันจริงหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าแอบเปิดรอบดึก เพื่อโกงลูกค้าที่ไม่มีที่ไป แล้วก็ไม่กลัวโดยที่ไม่จิตสำนึก รักษากฎหมายตรงนี้ไว้ เพราะตรงนี้เป็นเรื่องของประเทศชาติแล้ว ประเทศอื่นเวลาเขาปิด เขาก็ปิดจริงจัง ดูจากอิตาลีคนเยอะขนาดไหน มีรายได้จากคาเฟ่ ร้านอาหารขนาดไหน เขาต้องทำให้ได้ เพราะฉะนั้นประเทศไทยเราก็ต้องทำให้ได้ ไม่อย่างนั้นจะไม่มีที่อยู่ ในประเทศเราจะไม่มีความสุขในการใช้ชีวิตอีกต่อยาว ตัดใจส่ะในช่วงนี้

ในช่วงสิ้นเดือนนี้จะมีคนพ้นช่วงเวลากักตัว ตัวเอง 14 วัน เยอะมาก ผมเชื่อว่าหลายๆ คนจะนับตั้งแต่รู้ว่าผมเป็นโควิด19 ตั้งแต่ 13 มีนาคม หรือว่าจะนับก่อน หรือนับหลัง แต่ว่ายังไง ช่วงสิ้นเดือนพ้นกันเพียบ ขอบอกว่าทุกคนอย่างเพิ่งชะล่าใจกับโรคนี้นะครับ อย่างเพิ่งกลับไปใช้ชีวิตด้วยความเสี่ยง นั้นก็หมายความว่าอย่าเพิ่งไปเจอผู้คนเยอะ ไปอยู่ในที่มีจำนวนคนเยอะ ยังไงมันคือกรณีศึกษาว่านั้นคือความเสี่ยงที่ทำให้โรคนี้อยู่กับเรายาวๆ จะทำให้คนป่วย และคนเสียชีวิตเยอะจริงๆ นะครับ พ้น 14 วัน ตรวจแล้วคุณไม่เป็น ดีแล้ว เพราะฉะนั้นอยากไปเสี่ยง ไปเจอกับผู้คนมากมาย ไม่ได้แปลว่าต้องแพนิก หรือว่าตกใจ กังวลขนาดนั้น แต่ว่ายังไงก็ต้องใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวัง อะไรที่เลี่ยงได้ ก็เลี่ยงไปครับผม เพราะว่าการทำแบบนี้ มันจะเป็นการดึงเวลาของโรคนี้ ระหว่างนั้นคนป่วยน้อย คนที่เป็นโรคนี้ไม่มากเท่าไหร่ ก็จะมีการหาวัคซีน หาวิธีการรักษาโรคนั้น โรคนี้จะได้จะได้หายไปครับ ฝากด้วยครับ”
ขอบคุณรูปและคลิปจากไอจี : matthew.deane1

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_3782768
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_3782768