ผอมลงไปเยอะเลย?
“ใช่ค่ะ ผอมลงไปประมาณ 11 กก. แต่ในระยะเวลาประมาณ 3-4 เดือนนะคะ ช่วงที่มีโควิดมันก็ค่อยๆ ลดลงเรื่อยๆ คือก่อนหน้านี้น้ำหนักเคยพุ่งไปประมาณ 61 กก. เราก็รู้สึกว่าทำไมใส่เสื้อผ้าแล้วกางเกงที่เราเคยใส่ เราใส่ไม่ได้เลย ก็แปลกใจ จนพอไปชั่งน้ำหนัก เราเลยตัดสินใจว่าเราต้องปรับตัวเองลงมาแล้วแหละ ถามว่าลดยังไงก็มีหลายวิธี มีทั้งเจอคุณหมอ มีคุณหมอคอยดูแลเรื่องการกิน เหมือนเป็นเทรนเนอร์ ส่วนเรื่องการออกกำลังกายจะใช้พวกแพลงก์ วิดพื้น หรือโยคะ วันนึง 10-15 นาทีเองมั้งก่อนจะอาบน้ำ ตอนนี้น้ำหนักเหลือ 50 กก. แล้วค่ะ”

พอใจไหม?
“พอใจนะ เราก็พยายามคุมให้อยู่ประมาณนี้ ที่จริงตอนนี้กินด้วย แต่มันก็ยังไม่กลับมา ก็มีคนทักว่าทำไมวันนี้เจอผอมลงอีกแล้ว หนูกินเหมือนเดิมนะ แต่ว่ามันยังไม่ขึ้น”

ไม่ได้ใช้วิธีวิทยาศาสตร์อะไร?
“อ๋อ ไม่เลยค่ะ ไม่มีการเย็บกระเพาะ ไม่มีการดูดไขมัน ไม่มีการผ่าตัดใดๆ ยกเว้นหน้าค่ะ (หัวเราะ) เรื่องนี้เถียงไม่ได้ คือเรื่องหน้าเนี่ยส่วนหัวคือทำค่ะ แต่ส่วนล่างไม่เลย”

มีคนขอเคล็ดลับเยอะไหม?
“เยอะมาก แต่ถ้าบอกเป็นรายคนลำบากเลย เพราะว่าถ้าต้องตอบ วันนึงคงไม่ต้องทำอะไรเลย ต้องตอบอย่างเดียว แต่ซานิก็บอกวิธีเขาไปว่าเลือกกินแบบไหน วิธีที่ซานิกินคืออะไร อะไรคือสิ่งที่หมอบอกมา อยู่ที่ใจด้วยนะ หลักๆ เราเพิ่งรู้ว่าใจเราสำคัญมาก ถ้าเราคิดว่าเราจะปรับตัวเอง จะลดตัวเองลงมามันก็ทำได้”

ซานิ นิภาภรณ์ ขอบคุณภาพจากไอจี @zanizina

พอลงรูปไปมีคนเข้ามาติงไหมว่าผอมไป?
“เยอะเหมือนกัน ตอนเราอ้วน คนก็ทักว่าอุ๊ย อ้วนแล้วนะ พอผอมก็บอกว่าผอมเกินไปนะ เอาตรงไหนที่เรียกว่าพอดี แต่โอเคค่ะ เราน้อมรับทุกคำเนอะ อาจจะเพราะเขาเป็นห่วงด้วยเรื่องที่เราทำงานเยอะ ถ้าผอมเกินไปมันจะไม่สวย แต่ไม่เป็นไรค่ะ เวลาขึ้นมันขึ้นง่าย เวลาลงมันลงยาก เดี๋ยวจะขึ้นให้ดู (ยิ้ม)”

ผอมแล้วหน้าก็เปลี่ยน?
“ไม่ค่ะ อันนี้หมอทำ แต่ถามว่าผอมลงแล้วมีส่วนไหม มีส่วนช่วยให้เวลาเราไปทำศัลยกรรมเนี่ย เราต้องควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในระดับที่เราพอใจ แล้วพอไปทำจะเห็นสัดส่วนชัดเจน มันเริ่มจากค่อยๆ ลดน้ำหนักเพื่อจะไปทำ หลังจากทำมาไม่มีงานติดโควิด ก็เลยคิดว่าเป็นองค์ประกอบว่าโอเค ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้ดูแลตัวเองจริงๆ เพราะปกติเวลาเราไปกอง กองเลี้ยงดีมาก แต่เราอยู่บ้านเลือกที่จะไม่กินได้ แต่พอไปกองเราเลือกมากไม่ได้ เราต้องกินทุกอย่างที่เขาเตรียมให้ เราจะไม่กินมันก็จะยังไงอยู่

ไตรมาสนี้ทำอะไรมาบ้าง?
“ชอบที่เรียกเป็นไตรมาส อย่าเรียกว่าไตรมาสเลย เรียกว่าเป็นเดือนดีกว่า ไตรมาสนี้ทำจมูกใหม่ค่ะ ทำเอนโดไทน์ จมูกใหม่ และมีร้อยไหมค่ะ บอกหมดเลย”

ทำไมครั้งนี้เราถึงออกมาพูด?
“ยิ่งเราไม่พูดคนยิ่งอยากรู้ คราวนี้พอเราพูดคนก็ยังอยากรู้ แต่อยากรู้ในแนวทางที่ดี พอเราไม่พูดคนก็ว่าเราปิดบังโน่นนี่ แต่ความจริงเราไม่ได้ปิดบังนะ เพียงแค่เราไม่ได้ออกมาว่าเราทำอันนี้นะ เราทำแบบนี้นะ แต่วันหนึ่งเรารู้สึกว่า มันก็ไม่แปลกนะสำหรับยุคปัจจุบันถ้าคนศัลยกรรมมาแล้วรู้สึกมั่นใจ สบายใจ พอใจแล้วทำที่ดี เราก็ถือว่าโอเคค่ะ”

แต่คนมองว่าครั้งที่แล้วเคยถามว่าทำรึเปล่า เราก็บอกว่าไม่ได้ทำ?
“ไม่ได้ทำจริงๆ ที่ผ่านมาไม่ได้มีการเอนโดไทน์ที่แบบผ่าตัดขึ้นไป ไม่มีอะไร คือมีการทำจมูกจริงแต่คนก็ไม่รู้ว่าเราทำช่วงไหน เราทำยังไงเพราะมันเล็ก พอมันเล็กปุ๊บแล้วใช้ระยะเวลานานปุ๊บแกนมันรัด อันนี้ซานิไปแก้เพราะมันเกิดอุบัติเหตุจริงๆ คือในกองเราวิ่งแล้วโดนมือเพื่อนๆ ดันขึ้นไป กลับบ้านมาเราเจ็บ เราเลยอยากแก้ แต่สุดท้ายเราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่จะเปลี่ยนโหงวเฮ้งเราก็เลยไม่อยากทำ พอดีไปเจอคุณหมอที่ดี เราปรึกษาหมอที่ดี มันก็เลยโชคดี เขาบอกว่าสิ่งที่เราต้องทำคือจมูกนั่นแหละ ก็เลยได้โอกาสเปลี่ยน แก้จมูกครั้งที่สองค่ะ แต่อย่างพวกอื่นๆ ใดๆ เช่น โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ เราทำเป็นร้อยยูนิตค่ะ”

ซานิ นิภาภรณ์ ขอบคุณภาพจากไอจี @zanizina

รู้สึกยังไงที่ได้ฉายาสวย 100 หน้า?
“โอเคมากเลยนะ เพราะรู้สึกว่าลูกค้าก็จ้างเราได้เยอะๆ มันกลายเป็นความสนุก คนก็เอ็นดูเรา ด้วยการที่เรายอมรับความจริง บางคนเดินเข้ามาจะบอกว่าเราทำศัลยกรรม เออ ใช่ก็จริง เราก็เถียงเขาไม่ได้ มันกลายเป็นความน่ารักที่คนเขาชอบมากกว่า”

รู้สึกไหมว่าหน้าใหม่พาปังมาก?
“ดีมากจริงๆ เมื่อกี้เห็นไหมว่าได้ทิปด้วย”

ไม่ได้เปลี่ยนเพราะความรักใช่ไหม?
“ไม่เลย โลกใบนี้ความรักเปลี่ยนซานิไม่ได้เลย ต่อให้อกหักหรือจะรักดี หวานแหววก็เปลี่ยนเราไม่ได้ ถ้าเราเป็นตัวเราอยู่ดี วันนี้เราอายุ 35 แล้ว เราก็อยากดูแลตัวเอง วันหนึ่งเราดูแลตัวเองขึ้นมาแล้วเราดีขึ้น คนอื่นเขามาถามเราก็อยากจะให้ข้อมูลที่ดี”

หมดเงินไปเยอะไหม?
“อุ้ย หน้านี้รีวิว คือไม่ได้หมดเยอะ แต่จะบอกว่ามันดีมาก เราชอบมากค่ะ แล้วเพื่อนก็บอกมึงว่าพอก่อน พักก่อน (รีวิวคือทำฟรีเหรอ?) คือเป็นสปอนเซอร์ค่ะ แต่ว่าเป็นการพูดคุยกัน ถ้าเกิดเราไม่มั่นใจจริงๆ เราก็ไม่ทำนะ พูดเลยต่อให้คุณจะมาสปอนเซอร์เรา มาเป็นเคสรีวิวเรา เราก็ไม่โอเค แต่อันนี้เราคุยแล้วโอเคจริงๆ แล้วเราได้ทรงแบบที่เราชอบจริงๆ เพราะตอนแรกถ้าคนสังเกตเห็นจมูกซานิจะเหมือนจมูกแหลมๆ หน่อย แล้วก็เล็ก แต่คราวนี้ซานิอยากได้จมูกที่มันอวบขึ้นมา แล้วไม่ให้เราเจ็บจากบาดแผลเดิม ก็เลยมีการแก้ พอเป็นงานแก้เรารู้สึกดีเลยเพราะใช้นวัตกรรมใหม่ของทางโรงพยาบาล”

มีส่วนไหนที่ยังกังวลและอยากทำเพิ่มเติมอีกไหม?
“(มองหน้าอกตัวเอง) ไม่มีเลย แต่จะบอกว่าอนาคตก็ไม่รู้นะ อาจจะอยากทำตรงนั้นตรงนี้หรือเปล่า แต่ ณ วันนี้ถือว่าพอใจมากๆ แล้วค่ะ”

ซานิ นิภาภรณ์ ขอบคุณภาพจากไอจี @zanizina

เรียกว่าเสพติดศัลยกรรมไหม?
“จะพูดอย่างนั้นก็ได้นะ เอาตรงๆ เพราะว่ามองกระจกทุกวัน ก็มองความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง ฉันต้องทำอะไรบ้าง ผู้หญิงมันหยุดสวยไม่ได้หรอก แล้วยิ่งพอเราอายุเยอะประมาณช่วง 33 ซานิไม่เห็นเลยว่าหน้าตัวเองเหี่ยว ไม่เห็นว่าเรามีรอยย่นหน้าผาก ไม่เห็นความจำเป็นต้องไปทำ แต่พอ 35 สองปีเอง ทำไมอยู่ดีๆ มันมาเลย ด้วยความที่เราชอบแสดงออกทางสีหน้า จริตจะก้านเราเยอะ ร่องรอยมันมาไว เราก็เลยโอเคงั้นทำเลย เสพแล้วสวยก็โอเค”

คนก็เอารูปเก่ากับรูปใหม่มาเปรียบเทียบกัน?
“มีคนเอามาเปรียบเทียบบ่อยค่ะ ตัวเองก็เอามาลงเองด้วย ตอน 10 ปีเทนเยียร์ชาเลนจ์ เราก็ลงเอง เพราะกลัวเพื่อนเราจะเอามาลง เราชิงลงก่อน โอเคค่ะ (มาไกลขนาดไหน?) มาไกลมากนะคะ เลยจากพัฒนาการไปศรีนครินทร์ ไกลมาก เรายอมรับ”

ภูมิใจไหมที่พาตัวเองมาจุดนี้ได้?
“ภูมิใจที่สุดในโลก คือในสายตาพ่อแม่เราสวยอยู่แล้ว เราน่ารักอยู่แล้วผู้หญิงทุกคน แต่วันหนึ่งเราออกกล้องจะเห็นตัวเองว่ายังไม่พอดี เอาออกอีกนิด เหมือนเราให้เกียรติงาน ให้เกียรติลูกค้า สุดท้ายพอเราทำแล้วมันดีขึ้น มันก็มีผลต่อการงานเรา อันนี้เป็นส่วนสำคัญ”

หน้าอกหน้าใจอยากทำไหม?
“ไม่เลย คือหน้าอกไม่คิดจะทำเลย เพราะเรารู้สึกว่าผู้หญิงในปัจจุบันบางคนก็สวยแบบไม่มีก็มี บางคนมีอยู่แล้วก็มี บางคนไปทำแล้วมั่นใจขึ้นก็มี แต่ตัวซานิมั่นใจที่คัพนี้ คัพดีอยู่ค่ะ มั่นใจในไฟหน้าตัวเอง เปิดโชว์ได้ (หัวเราะ) เพราะเมื่อกี้ก็โชว์เต็มมาแล้ว”.