ได้สัมภาษณ์ ทนายเจมส์ นิติธร แก้วโต ทนายชื่อดังถึงกรณีที่เจนนี่ถูกเจ้าหนี้บุกทวงเงินถึงหน้าบ้าน ซึ่งทนายเจมส์ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า

ดูคลิปป้าแมวแล้วรู้สึกยังไง?
ทนายเจมส์ : “เขาขู่ไว้แล้วนะ ว่าถ้าคลิปนี้หลุดลงโซเชียลเมื่อไหร่ ป้าแมวโดน 2 ล้านบาท ผมเชื่อว่าน้องเจนนี่น่าจะดำเนินคดีกับป้าแมว แต่ป้าแมวเป็นคนถ่าย

ใครเป็นคนเผยแพร่ คนนั้นต้องรับผิด หรืออาจเป็นตัวการร่วมก็ได้ ต้องสืบหากันเองว่าใครเป็นคนปล่อยคลิป มีส่วนร่วมสนับสนุน เป็นตัวการร่วม อันนี้ต้องสืบหากันเอง

ถ้าแจ้งความก็คงแจ้งในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เพราะสิ่งที่ทำให้เห็นถึงจะเป็นเรื่องจริง แต่เรื่องที่ทำก็ทำให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นเกลียดชัง ก็เป็นคดีอาญา ข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และอีกอันหนึ่งที่น่าสนใจ คือเป็นความผิดตามพ.ร.บ.ทวงหนี้ด้วยหรือไม่”

ใครเสียเปรียบ?
ทนายเจมส์ : “ป้าแมวเสียเปรียบ น้องเจนนี่ได้เปรียบ ต้องเรียนว่าในความผิดของแม่น้องเจนนี่คือผิดสัญญาทางแพ่ง ป้าแมวต้องไปใช้สิทธิทางศาลไปอัดคลิปก็เรื่องป้าแมวไม่เป็นไร เก็บไว้เป็นหลักฐาน

แต่ถ้าป้าแมวเอามาเผยแพร่เมื่อไหร่ เขาเรียกว่านำออกมาเผยแพร่และทำให้ประชาชนรับรู้รับทราบ ทำให้ผู้อยู่ในคลิปเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง อันนี้เป็นคดีอาญา

แต่เจนนี่ใช้สิทธิทางศาลฟ้องป้าแมวคดีอาญาจะใหญ่กว่า โทษของการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาก็คุก 2 ปี ปรับ 2 แสนบาท ในส่วนพ.ร.บ.ทวงหนี้ ก็ต้องดูรายละเอียดที่ชัดเจนอีกที”

หลายคนสงสัยว่าถ้าติดเงินจริง 2 แสน น้องเจนนี่เคยบอกว่าให้เงินคุณแม่ 2 แสน ทำไมไม่ใช้หนี้ ไม่คุ้มกับการที่ทำให้ลูกเสียชื่อเสียงแบบนี้?
ทนายเจมส์ : “อาจเป็นเหตุผลส่วนตัวของคุณแม่เขาที่อาจบริหารจัดการเงินผิดพลาด ไม่ได้ลำดับการชำระหนี้ อันไหนสำคัญก่อนก็ควรไปชำระก่อน หรืออาจมีการไปสัญญากันไว้ และปฏิบัติตามสัญญาไม่ได้หรือเปล่า”

มีบางคอมเมนต์สงสัยว่าคุณแม่เป็นหนี้เพราะติดการพนันหรือติดหวยหรือเปล่า?
ทนายเจมส์ : “จริงๆ มันเป็นเรื่องส่วนตัวนะ จะไปวิพากษ์วิจารณ์ก็ต้องระวัง เขาสามารถดำเนินคดีได้”

มีหลายคนสงสัยว่าการมีข่าวแบบนี้ออกมา กลบข่าวน้องเก้าหรือเปล่า?
ทนายเจมส์ : “ผมว่าเคสนี้คงไม่ เพราะยิ่งออกมาเสียๆ เท่าไร จะทำให้ภาพลักษณ์น้องเสียมากยิ่งขึ้น การที่เขามีชื่อเสียงเป็นทุนเดิม เป็นนักร้อง พอมีชื่อเสียออกมาปั๊บ สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือเขาไม่จ้างงาน นี่คือสิ่งน่ากลัวที่จะตามมา”