วีณา เปิดใจหลังพลาดมงกุฎ MUT2020 ทำเต็มที่แล้ว


ให้คะแนน


แชร์

ก่อนหน้านี้วีณาไม่เคยรักสวยรักงามเลย เพิ่งจะมาชอบนางงามตอนอยู่ปีที่ 3 ที่มหาวิทยาลัย เพราะเห็นพี่แนทเขาได้มงกุฎ ก็เริ่มรู้สึกว่าเขาเป็นคนใกล้ตัวแล้วเขาก็ได้มง ก็อยากได้บ้าง เลยหันมาดูแลตัวเอง รักสวยรักงาม ทาลิปสติก แต่งหน้า เพิ่งมาเริ่มแต่งหน้าตอนอายุ 19 เพิ่งแต่งหน้าเป็น

หลังจากนั้นก็ดูแลตัวเองมาตลอด เพื่อที่จะมาประกวดนางงาม เริ่มดูแลตัวเอง เริ่มมั่นใจมากยิ่งขึ้น ก็เข้าโมเดลลิ่ง และเข้าวงการบันเทิง เดินแบบ ก็มาประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2018 ก่อน หลังจากประกวดเสร็จก็อยู่เมืองไทย 1 ปี ก็ได้มีโอกาสไปทำงานที่มุมไบ เป็นนางแบบอยู่ 3 เดือน แล้วเจอโควิด วีณาเลยกลับมาอยู่เมืองไทย

ก็เลยตัดสินใจ ในเมื่อตอนนี้เป็นช่วงเวลา และจังหวะที่ดีของเรา ก็เลยอยากจะลองประกวดมิสยูนิเวิร์สอีกครั้ง เพราะยังรู้สึกติดใจว่ามีบางอย่างที่ยังทำไม่ดีพอในปี 2018 และปีนี้อยากจะมาแก้ไขและทำให้มันดีขึ้น

สิ่งที่อยากแก้ไขบนเวทีของวีณาคือตอนปี 2018 วีณายังไม่ค่อยมีประสบการณ์เท่าไร ไม่กล้าคุย เข้าสังคมไม่เป็น ไม่ค่อยคุยกับเพื่อน ตอนแรกเพื่อนเจอจะบอกว่าทำไมหยิ่งจัง

แต่จริงๆ พอมาคุย เราคุยได้ แต่ไม่รู้จักวิธีเข้าหาคนอื่นก่อน ด้วยความเป็นเด็กเรียบร้อยแล้วตั้งใจเรียนก็เลยไม่ค่อยได้ทำกิจกรรมอะไรเลย ก็มาประกวดเวทีใหญ่เลยค่ะ

และอีกอย่างหนึ่งที่อยากจะทำให้ดียิ่งขึ้นก็คือการตอบคำถามค่ะ เพราะรู้สึกว่าการตอบคำถามในเวทีมิสยูนิเวิร์สมันไม่ใช่แค่ตอบตามคำถาม แต่มันมีการวิเคราะห์และช่วยพัฒนาสังคมได้ สามารถให้คนฉุกคิดได้ค่ะ ตรงนี้เป็นสิ่งที่วีณาอยากจะทำให้มันดียิ่งขึ้นค่ะ

ที่สำคัญคือ สติและการคิดบวก มองว่าการที่เรามาอยู่จุดนี้ก็มีหลายกระแสทั้งดีและไม่ดี ดังนั้นการที่เราเลือกที่จะอ่านและรับและควบคุมสติตัวเองได้เป็นสิ่งที่สำคัญมากค่ะ”

แฟนนางงามเชียร์วีณาเยอะมาก?
“เพื่อนๆ จะคอยแคปรูปมาให้ดูตามเพจต่างๆ รู้สึกดีใจที่คนชอบในสิ่งที่วีณาเป็น และยิ่งรู้สึกภูมิใจมากที่ได้ร่วมทำโครงการของตัวเองและมีคนทำตามด้วย โครงการที่ลดการบูลลี่กันในสังคมไทย เพราะตอนเด็กๆ โดนบูลลี่เรื่องรูปร่างหน้าตา ตอนเด็กเป็นคนรูปร่างใหญ่ จะโดนเพื่อนล้อเป็นยักษ์ ปากห้อย

และเรื่องเชื้อชาติเพราะวีณาเป็นคนไทยเชื้อสายอินเดีย ที่อาจจะหน้าตาไม่เหมือนคนในสังคมตอนนั้น จะโดนล้อบ่อยมาก เลยกลายเป็นคนที่เก็บตัว ไม่กล้าที่จะเป็นตัวเอง และตอนที่มาประกวดตอนปี 2018 รู้สึกว่ายังไม่ได้ปลดล็อกบางส่วน

พอมาปีนี้ก็เลยอยากจะช่วยลดการบูลลี่ในสังคม เพราะวีณาเข้าใจและรู้ว่ามันรู้สึกยังไง เวลาอ่านข่าวเด็กนักเรียนโดนบูลลี่จนฆ่าตัวตาย มันเป็นเรื่องที่ใหญ่มากๆ แต่คนมองข้าม จนตอนนี้สังคมไทยอยู่อันดับ 2 ของการที่มีการบูลลี่มากที่สุด เลยมองว่าถ้าได้ทำโครงการตรงนี้ อย่างน้อยก็จะมีคนรู้จักและตระหนักเรื่องการบูลลี่มากขึ้น

ตอนเด็กๆ ที่โดนเพื่อนๆ ล้อไม่เคยบอกที่บ้าน เลือกที่จะเก็บเอาไว้ในใจคนเดียว และเชื่อในคำที่คนอื่นพูดว่าเราตัวใหญ่ ตัวอ้วน ปากห้อย ไม่สวย เราก็คิดว่าตัวเองไม่สวย ไม่กล้าจะใส่เสื้อผ้า ก็เลยไม่แต่งตัว ไม่แต่งหน้า เพราะไม่ชอบสิ่งที่ตัวเองเป็น จะเป็นคนไม่ค่อยพูด เก็บตัว ก็ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ

พอเข้ามหาวิทยาลัย พอมีเพื่อนเยอะ ก็เล่าให้เพื่อนฟังว่าโดนล้อ ก็ปรึกษากับเพื่อนที่มีความหลากหลายทางเพศ ก็แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันว่าเขาโดนล้อยังไง โดนบูลลี่จากคนในครอบครัวที่ไม่อยากจะให้เขาเป็นในเพศที่เขาอยากจะเป็น

หลังจากนั้นก็เลยยืนหยัด จากที่เคยเก็บตัวเองในมุมมืด ไม่อยากจะมาประกวด แต่มันคือสิ่งที่เราเป็น เราไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลยในเชื้อชาติ ในปากของตัวเรา ก็เลยเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน ทำให้กลายเป็นจุดเด่น เลือกที่จะก้าวมาอยู่ในแสงสว่าง และบอกตัวเองว่ารักในสิ่งที่ฉันเป็น จะแสดงความคิดเห็นและความเป็นตัวตนออกมา ก็อยากจะส่งต่อสิ่งนี้ให้กับคนทุกคนที่โดนบูลลี่ในสังคมไทย

วีณารักในรูปร่างของตัวเอง และตอนนี้เทรนด์ที่คนมาชอบสาวปากอวบอิ่มและผู้หญิงมีเคิร์ฟ ทำให้เรารู้สึกว่าเราโชคดี มันไม่สามารถบอกได้เลยว่าแบบไหนสวยหรือไม่สวย มันอยู่ที่ว่าเราพอใจแบบไหนมากกว่าค่ะ

ขอบคุณแฟนนางงามที่ช่วยโหวตให้วีณา วีณาเชื่อว่าทุกคนทุ่มแรงใจโหวตมากจริงๆ วีณาก็ทุ่มพลังของตัวเองทำให้เต็มที่

วีณาทำเต็มที่ในทุกๆ วัน ไม่เคยคิดเลยว่า ถ้าไม่ได้จะทำอะไรต่อ ก็ไปไม่เป็นเหมือนกันนะ (หัวเราะ) แต่ก็จะดำเนินโครงการของเราต่อไปค่ะ คิดว่าเสียงของเราสักวันคงจะมีใครได้ยินมากยิ่งขึ้น อยากจะช่วยเหลือสังคมให้ได้มากยิ่งขึ้นค่ะ

ปีต่อไปจะมาเอาที่ 1 อีกมั้ย ตอบไม่ได้ค่ะ การมาประกวดครั้งนึงต้องใช้อะไรเยอะมาก ทั้งกำลังกาย กำลังใจ อยากให้เป็นเรื่องของอนาคตมากกว่า เพราะว่าในอนาคตวีณาอาจจะเปลี่ยนใจไปทำทางด้านสายอื่น หรือวีณายังอยากจะกลับมาเอามงกุฎ อยากให้เป็นเรื่องของอนาคตและคอยติดตาม

แต่วีณาอยากจะเป็นนักเคลื่อนไหวทางสังคมมากกว่า อยากจะไปทางด้านช่วยเหลือ และทำงานการกุศลมากกว่า งานเดินแบบวีณาก็ชอบแต่อิ่มตัวแล้ว และอายุก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นก็อยากจะเก็บเกี่ยวความรู้มากกว่า และถ้าได้มงกุฎและต้องไปประกวดต่อมันต้องใช้อะไรอีกหลายๆ อย่างมากเลย ความรู้รอบตัวก็จะต้องมี ถ้าเราพัฒนาความรู้มันยิ่งทำให้เราเข้าใกล้มงกุฎที่ 3 มากยิ่งขึ้น

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1948144
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1948144