กลายเป็นปมดราม่าร้อนฉ่า หลังชาวเน็ตสังเกตเห็น ฟ้าใส ปวีณสุดา ดรูอิ้น มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2019 ออกงานโดยไม่มีมงกุฎและสายสะพายหลังพ้นตำแหน่ง จนเป็นเรื่องบานปลาย และฟ้าใสได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุผลที่ไม่ต่อสัญญากับบริษัท TPN 2018 จำกัด ผู้ถือลิขสิทธิ์การประกวด Miss Universe Thailand แต่หลังจากนั้น ปุ้ย ปิยาภรณ์ แสนโกศิก ผู้บริหารสาวจาก TPN โพสต์สวนกลับจะดำเนินคดีกับผู้ที่กล่าวหา หรือโพสต์ข้อความที่ไม่เป็นความจริง จนทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย

โดยบอกว่า “สัญญาแต่ละฉบับในมือสั่นไปหมดเลย จะส่งก๊อบปี้สัญญาให้แฟนนางงามและนักข่าวยังไงดีนะถึงจะไม่ผิดกฎหมาย มีฉบับที่เป็นลายมือแม่ของนางขอแก้มาด้วยนะ ถ้ายังไม่เลิกโกหกและเขียนให้คนทั่วไปเข้าใจกองในทางเสียหาย น้องได้ขึ้นศาลสมใจแน่นอน

ขอไปศึกษากรณีการปล่อยแชต 79 หน้าของน้องงูเขียวแอนด์เดอะแก๊งสักวันสองวัน ใครที่ต้องการดูสัญญาอยากให้โพสต์ที่อยู่เอาไว้จะจัดส่งทางไปรษณีย์ เพราะถ้าถ่ายโพสต์คงมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉันจะปิดจ๊อบนางงามลวงโลกคนนี้เอง รำคาญ!!

แง้มเรื่องนึง สาเหตุที่จบแค่ TOP5 MU นอกจากไม่มีวินัยชอบตื่นสายแล้ว ก็เพราะป้าพอลได้รู้ว่าไม่เซ็นสัญญากับกองประเทศตัวเอง ซึ่งป้าเขามองว่าถ้าทำตัวมีปัญหากับกองบ้านตัวเอง ก็น่าจะเป็นคนที่ทำงานด้วยยาก MU เขาทวงสัญญาเพื่อเป็นการยืนยันตัวตนว่าเป็นตัวแทนประเทศนั้นๆ อย่างถูกต้องเป็นลายลักษณ์อักษร

พอนางไม่เซ็น กองต้องออกเป็นจดหมายให้กรรมการที่ตัดสินรอบไฟนอลเซ็นรับรองทุกคน เดือดร้อนผู้ใหญ่กันไปหมด แต่ทุกคนก็เต็มใจทำเพราะนางอยู่ตรงนั้นแล้ว เป็นตัวแทนประเทศอยู่ ต้องส่งให้ถึงฝั่ง ทั้งๆ ที่รู้ว่าพอถึงฝั่งนางจะถีบหัวส่งก็ตาม

ดูความเห็นแก่ตัวของคนๆ นึง ซึ่งกะเทยทั่วประเทศฝากความหวังมงที่สามกับนาง สิ่งที่ทุกคนคิดว่านางทุ่มเท ใช่ ทุ่มเทกินดึกเพื่อน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น 10 กิโล ทุ่มเทดูซีรีส์เพื่อจะได้ไม่มีเวลาไปออกกำลังกาย ทุ่มเทนอนตื่นสายเพื่อจะได้ไปทำงานไม่ทัน ทุ่มเทเลี่ยงเซ็นสัญญาเพื่อจะได้ไม่มีอะไรผูกมัด ทุ่มเทจริงจริ๊ง ขอยืนยันว่าเนื้อหาสำคัญในสัญญาไม่ได้เป็นอย่างที่นางโกหก”