เป็นไปได้ไหมที่หนังเอเชียจะเอาชนะฮอลลีวูด หลังโควิด-19 ทำให้การผลิตภาพยนตร์จากโลกตะวันตกล่าช้า
เป็นไปได้ไหมที่หนังเอเชียจะเอาชนะฮอลลีวูด หลังโควิด-19 ทำให้การผลิตภาพยนตร์จากโลกตะวันตกล่าช้า – BBCไทย
ตอน เจสซี คิว ซูตานโต เซ็นสัญญาตีพิมพ์นิยายเล่มแรกของเธอที่ชื่อ “Dial A for Aunties” เธอไม่ได้คาดคิดว่าเน็ตฟลิกซ์จะซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างภาพยนตร์โดยทันที
นักเขียนจากกรุงจาร์กาตารายนี้บอกว่าอาจพูดได้ว่างานของเธอคล้ายเอาหนังสือและภาพยนตร์ “Crazy Rich Asians” และภาพยนตร์อเมริกันเรื่อง “Weekend at Bernies” มาผสมกัน
เธอบอกว่านิยายเล่มนี้ – บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับช่างภาพงานแต่งงานที่ฆ่าคู่เดทโดยไม่ได้ตั้งใจและเอาศพไปซ่อนในงานแต่งงาน – ออกมาในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ
“ทุกคนต่างก็ต้องการสิ่งที่จะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นเพราะการล็อกดาวน์ พล็อตที่เว่อวัง ความไม่สมเหตุสมผลเรื่องศพและงานแต่งงานงานใหญ่เป็นหนทางสำหรับการหลีกหนีความจริงได้ดี งานแต่งงานของชาวอินโดนีเซียเชื้อสายจีนน่าทึ่งมาก มีแขกโดยเฉลี่ยถึง 2,000 คน และนางเอกของฉันต้องเอาศพไปซ่อนโดยได้ความช่วยเหลือจากแม่และเหล่าป้า ๆ”
ซูตานโต จะร่วมผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย โดยนาห์นาตช์คา คาน (ผู้กำกับซีรีส์เรื่อง “Fresh off the Boat” ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของผู้อพยพชาวไต้หวันที่ปรับตัวใช้ชีวิตใหม่ในสหรัฐฯ) จะรับหน้าที่เป็นผู้กำกับ
เธอบอกว่าคงไม่ได้ข้อตกลงขายลิขสิทธิ์นี้หากภาพยนตร์เรื่อง “Crazy Rich Asians” ไม่ประสบความสำเร็จขนาดนี้
ภาพยนตร์ “Crazy Rich Asians” ซึ่งสร้างจากหนังสือของ เควิน ควาน (ชื่อฉบับแปลไทยว่า “เหลี่ยมโบตั๋น”) โด่งดังไปทั่วโลกโดยทำเงินได้เกือบ 200 ล้านปอนด์ทั่วโลก
นอกจากนี้ก็ยังมีภาพยนตร์เรื่อง “ชนชั้นปรสิต” (Parasite) จากเกาหลีใต้ที่สร้างประวัติศาสตร์ชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในงานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 92 เมื่อต้นปี
นี่หมายความว่าอำนาจด้านวัฒนธรรมกำลังเคลื่อนจากโลกตะวันตกมาฝั่งตะวันออกหรือเปล่า
ไมค์ กูดริดจ์ ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของเทศกาลภาพยนตร์และรางวัลนานาชาติของมาเก๊า บอกว่า หลายองค์ประกอบเกิดขึ้นอย่างประจวบเหมาะกันในปี 2020
“จีนเป็นตลาดภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้วอย่างเป็นทางการ มีคน 1.3 ล้านคนที่นั่น และสามารถเอาชนะตลาดของสหรัฐฯ ได้ราบคาบหากเทียบกัน กำลังมีภาพยนตร์ฮิตที่จะออกมาจากจีน ภาพยนตร์ที่จะทำเงินได้ถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เฉพาะในจีน”
คำบรรยาย
กูดริดจ์บอกว่า เว็บไซต์ให้บริการดูหนังออนไลน์อย่างเน็ตฟลิกซ์และแอมะซอน ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป จากที่ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ เหมือนเป็นเจ้าจักรวรรดิด้านวัฒนธรรม โดยที่คนทั่วโลกต้องรอคอยภาพยนตร์ฮิตจากฮอลลีวูด
“[เดี๋ยวนี้]คุณต้องสร้างภาพยนตร์และซีรีส์ทีวีที่เป็นเรื่องราวจากท้องถิ่น พวกเขาต้องการเรื่องของตัวเอง …ดังนั้นบริษัทสหรัฐฯ ต่าง ๆ กำลังลงทุนสร้างเนื้อหาทั่วเอเชีย รวมถึงศูนย์กลางที่สิงคโปร์ด้วย”
กูดริดจ์เชื่อว่า มีโอกาสสูงที่ภาพยนตร์เหล่านี้จะก้าวไปเป็นที่นิยมในโลกตะวันตก
“การเปลี่ยนแปลงนี้ตรงกับช่วงการระบาดใหญ่ เราไม่เห็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดมากนัก เพราะถูกเลื่อนออกไป ดังนั้นคนดูที่อยู่ที่บ้านก็หันไปดูทีวีหรือภาพยนตร์ต่างประเทศที่ไม่เคยสนใจมาก่อนแทน …เราเปิดรับ[การดูภาพยนตร์แบบเปิด]คำบรรยายใต้วิดีโอมากขึ้น”
เกาหลีใต้กำลังได้เปรียบเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นจากกลุ่มนักร้อง BTS ที่ดังไปทั่วโลก หรือว่าภาพยนตร์ “ชนชั้นปรสิต” ที่ไปสร้างประวัติศาสตร์ในเวทีออสการ์ได้
ดาร์ซี พาเคต ผู้แปลคำบรรยายของ “ชนชั้นปรสิต” และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ koreanfilm.org มีส่วนช่วยจัดงานเทศกาลหนังเกาหลีที่กรุงลอนดอนปีนี้ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ 29 ต.ค. เปิดงานด้วยภาพยนตร์เกาหลีดังเรื่อง “Pawn”
ความสำเร็จระดับโลกของ “ชนชั้นปรสิต” โดยผู้กำกับ บอง จุนโฮ ทำให้หนังสั้นของเขาซึ่งดังอยู่แล้วในเกาหลีใต้อย่าง “Incoherence” จากปี 1994 และ “Influenza” จากปี 2004 ได้มาฉายที่อังกฤษด้วย
“คนเกาหลีไปโรงภาพยนตร์มากที่สุดในโลกหากวัดตามสัดส่วนประชากร เป็นสังคมที่รักภาพยนตร์จริง ๆ และการเล่าเรื่องของพวกเขาก็ซับซ้อนมาก ๆ ด้วย”
“คาดได้ว่าภาพยนตร์ดี ๆ เรื่องอื่นจากเกาหลีจะสามารถสร้างแรงกระเพื่อมได้ และตอนนี้ผู้ชมในโลกตะวันตกก็อาจจะพร้อมเปิดใจลองดูมากขึ้น”
เขาบอกว่าผู้ชมจะได้เห็นค่านิยมทางวัฒนธรรมที่ชาวตะวันตกอาจจะไม่คุ้นเคย เช่น บทบาทของตัวละครนั้น ๆ ในครอบครัว หรืออารมณ์ตลกร้ายที่น้อยกว่าในภาพยนตร์ฮอลลีวูด “มีการแสดงอารมณ์ในเรื่องอย่างตรงไปตรงมามาก และอาจจะกระแทกใจมาก”
แต่การ “ส่งออก” ค่านิยมทางวัฒนธรรมไปสู่คนดูชาวตะวันตกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ไมค์ กูดริดจ์ ยกตัวอย่างว่า ในภาพยนตร์จีน พล็อตเรื่องจะดำเนินตามกฎเกณฑ์ทางสังคม เช่น หากคุณฆ่าคนตาย ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก็ตาม คุณจะต้องติดคุก
“หากคุณคุ้นกับจังหวะของการเล่าเรื่องแบบฮอลลีวูด คุณจะดูไปแล้วก็คิดไปว่า คนเหล่านี้ไม่ควรต้องติดคุกแน่นอน ! ค่านิยมทางศีลธรรมของพวกเขาถูกสะท้อน[ลงไปในภาพยนตร์]มากกว่า”
ดูเหมือนฮอลลีวูดจะเชื่อว่าเรื่องราวของชาวเอเชียเชื้อสายอเมริกันมีแนวโน้มสามารถดึงดูดผู้ชมได้อีกมาก ไม่นานมานี้ มีการประกาศว่านักแสดงที่มีเชื้อสายเอเชียอย่าง ซานดรา โอ จากซีรีส์ “Killing Eve” และออควาฟีนา จะร่วมแสดงกันในซีรีส์ตลกของเน็ตฟลิกซ์
อีกคำถามสำคัญคือเอเชียยังต้องการฮอลลีวูดอยู่ไหม
แอนเดอร์สัน เล ชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนาม ซึ่งผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮาวาย และเจ้าของสตูดิโอผลิตภาพยนตร์ East บอกว่า “ยกตัวอย่างเช่น เวียดนามมีประชากร 100 ล้านคน และก็รับมือกับโควิด-19 ได้ดีเหมือนกับเกาหลีใต้ ไต้หวัน และนิวซีแลนด์”
“ประชากรครึ่งหนึ่งมีอายุไม่ถึง 40 ปี …โรงภาพยนตร์ก็ยังเปิด ยอดขายตั๋วก็ดี ด้วยความที่ไม่มีภาพยนตร์จากฮอลลีวูดมาแข่ง ผู้ชมสนุกกับภาพยนตร์ดี ๆ จากในประเทศมาก”
เขาบอกว่า ตอนนี้ ประเทศอย่างเวียดนาม จีน และเกาหลี ไม่ต้องคิดถึงอเมริกาเลยด้วยซ้ำ กำลังเป็นเหมือนบอลลีวูดในอินเดียซึ่งอยากจะสื่อสารกับผู้ชมของตัวเองก่อน
แต่ เล บอกว่า คนทำหนังจากเอเชียก็ยังอยากมีที่ทางในเวทีใหญ่ ๆ อย่างออสการ์อยู่ และต้องลุ้นกันว่าจะมีภาพยนตร์จากเอเชียประสบความสำเร็จไหมหากมีการจัดงานประกาศรางวัลออสการ์ในปีหน้า
ภาพยนตร์เรื่อง “Nomadland” ซึ่งชนะรางวัลใหญ่จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส อาจจะชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกก็ได้ แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะถ่ายทำในสหรัฐฯ ทั้งหมด แต่ โคลอี จาว ผู้กำกับซึ่งเกิดและโตในจีน อาจจะเป็นผู้หญิงคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ชนะรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมของออสการ์ก็ได้
ดูข่าวต้นฉบับ
ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_5299632
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_5299632