เฌอเบลล์ รักสะดุดถอยคนละก้าวแฟนหนุ่ม หลังคุกเข่าขอฝ่ายชายแต่งงาน


ให้คะแนน


แชร์

หลังจากที่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ นักแสดงสาว เฌอเบลล์ ลัลณ์ลลิน ได้คุกเข่าขอแฟนหนุ่มนอกวงการ พีท ที่ต่างประเทศเมื่อตอนที่ทั้งคู่ไปเที่ยวด้วยกัน และทั้งคู่ก็เริ่มมีการวางแพลนเรื่องนี้เอาไว้

แต่เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จู่ๆ นักแสดงสาวก็โพสต์รูปและแคปชั่นชวนสงสัยในสถานะความสัมพันธ์ของตัวเองและแฟนหนุ่ม ล่าสุดได้เจอสาวเฌอเบลล์ที่งานบวงสรวงละครเรื่องวันทอง ก็ไม่พลาดที่จะอัปเดตสถานะหัวใจของนักแสดงสาว ซึ่งเจ้าตัวก็ได้เปิดเผยว่า

ข่าวแนะนำ

ความรักของเราเป็นอย่างไรตอนนี้?
“จะเริ่มต้นยังไงดี ตอนนี้สถานะก็มันก็จะซับซ้อนนิดหนึ่ง ด้วยโควิดอะไรหลายๆ อย่าง และด้วยงานมันก็มีความเครียดกันทั้งสองฝ่าย ก็เลยคุยๆ กันว่า เราลองถอยกันมาคนละก้าวแล้วโฟกัสงานก่อนมั้ย”

คือเราไม่ค่อยมีเวลาให้กัน มันเลยเป็นสาเหตุ?
“ก็ด้วยค่ะ แล้วด้วยความเครียดด้วย ช่วงนี้เหมือนว่าเค้าทำงานเกี่ยวกับการท่องเที่ยว แล้ววงการท่องเที่ยวมันก็กระทบหนัก วงการบันเทิงที่เราไม่เคยจะกระทบก็กระทบ

แล้วต่างคนต่างมีภาระของตัวเอง คือมันหลายอย่าง เวลาเราคุยกันมันอาจจะมีความเครียด มันซับซ้อนค่ะ เราอยู่ตรงนี้เหมือนเราได้โฟกัสอะไรอย่างนึงแล้วมันดีขึ้น”

ยังไม่ได้ใช้คำว่าเลิก?
“คือใช้คำว่าถอยออกมาคนละก้าว ตอนนี้ก็แบบยังไม่รู้อนาคต เราก็ยังรู้สึกที่ดีต่อกัน”

สำหรับรูปคู่ที่หายไปซ่อนเอาไว้หรือลบเลย?
“คือด้วยความที่เรามาโฟกัสที่งาน เราก็เลยมีการบอกเขาว่าด้วยไอจีของนักแสดงมันคือโปรไฟล์หน้าตาของการทำงาน ทีนี้มันก็จะมีผลกระทบนิดหน่อยเวลาลูกค้าเห็นรูป มันอาจจะไม่เหมาะกับสินค้า เราก็เลยมาคุยกันว่าขอเอาออกนะ”

แล้วแผนของเราที่จะแต่งงานก็คือพักไปก่อน?
“ใช่ ก็คือพักไปก่อน รอให้อะไรๆ มันเข้าที่เข้าทาง เดี๋ยวค่อยมาคุยกันใหม่อีกที”

ระยะเวลานานขนาดไหนแล้วที่เราถอยห่างกันมา?
“ก็สักพักแล้วตั้งแต่โควิดเริ่มมีปัญหา (ต้นปี?) ก็ไม่กี่เดือนค่ะ”

ยังได้ติดต่อกันมั้ย?
“ยังคุยค่ะ ก็ยังมีธุระปะปังที่จะต้องคุยต้องเคลียร์กันอยู่ ก็มีคุยกันปกติ ทักว่าช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง ธุรกิจที่เค้าทำอยู่เป็นยังไงบ้างก็มีถามกัน”

มันไม่เกี่ยวกับเรื่องที่เราออกตัวแรงใช่มั้ย?
“อันนั้นก็เป็นวัยของเราตอนเด็กๆ ตอนที่เรารัก เราก็เป็นคนเต็มที่แล้วก็ไม่ได้เสียใจจากจุดนี้ เพราะว่าเราก็ทำเต็มที่แล้ว แต่ว่าพอมันมาถึงจุดที่เราพยายามกันทั้งคู่ แต่ถ้าตอนนี้เราฝืนมันก็จะแย่ เราต้องหยุดไว้ก่อน ตอนนี้เราต้องเอาที่ต้องโฟกัสหนักจริงๆ ให้มันดีก่อนแล้วเราค่อยมาคุยกันอีกที”

ได้มีการเปิดใจคุยกันบ้างมั้ย?
“มีค่ะ มี (แต่มันไม่ได้แล้วใช่มั้ย?) มันเป็นเรื่องของอนาคตค่ะ ตอนนี้เราต้องโฟกัสอันที่มันจะพาให้เรามีชีวิตรอดก่อน ตอนนี้มันย่ำแย่มาก”

แล้วเราคิดว่าจะมีโอกาสกลับมาเป็นเหมือนเดิมมั้ย?
“มันยังเป็นเรื่องของอนาคต ถ้าเกิดเรายังมีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน มันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว”

แล้วเราไม่เปิดรับใครเข้ามาเลย?
“เราก็ไม่ได้เปิด เราโฟกัสที่งานอยู่ค่ะ “

แล้วครอบครัวของทั้งสองฝ่ายว่ายังไงบ้างเพราะก่อนหน้านี้ก็คุยกันเรื่องแต่งงาน?
“ผู้ใหญ่เค้าก็บอกว่ามันเป็นเรื่องของเรา”

แล้วสภาพจิตใจเราตอนนี้โอเคมั้ย?
“ก็โอเคอยู่”

ร้องไห้มั้ยตอนนั้นที่คุยกัน?
“มันก็ต้องมี เพราะว่ามันเป็นด้วยอารมณ์หลายๆ อย่าง มันมีหลากหลายอารมณ์ ณ ตอนนั้น มันก็เลยคิดว่าถ้าเกิดเรายังรู้สึกดีต่อกัน เรารอซักแป๊บนึง ถ้าเกิดทุกอย่างสถานการณ์มันดีขึ้น เดี๋ยวเราว่ากันใหม่ ว่าเราจะอะไรยังไง”

ทุกวันนี้ยังคงคิดถึงเขาอยู่มั้ย?
“ก็คนมันอยู่ด้วยกันขนาดนี้ มันก็มีความผูกพัน มันก็มีทักทายกันปกติ”

ได้มีข้อตกลงกันมั้ยว่าต่างคนอาจจะต่างเปิดใจ?
“จริงๆ เราไม่ได้กำหนดอะไรไว้เลยค่ะ เราไม่ได้ซีเรียสอะไรด้วย ด้วยความที่เราเข้าใจกัน เราเข้าใจเรื่องการงานเป็นหลัก คือต่างคนต่างมีครอบครัวที่จะต้องดูแล มันก็ต้องสำคัญเรื่องนี้ว่าเราจะต้องเอาครอบครัวไปให้รอดในช่วงวิกฤติแบบนี้”

แล้วเราซีเรียสมั้ยที่หลายคนมองว่าเราออกตัวแรงในครั้งที่เราเป็นคนไปคุกเข่าขอฝ่ายชายแต่งงาน?
“ซีเรียสมั้ย จริงๆ มันก็เป็นความผิดของเราด้วยความที่เรารัก เราก็เต็มที่ วัยเด็กบางทีเราอาจจะไม่ได้คิดเยอะมากไป แล้วด้วยความรักเราก็เต็มที่ แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสเพราะรู้สึกว่าเต็มที่แล้วจริงๆ ค่ะ”

มีเรื่องของมือที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องมั้ย?
“ไม่มีค่ะ ไม่มี เพราะทั้งเราและทั้งเค้าเป็นคนที่ไม่ได้เป็นคนเจ้าชู้กันอยู่แล้วค่ะ”

อ่านเพิ่มเติม…

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1975981
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1975981