“ดร.เซปิง” เผยพร้อมให้อภัย “หนุ่ม กรรชัย” แต่ต้องขอโทษผ่านสื่อ มั่นใจว่าชนะแน่นอน!


ให้คะแนน


แชร์

“ดร.เซปิง” เผยพร้อมให้อภัย “หนุ่ม กรรชัย” แต่ต้องขอโทษผ่านสื่อ มั่นใจว่าชนะแน่นอน!

วันที่ 16 พ.ย. 2563 เวลา 18:15 น.

“ดร.เซปิง” พร้อมให้อภัย “หนุ่ม กรรชัย” แต่ต้องขอโทษผ่านสื่อ หลังฟ้องพิธีกรข้อหาหมิ่นประมาท 50 ล้านบาท

หลังจากเมื่อวันที่ 23 กันยายน 63 ที่ผ่านมา “ดร.เซปิง ไชยศาสน์” อายุ 47 ปี ประธานโครงการศัลยกรรมความงามเฟซออฟ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “นายกรรชัย กำเนิดพลอย” หรือ “หนุ่ม” พิธีกรทีวีรายการโหนกระแส, “นายภิญโญภัทร์ ชิดตะวัน” ทนายความ และผู้เสียหายเหยื่อศัลยกรรม ที่มาออกรายการทั้งหมด ฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ฟ้องเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องคดีอาญาเพื่อเรียกค่าสินไหมทดแทนจำนวน 50 ล้านบาท

โดยล่าสุดวันนี้ 16 พฤศจิกายน 2563 “หนุ่ม กรรชัย” พร้อมแขกรับเชิญที่เคยเข้าร่วมรายการ โหนกระแส หัวข้อ FACE OF ภาค 2 เปลี่ยนหน้าคนเป็นหน้าผี เดินทางมาที่ศาลอาญารัชดา หลังศาลนัดตรวจหลักฐานในคดีดังกล่าว

ซึ่งทาง “ดร.เซปิง” ได้ออกมาเผยว่า รู้สึกมั่นใจในพยานหลักฐานทั้งหมด ส่วนตัวถูกทำลายชื่อเสียง และการที่คนเราจะพูดอะไร ข้อเท็จจริงยอมรู้อยู่แก่ใจ ซึ่งการพึ่งอำนาจศาลครั้งนี้ ส่วนตัวมั่นใจว่าความยุติธรรมมีจริง และสังคมต้องได้รู้ข้อเท็จจริง ทั้งนี้ ตนไม่เคยได้เจอหน้าจำเลยทั้ง 7 คนเลย วันนี้จึงอยากเห็นสีหน้า แววตา ความรู้สึก และอยากเห็นการสำนึกว่ากับการที่ทำร้ายผู้อื่นไปแล้ว

พร้อมทั้งยังได้ฝากถึงจำเลยทั้ง 7 ว่า ตลอดเกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ตนถูกทำลายชื่อเสียง และเสียใจมากๆ แทบไม่มีความสุขเลย และหลังจากนี้ทุกคนจะได้รู้เมื่อศาลตัดสิน แต่หากจำเลยทั้ง 7 มีการขอไกล่เกลี่ย ตนเองขอพิจารณาอีกครั้งเพราะต้องดูว่าจำเลยทั้ง 7 สำนึกในการกระทำหรือไม่ หากสำนึกผิดก็พร้อมที่จะให้อภัย หากมีการขอโทษก็ต้องขอโทษผ่านสื่อ เพราะตนเองถูกกระทำผ่านสื่อ

ทางด้านทนายความ “นายจำนงค์ ชัยมงคล” ได้บอกต่อว่า “ดร.เซปิง” ได้เรียกค่าเสียหายไปกว่า 50 ล้านบาท วันนี้เป็นวันนัดพร้อมคู่ความครั้งแรก จะนัดตรวจหลักฐานรวมถึงจะมีการพิจารณานัดวันสืบพยาน เบื้องต้นค่อนข้างมั่นใจในพยานหลักฐานที่มี ซึ่งฝั่งโจทก์ได้เบิกความในชั้นไต่สวนไปมากแล้ว หากวันนี้จำเลยมาครบทั้ง 7 คน ก็จะมีการสรุปวันนัดสืบพยานได้ ส่วนหลักฐานในทางกฎหมายมีความมั่นใจ เพราะตรวจสอบแล้วพบว่ามีการพูดในรายการจริง และคำพูดเป็นลักษณะของการใส่ความ

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.posttoday.com/ent/news/638151
ขอขอบคุณ : https://www.posttoday.com/ent/news/638151