มิกค์ ทองระย้า จากตัวร้ายสู่พระเอก เปิดใจถึง อั้ม พัชราภา-โบว์ เมลดา


ให้คะแนน


แชร์

หากจะท้อพระเอกหนุ่มบอกกับเราว่าคงเป็นเรื่องของการแสดง บทบาทที่ได้รับมากกว่า พร้อมกับยกตัวอย่างตอนที่ได้เล่นเป็นพระเอกครั้งแรกในชีวิตของตัวเองให้เราฟัง นั่นคือเรื่อง ลูกผู้ชายพันธุ์ดี ที่เป็นละครเย็น แนวซุปเปอร์ฮีโร่

มิกค์เล่าว่า ความยากความท้อของละครเรื่องนี้คือเป็นละครบู้ร้อยเปอร์เซ็นต์แบบจัดเต็ม และตอนนั้นก็ตัวเองก็บู้ไม่เป็น ต้องไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ มิกค์ต้องซ้อมเยอะมาก พอมาถ่าย ออกอากาศตอนแรก เล่นไม่ได้เรื่อง ก็ต้องเล่นใหม่

ซึ่งเจ้าตัวยอมรับแบบไม่อายเลยว่า เป็นช่วงหนึ่งที่รู้สึกว่าการทำงานมันยาก และด้วยความที่เป็นคนตัวสูง แขนขายาวเก้งก้างต้องเล่นฟิตเนส ต้องคุยต้องซ้อมกับสตั๊นท์แมน ยิ่งใกล้ถึงเวลาที่ละครจะออนแอร์ ก็ต้องรีบเล่นต้องจัดเต็ม ช่วงนั้นจึงทำให้มิกค์เหนื่อยไม่น้อย

และมิกค์ก็เล่าความหลังสมัยที่เริ่มเล่นละครให้เราฟังอีกด้วยว่า “ตอนที่เล่นละครเรื่องแรกๆ โดนติว่าเล่นแข็งมาก เล่นเป็นก้อนหินเลยครับ (หัวเราะ) ดูแล้วรู้เลยไม่ต้องมีคนบอกผมก็รู้ตัวเอง แต่ตอนนั้นยอมรับว่าไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องของการแสดงเท่าไหร่

ก็เล่นๆ ไป เล่นไปตามบทที่ได้มา ให้พูดยังไงก็พูด ไม่มีแอ็กติ้ง ไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลังของอารมณ์ตัวละคร ก็เล่นไป แต่พอเล่นมาเรื่องที่ 3-4 ก็เริ่มเข้าใจ ตอนที่มาเล่นเรื่อง ลูกผู้ชายไม้ตะพด และเรื่องชิงนาง

มันเกิดจากการที่พอผมได้คุยกับผู้กำกับหลายๆ คนได้คุยกัน ก็เริ่มเข้าใจการแสดง ว่ามันมีอะไรให้เล่นเยอะมากๆ มันมีอะไรให้หยิบจับมาเล่นได้หมดเลย ก็เริ่มเข้าใจการแสดง

พอเริ่มเข้าใจการแสดง เรื่องต่อๆ ไปมันก็ยิ่งสนุก เริ่มสนุก จนตอนนี้รักการแสดง รักการทำงานของเราไปแล้ว” พร้อมกับฉายรอยยิ้มที่บอกได้ถึงความรู้สึกภูมิใจในอาชีพที่ตัวเองทำอยู่

แต่ถนนสายมายาของ มิกค์ ทองระย้า ไม่ได้โรยด้วยกลับกุหลาบอย่างที่เจ้าตัวได้บอกเอาไว้แต่แรก อุปสรรค ความยากลำบาก ความไม่เข้าใจในช่วงแรก แม้จะมีมากมาย แต่สิ่งเหล่านั้นไม่เคยบั่นทอนมิกค์เลย

“เวลาที่ผมจะรู้สึกนอยด์ๆ คือตอนที่ถูกผู้กำกับว่าครับ (ยิ้ม) แต่ผมไม่เก็บมาบั่นทอนความรู้สึก แต่ผมจะหัวเราะ และยอมรับมัน ขำในการแสดงของตัวเองตอนนั้นเหมือนกันนะ

ผมยอมรับกับการแสดงของตัวเองเลย แต่ผมไม่เคยคิดนะว่าตัวเองไม่เหมาะกับการแสดง แต่คิดแค่ว่าเราจะต้องพยายามมันถึงจะทำได้” ท้อมีไว้ให้ลิงถือ ไม่ใช่ มิกค์ ทองระย้า คนนี้นะจ๊ะ 

ความกดดันที่ต้องแบกไว้

แม้ตอนนี้จะถูกวางตัวให้เป็นพระเอกเบอร์ต้นๆ และมีชื่อเสียง ฝีมือทางการแสดงเข้าขั้นเข้าตากรรมการ แต่งานนี้หนุ่มมิกค์ก็ยังถ่อมตัว ขอให้คะแนนตัวเองในการทำงานว่า

“ฝีมือการแสดงของผม ผมให้ตัวเอง 70 เปอร์เซ็นต์ครับ เพราะผมน่าจะยังพัฒนาไปต่อได้อีกเยอะเลย เพราะการแสดงมันหยุดไม่ได้ เป็นศาสตร์ที่ไม่มีคำว่าหยุดหรือจบสิ้น สูงสุด ที่สุดแล้ว มันไม่มี

เพราะมันมีอะไรให้เล่นอีกเยอะมากๆ เลย มันท้าทายมาก ผมชอบความท้าทาย พอไปเจอเรื่องใหม่ เจอผู้กำกับคนใหม่ เจอบทใหม่ เจอนักแสดงใหม่ มันท้าทายเรา เราสนุกกับการทำงาน”

จากนั้นเราก็ถามต่อว่า มิกค์รู้สึกกดดันหรือไม่ กับการที่ถูกวางตำแหน่งให้เป็นพระเอกเบอร์ต้นๆ ของช่องในตอนนี้ ตอนที่ช่องเหลือพระเอกไม่มากเหมือนเมื่อก่อน งานนี้เจ้าตัวบอกกับเราแบบถ่อมตัวอีกแล้วว่า 

“เรื่องความกดดันอาจจะไม่ได้กดดันถึงขนาดนั้น แต่ก็มีนิดนึงที่เรามาอยู่จุดนี้ ไม่ใช่ว่าเราจะทำอะไรก็ได้ จะปล่อยวางหรือว่าเบาลงมันทำแบบนั้นไม่ได้เลย มาถึงจุดนี้มันยิ่งต้องพัฒนาฝีมือให้มันมากขึ้น เพราะว่ามันมีคนจับตาดูเรามากขึ้นก็ต้องยิ่งทำให้มันดีและพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ ครับ” 

เพราะชีวิตค่อยๆ เดิน ค่อยๆ มา เราเลยถามว่า รู้สึกเหนื่อยมั้ยกับการที่มาอยู่ในจุดนี้ ที่ใครๆ ชอบพูดกันว่า ยิ่งสูงยิ่งหนาว พระเอกหนุ่มรูปหล่อตอบคำถามนี้ว่า

“ถามว่าเหนื่อยมั้ย มันเหนื่อยมาก แต่ผมก็มีความสุขมากเช่นกัน และผมเป็นคนที่มีคติที่ยึดไว้เสมอว่า ผมจะทำทุกอย่างที่มีความสุข มันจะแฮปปี้กับชีวิต

เพราะว่าผมมองว่าผมผ่านอะไรมาเยอะและหนักพอสมควร แต่ก็อดทนมาเยอะในเรื่องของการทำงาน พอมาถึงวันนี้ก็เลยอยากจะมองแต่ความสุขแล้ว

ความทุกข์ก็น้อยมาก เอาจริงก็ไม่ค่อยเจอ แต่เจอเป็นเรื่องของความเหนื่อยมากกว่า เหนื่อยในเรื่องของการทำงาน ผมเคยถ่ายละคร 3 เรื่อง และต้องขับรถเอง มันหนักมากๆ เลยตอนนั้น

แต่โชคดีที่มีผู้จัดการ ไปไหนพี่ปูจะไปด้วย และจะคอยซัพพอร์ต จะคอยบอกว่า สู้ๆ นะ พร้อมกับตบไหล่ให้กำลังใจผมด้วย (ยิ้ม) มันก็เป็นกำลังใจให้ผมได้”

เข้าสู่ปีที่ 12 ปี บนเส้นทางบันเทิง ผ่านมาหลากหลาย ชีวิตของ มิกค์ ทองระย้า ได้อะไรมาบ้าง และเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน พระเอกหนุ่มย้อนไปถึงตั้งแต่วันเริ่มต้นที่ชนะการประกวดว่า

“เข้าสู่ปีที่ 12 กับการทำงานในวงการบันเทิง ผมได้อะไรจากอาชีพนี้มาเยอะมากครับ เปลี่ยนผมตั้งแต่แรก ตอนเป็นเด็กต่างจังหวัด ชอบเล่นกีฬา ตัวดำไม่ดูแลตัวเอง

เข้ามาวงการก็ต้องดูแลตัวเอง ผิวพรรณ รูปร่าง เพราะมันคืองาน เวลาออกมาหน้าจอจะต้องให้ดูดี จะมาดูไม่ดีไม่ได้เพราะว่ามันคืองานของเรา (ยิ้ม) เราต้องทำให้ตัวเองดูดีเข้าไว้ ทำงานก็ต้องตรงต่อเวลา มีความรับผิดชอบ”

วันที่ทำความฝันสำเร็จ

มิกค์ ทองระย้า มีความฝันว่าสักวันจะต้องได้เล่นละครกับ อั้ม พัชราภา และ ยุ้ย จีรนันท์ ที่เป็นนางเอกเบอร์ต้นของช่อง 7  ซึ่งพอพูดถึงเรื่องนี้ พระเอกหนุ่มแอบอาย ก่อนจะบอกกับเราว่า 

“มันเป็นความฝันของผมในตอนที่เข้าวงการ ถ้ามีโอกาสวันหนึ่งก็อยากจะเล่นละครกับพี่อั้มและพี่ยุ้ย และวันนี้ความฝันของผมก็เป็นจริงแล้ว คือได้มีโอกาสมาร่วมงานกับพี่อั้ม (ยิ้ม) ครั้งแรกที่รู้ว่าตัวเองจะได้เล่นละครกับพี่อั้ม ผมตื่นเต้นและดีใจมาก และต่อมาคืออาการเกร็ง เพราะผมดูผลงานพี่อั้มมาเยอะมากๆ

แล้วพอถึงเวลาจะต้องได้ร่วมงานกับพี่อั้ม ผมว่าทุกคนเกร็งหมดไม่ว่าจะเป็นใคร เราก็ต้องทำการบ้านให้เยอะมากขึ้นด้วย ความคิดในหัวคือจะต้องไม่ทำให้พี่อั้มเสียเวลา ต้องรับส่งพี่อั้มดีๆ นะ ทำมันให้ออกมาดี ใช้วิชาทุกอย่างที่สั่งสมมาเอาออกมาใช้ให้หมดกับการเล่นละครกับพี่อั้ม (ยิ้ม)

ตอนที่ได้เจอกันครั้งแรก บอกเลยว่าผมเกร็งพอสมควร (ยิ้ม) แต่พี่อั้มน่ารัก พี่อั้มมาชวนผมคุย มาละลายพฤติกรรมเรา เพราะพี่เขาคงรู้ว่าผมเกร็ง ผมไม่รู้ว่าตัวเองแสดงออกชัดขนาดนั้นหรือเปล่า แต่พี่อั้มคงรู้ เลยมาชวนคุย ทำให้เราผ่อนคลาย

แต่พอได้เริ่มถ่ายทำกันจริงๆ เราก็เล่นรับส่งกันได้ดี และพี่อั้มเป็นอย่างที่เราได้ฟังมาจริงๆ คือ ตรงต่อเวลา บทเป๊ะ การแสดงไม่ต้องพูดถึง ดีมาก เป๊ะมากอยู่แล้ว พอเล่นด้วยกันมันก็ไว งานก็ออกมาดีด้วย ผมก็ดีใจแล้ว เราไม่ทำให้พี่อั้มเสียเวลา (ยิ้ม)”

เห็นหนุ่มมิกค์ชอบพูดถึงความเป๊ะ ความมืออาชีพของนางเอกซุปตาร์ อั้ม พัชราภา บ่อยมาก เราเลยแอบถามขำๆ ว่า มีคนขู่มิกค์ไว้หรือเปล่าว่าทำงานกับพี่อั้ม ต้องเป๊ะๆ ให้เหมือนพี่อั้ม ซึ่งเจ้าตัวรีบบอกกับเราทันทีว่า 

“ไม่เชิงมีคนขู่หรอกครับ แต่ผมเป็นคนคิดเองเออเองไปก่อน (หัวเราะ) บอกตัวเองทำให้ดีๆ นะ เพราะพี่เขาคือเบอร์หนึ่ง พี่เขาเป๊ะอยู่แล้ว เราต้องไม่ทำให้พี่เขาเสียเวลานะ จนตอนนี้การเข้าขาการทำงานของเราคือดีมาก

พี่อั้มน่ารัก และเป็นพี่สาวที่น่ารัก และพี่อั้มเป็นคนที่ใส่ใจกับคนรอบข้างหมด เขามองรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เวลาผมทำงานเหนื่อยๆ หรือมีคนที่กองทำงานตากแดด

พี่อั้มก็จะรีบบอกว่า เราต้องรีบทำงานกันเร็วๆ พี่เขาก็ร้อนแล้ว พี่อั้มดูแลคนรอบข้างทุกคนหมดเลย” ก่อนจะพูดถึง ยุ้ย จีรนันท์ ที่แม้จะไม่เคยได้ร่วมงานกันว่า สาวยุ้ยคือพี่สาวที่สนิท ที่คอยให้คำปรึกษาให้กับตัวเอง

และมีอีกหนึ่งเรื่อง ที่เราเชื่อว่า ทำไม มิกค์ ทองระย้า ถึงสามารถทำตัวให้เป็นพระเอกไร้ข่าวฉาวได้ขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ก็อยู่ในวงการมาหลายสิบปี แต่กลับไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยเลย ซึ่งหนุ่มมิกค์ตอบคำถามนี้แบบสบายๆ ว่า  

“อาจจะเป็นผมเพราะไม่ค่อยไปไหนมั้งครับ ถ่ายละครเสร็จก็กลับบ้าน วันหยุดก็อยู่บ้านเล่นฟิตเนส เลยอาจจะไม่ค่อยมีข่าวเท่าไหร่ อยู่ง่ายๆ สบายๆ หรือไม่ทำงานเหนื่อยๆ อยู่กอง 7 วัน พอได้หยุดก็ออกไปกินข้าว ร้านอร่อย หาของอร่อยๆ กิน (ยิ้ม)”

แน่ะ พูดถึงของกินนี่ยิ้มมีความสุขมากๆ เลยนะคุณมิกค์ และนี่คือเคล็ดลับการเป็นพระเอกไร้ข่าวฉาว น้องๆ หนูๆ คนไหนกำลังมองหานักแสดงที่จะเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้ชีวิต ก็ลองเอาไปใช้ได้นะจ๊ะ เชื่อว่าหนุ่มมิกค์ไม่หวงเคล็ดลับนี้แน่นอน

ไม่ยึดติดชื่อเสียง

กว่าจะมีวันนี้ วันที่มีชื่อเสียง เงินทอง มิกค์ ทองระย้า เคยหลงไปกับมันบ้างหรือเปล่า เพราะชื่อเสียง เงินทอง มันเคยทำให้พระเอกหลายคนเคยเสียตัวตนไปไม่น้อย ซึ่งพระเอกหนุ่มได้บอกกับเราว่า 

“ผมโชคดีที่ผมเป็นคนค่อยๆ มา ก่อนที่จะเริ่มมามีชื่อเสียง เริ่มเป็นพระเอก ก็ทำงานมา 5-6 ปี และผมก็อยู่กับกลุ่มพี่ยุ้ย เขาเป็นผู้ใหญ่ ฟังเวลาเขาคุยกัน เราก็ซึมซับความเป็นผู้ใหญ่เขามา เราก็เหมือนโตเร็วกว่าปกตินิดนึง

เราเห็นอะไรในวงการมาเยอะ รู้ว่าควรจะอยู่ตรงไหน ทำงานยังไงให้ถูกต้อง อยู่ยังไงให้คนรักและอยากจะร่วมงานกับเรา คือผมไม่ได้เข้ามาแล้วเป็นพระเอกดังตั้งแต่แรก ค่อยๆ มาเรื่อยๆ ก็เห็นอะไรมาเรื่อยๆ ตอนที่มีชื่อเสียงแล้วก็เริ่มชิน เลยรู้ว่าอะไรเป็นอย่างไร

ถ้าวันนี้ผมจะไม่ได้เป็นพระเอกแล้วผมก็รับได้ จะกลับไปเป็นตัวร้าย ก็ไม่ได้ติด เพราะไม่มีใครจะเป็นพระเอกได้ตลอดไป วันนึงผมก็คงจะได้เล่นบทพ่อแน่ๆ แหละ (ยิ้ม)

เพราะเรื่องการแสดงผมคงไม่ทิ้งแน่นอน เพราะผมรักมันไปแล้ว เราสนุกกับการทำงานของเรา วันข้างหน้าจะได้เห็นผมเล่นบทพ่อ บทปู่แน่ๆ จะเล่นไปเรื่อยๆ ครับ”

และแน่นอนว่า ในช่วงชีวิตหนึ่งของ มิกค์ ทองระย้า ที่ตอนนี้กำลังโด่งดังมีชื่อเสียงมากแล้ว แต่เจ้าตัวได้ทำการตัดสินใจหยุดงานเกือบปี เพื่อไปทำหน้าที่ของลูกผู้ชาย

นั่นก็คือ การบวช และการเป็นทหารรับใช้ชาติ ด้วยการสมัครใจ ทั้งหมดที่เกิดขึ้น มันเป็นการวางแผนชีวิตด้วยตัวมิกค์เอง ซึ่งมิกค์เล่าให้เราฟังว่า 

“ตอนเป็นทหารคือช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ผมว่ามันสนุกดี เข้าใจที่เขาบอกว่า เหนื่อยที่สุด ร้อนที่สุด หิวที่สุด ผ่านมาหมดแล้ว เหนื่อยมาก มันสนุกแต่เหนื่อยมากๆ จริง

มันคือการฝึกความอดทนของเรา การไปอยู่กับคนหมู่มาก ไม่เคยเจอกัน แล้วมาอยู่ด้วยกัน มันก็สนุกดี ได้เพื่อนเยอะมากด้วย (ยิ้ม)

ตอนนั้นที่ตัดสินใจสมัคร เพราะผมผ่อนผันมาสักระยะหนึ่งแล้ว และผมมองว่าถ้าจับได้ใบแดง ก็จะต้องเป็นทหารนาน 1 ปี ก็เลยตัดสินใจสมัคร 6 เดือน เพราะผมวางแผนมา ไม่มีผู้ใหญ่ท่านไหนห้ามเลย

ผมเคลียร์คิวละคร ผมวางแผนว่าจะบวช สึกออกมาก็เข้ากรมทันที เป็นทหาร 6 เดือน ก็หยุดไปประมาณ 7-8 เดือนในช่วงนั้น ผมจัดการวางแผนชีวิตเอาไว้ เพราะมองว่ามันเป็นเรื่องใหญ่ ต้องวางแผนก่อน”

หัวใจสีชมพู

เพราะเป็นนักวางแผนชีวิตแบบนี้ แล้วเรื่องความรัก เป็นการวางแผนที่พร้อมจะมีความรักกับนางเอกสาว โบว์ เมลดา ด้วยหรือไม่ งานนี้ทำเอาเจ้าตัวถึงกับเขินสุดๆ ก่อนจะตอบถึงเรื่องความรักที่ค่อยๆ พัฒนาของตนและนางเอกสาวว่า

“เรื่องความรักผมไม่ได้วางแผนเลยนะ (หัวเราะ) คือความรู้สึกมันเริ่มจากการที่เราเคยร่วมงานกัน รู้จักกันมาก่อน เป็นเพื่อนกัน คุยกัน ปรึกษาหารือกัน เราเป็นกำลังใจให้กันได้ดี และผมเป็นฝ่ายจีบเขาก่อนนะ เพราะผมเป็นผู้ชาย (หัวเราะ)

ถามว่าตอนนั้นกลัวมั้ยเพราะโบว์สวย น่ารัก น่าจะมีคนจีบเยอะ บอกเลยว่าไม่ถึงกับกลัว แต่ก็ลองดู ตอนที่จะจีบยอมรับก็มีความรู้สึกว่า จีบดีมั้ยนะ เพราะผมโฟกัสเรื่องการทำงานก่อน กลัวว่าตัวเองจะไม่มีเวลา

แต่ก็ตัดสินใจไม่เป็นไร ลองดูละกัน ไม่ต้องคิดเยอะมาก ใช้เวลาจีบโบว์ยากพอสมควรเลยครับ (ยิ้ม) แต่ไม่เชิงจีบแบบรุก แต่เป็นการคุยกันไปเรื่อยๆ มากกว่า มันก็ค่อยๆ พัฒนาไปเรื่อยๆ

ส่วนตอนที่ถูกจับจ้องสถานะกับโบว์ ผมก็ไม่ได้อึดอัดนะ เพราะเราก็คุยกันมาเรื่อยๆ และไม่ได้โฟกัสมากว่าจะต้องเป็นยังไง จะต้องนิยามคำไหน รู้แต่ว่าเราก็ให้กำลังใจกันไปเรื่อยๆ ครับ ระยะเวลาจะเป็นเรื่องบอกเองว่าตอนไหนคือตอนที่มันใช่ มันชัดเจน

แม้ตอนนี้จะอยู่กันคนละช่อง แต่เราก็มีเวลาเจอกันอยู่แล้ว แต่ว่ามันก็อยู่ที่ช่วงเวลามากกว่าว่าใครจะทำงานเยอะ งานน้อย หรือว่าว่างตรงกัน อย่างช่วงนี้ผมแน่นมาก ก็จะเจอกันน้อยหน่อย ละครถ่ายไปออนไปด้วย ไหนจะงานอื่นด้วย”

ก่อนจะหยอดหวานชมแฟนสาว โบว์ เมลดา ต่อหน้าเราด้วยสีหน้า แววตา ที่ดูมีความสุขมากๆ ที่ได้พูดถึงกำลังใจสำคัญของตนเองว่า “จริงๆ โบว์เหมือนจะห้าว แต่เขาแสดงออกว่าเขาห้าว แต่จริงๆ แล้วเขาก็มีมุมหวานของเขา ก็เหมือนผู้หญิงทุกคนแหละครับ

ส่วนครอบครัวของโบว์ก็น่ารัก เขาดูแลครอบครัว เป็นเสาหลักของบ้าน เหมือนกับตัวผมเลย (ยิ้ม)” พูดมาถึงตรงนี้ อยากจะหยิบดีดีทีมาฉีดมดที่กำลังไต่ตัวหนุ่มมิกค์ออกให้หมดจริงๆ เลย

และมาถึงนาทีนี้ เราเปิดโอกาสให้หนุ่มมิกค์ ได้เปิดท้ายขายของ ด้วยการพูดถึงผลงานละครเรื่องล่าสุด ที่กำลังออกอากาศเรียกเรตติ้งถล่มทลายอยู่ในตอนนี้ ที่ได้เล่นกับนางเอกในฝันอย่าง อั้ม พัชราภา ไชยเชื้อ อย่างละครเรื่อง จากศัตรูสู่หัวใจ ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่รอช้า เป็นการเป็นงานขายของทันทีว่า

“ผมขอฝากละครเรื่องจากศัตรูสู่หัวใจ ที่ทุกคนจะต้องดูด้วยนะครับ เพราะว่าละครเรื่องนี้ผมได้ร่วมงานกับพี่อั้ม พัชราภา ด้วย และกลับมาทั้งทีพี่อั้มจัดเต็มมากครับเรื่องนี้ บวกกับตัวบทที่ปมเยอะมาก ค่อยๆ คลี่คลายมาเรื่อยๆ

และในเรื่องฉากฟินๆ แบบไม่ตั้งใจเยอะมาก มันเป็นเกาหลี แต่มันดูแล้วน่ารักแน่นอน และผมเขินมาเวลาที่จะต้องเข้าฉากแบบนี้กับพี่อั้ม ก็จะขออนุญาตก่อนตลอด

แต่พี่อั้มเขาเป็นนักแสดงเขาก็บอกเต็มที่ เพราะเขาอยากให้ออกมาดี ยังไงก็อย่าลืมดูนะครับ ไม่ต้องเชื่อที่ผมพูด แต่อยากให้มาดูด้วยตาของคุณเอง”

ชีวิตของพระเอกคนนี้ ทำให้เราได้เห็นชัดเลยว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น ผลของการตั้งใจและทุ่มเทให้กับการทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก

วันนี้รางวัลของความพยายามนี้ทำให้ มิกค์ ทองระย้า ได้ขึ้นแท่นเป็นพระเอกเบอร์ต้นๆ ของช่อง 7 ไปอย่างสวยงามและไร้คำครหาของคำว่า “เด็กเส้น” และชีวิตของพระเอกคนนี้จะต้องเป็นแบบอย่างในเรื่องของความพยายามให้กับใครได้อีกหลายคนอย่างแน่นอน 

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

ช่างภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย

กราฟิก : Taechita Vijitgrittapong

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1977200
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1977200