จิ้งหรีดขาว เผยรักซ้อนเจ็บปางตาย พร้อมเล่าประสบการณ์เกือบโดนผีปล้ำ


ให้คะแนน


แชร์

ลิเกสาวชื่อดัง จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ เผยเรื่องราวรักซ้อนรัก-เจ็บปางตาย ช็อกหนัก! เมียตัวจริงประกาศตัว พร้อมเผยเรื่องลี้ลับ เกือบโดนผีปล้ำเพราะคำสัญญา

นางเอกลิเกดัง จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ เผยเรื่องราวความรักบาดแผลในใจที่ไม่อาจลืมเลือน ในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 ว่าเคยเกือบจะได้หมั้นกับผู้ชายที่มาดูลิเกที่ตัวเองแสดงทุกวัน แต่มีอันต้องเลิกราเพราะเกิดไปรักผู้ชายที่ไปเจอหน้ากันแค่วันเดียว พอรู้ความจริงทำใจไม่ได้จนเกือบคิดสั้น พร้อมเผยเรื่องลี้ลับที่เกือบโดนผีปล้ำเพราะคำสัญญา

มาเป็นนางเอกลิเกได้ยังไง?

“ตระกูลของจิ้งหรีดขาวเป็นลิเกหมดเลย คุณพ่อเป็นครูลิเก คุณแม่ไม่ใช่ลิเก แต่ก็เป็นครอบครัวลิเก ตั้งแต่ลืมตาตื่นมาหนูก็เห็นแสงเพชรสะท้อนเข้าตาแล้ว เราก็คิดว่าชีวิตเราเกิดในตระกูลที่รวยหรือเปล่าเพชรมันแสบหูแสบตามากเลย แต่พอลืมตาขึ้นมาเพชรลิเกเต็มไปหมดเลยค่ะ เล่นลิเกจริงๆ คือตอน 4 ขวบ เพราะเหมือนเป็นธุรกิจครอบครัว กคนเป็นหมดแล้วเราเกิดมาในตระกูลลิเกก็ต้องเป็นตามเขาเลย”

“ส่วนที่มาของชื่อ จิ้งหรีดขาว คือตอนแรกมาจาก จิ้งหรีด คือ ชื่อเล่นของเราก่อนค่ะ เราก็ถามแม่ว่าทำไมเราต้องชื่อ จิ้งหรีด ด้วยเพราะเพื่อนล้อ แม่ก็บอกว่าเพราะตอนเด็กเราร้องไห้เก่งมาก งอแงมาก ก็เลยชื่อ จิ้งหรีด ก่อนแล้วมันมีฉายาเกิดขึ้นคือกระต่ายขาวอย่างนี้ เราเลยมาตั้งของเราว่าเป็น จิ้งหรีดขาว (หัวเราะ)”

ทุกวันนี้ยังเล่นลิเกไหม?

“ยังเล่นอยู่เพราะความอยากเล่น ที่เพิ่งตั้งคณะตัวเองก่อนโควิด เพราะว่าเจ้าภาพเขาบนลิเกเรา จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ เราก็บอกว่าไปหากุ้งสิคะ เรารับเชิญให้คณะ กุ้ง สุทธิราช แต่สรุปแล้วเจ้าภาพบอกว่าจะแก้บนคณะจิ้งหรีดขาว ตอนยังไม่ได้ตั้งคณะเราทิ้งงานไปประมาณ 50 คืน แล้ววันเกิดก่อนโควิดมีคนโทรมาถามว่ารับมั้ยๆ จะแก้บน เราก็ถามแม่เลย อยากจะตั้งคณะแม่ว่าไง เราก็มีอายุแล้วแล้วอีกอย่างรากเหง้าของเราก็เป็นลิเก แม่บอกตั้งเลย เราเลยตั้งเลยเดือนหนึ่ง 5-6 คืนก็แฮปปี้แล้ว”

ด้วยความเป็นนางเอกลิเกต้องมีหนุ่มๆ ที่มาดูมาชื่นชม ชื่นชอบเยอะ คนมาจีบเยอะไหม?

“เยอะมากค่ะ ณ ตอนแรกที่เราเริ่มเป็นนางเอกคือมีคนมาจีบมาชอบเยอะมาก แต่ครั้งแรกในชีวิตที่มีผู้ชายมาจีบ อันนี้เหมือนเด็กแก่แดดนิดนะคะ อายุประมาณ 13-14 ปี เราไม่ได้ชอบเขา เขามาชอบเราด้วยที่บ้านเป็นลิเกแล้วมีความยากจนมาก เวลาพักช่วงหน้าฝนเราก็ต้องหาอาชีพมาทำ คุณแม่ขายของตลาด ส่วนเราเวลาตี 4-5 ไปรับจ้างเขาขายของซึ่งผู้ชายคนนี้เขาเป็นลูกเจ้าของ ซึ่งเราก็ไปขายวันละ 20-40 บาท เราก็ไปรับจ้างเขา แล้วเขาดูแลเราดีมากหนูกินอะไรมั้ย ดูแลเราดีมากซึ่งเขาเป็นเจ้าของ”

“แล้วในเวลาเดียวกันที่มีคนมาจีบเราก็มีคนมาจีบพี่สาวเราด้วย ซึ่งพี่สาวเราคือคนที่สวยมากซึ่งคนที่มาจีบพี่สาวเราคือหล่อมาก แต่สุดท้ายผู้ชายที่มาจีบพี่สาวถูกผู้หญิงจับ(เขาท้อง)เลยต้องเลิก เลยทำให้เรารู้สึกว่าหล่อสวยขนาดนี้ยังเลิกกันไปมีคนอื่น เราเลยคิดเองว่าต่อไปถ้าจะมีแฟนคือต้องไม่หล่อ”

แล้วที่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนจริงๆ ตอนไหน?

“ตอนนั้นเป็นนางเอกเต็มตัวแล้ว มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเขามาดูลิเก ตอนแรกไม่ได้คิดว่าเขามาชอบเราเพราะเขามาดูทุกครั้งเขาจะมากับผู้หญิงหลายคน เขาเป็นเจ้าของร้านทอง ซื้อของมาให้เราทุกวัน ให้รางวัลเรามากมาย เขามาดูเราทุกวัน 8-9 ปี ตอนแรกๆ มาดูก่อนแล้วพอ 3 ปี เริ่มจีบเราแล้วออกตัวว่าชอบเรา เราชอบเขานะแต่ไม่กล้าจะเปิดใจ”

“พอเวลาผ่านไปสัก 5 ปี มีคุยโทรศัพท์กันบ้าง แต่ไม่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันเลย แต่พอมาปีที่ 6-7 เริ่มไปบ้างมารับไปทานข้าวใกล้ๆ บ้าน ซึ่งการที่อยู่กับเขาคือแค่ชั่วโมงสองชั่วโมงเองแล้วก็แยกย้าย ตอนนั้นเราก็เริ่มรักขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะเขามานะมากๆ แล้วเราก็เห็นใจเขา พี่น้องเชียร์หมดเลย เข้าปีที่ 8 เขาก็คุยกับพี่น้องเราทุกคนว่าหมั้นก่อนมั้ย เขาก็เตรียมซื้อของเลยว่าเราชอบอะไร ชอบสร้อยข้อมือเพชร ชอบเพชรเขาก็ซื้อ ซึ่งตอนนั้นเราก็เห็นดีเห็นงามด้วยว่าหมั้นไว้ก่อน 4-5 ปีแล้วค่อยแต่ง”

“สรุปมีอยู่วันหนึ่ง เขาพาหนูไปที่ใดที่หนึ่ง แล้วเราได้ไปเจอผู้ชายคนหนึ่งแล้วเรารู้สึกว่าฉันรักผู้ชายคนนี้จัง ฉันอยากจะเป็นแฟนกับผู้ชายคนนี้ เขาเป็นคนที่หล่อมาก หล่อเกินจะบรรยาย ฉันรักผู้ชายคนนี้ และอยากเป็นแฟนผู้ชายคนนี้”

แต่คนที่เพิ่งเจอเขาเป็นคนแปลกหน้าไหม หรือได้เจอได้คุยกันอยู่แล้ว?

“เขาไม่ได้แปลกหน้านะคะ แต่มาเจอตัวจริงเขาที่นี่ เหมือนได้เคยเจอเขาตามภาพตามอะไรบ้าง เขาเป็นคนที่มีชื่อเสียงเหมือนกัน มีชื่อเสียง มีเงินทอง มีอะไรที่ครบอยู่แล้ว เรารักเขาเลย และในวันที่ไปเจอเขาคือเขาก็ขอเบอร์โทรศัพท์เราไป ในระหว่างที่เรานั่งรอกลับคือมันรอ ใจจดใจจ่อว่าเมื่อไหร่เขาจะโทรมา ทั้งที่เรานั่งข้างๆ แฟน แต่ใจเรารอเขาโทรมา”

“แล้วพอถึงบ้านเขาก็โทรมาจริง ตอนนั้นคือใจเราสั่น หน้าเราแดง นี่หรือเปล่าที่เรียกว่าความรัก ตอนนั้นที่เราใกล้หมั้น เขาหอบตะกร้าผ้าย้ายมาอยู่บ้านเราเลย แต่แยกกันนอนนะคะ ไม่ได้ลองอยู่ด้วยกัน เขามาอยู่บ้านเรา 1 วัน ทานข้าวคุยกันมันเหมือนไม่ใช่ แล้วมาประจวบเหมาะกับที่เรามาเจอผู้ชายคนนี้ด้วย”

ที่รู้สึกว่าไม่ใช่เพราะว่าเราเจอผู้ชายคนใหม่ด้วยหรือเปล่า?

“หนึ่งเลยคือใช่ สองมีอาการรักเขาไม่ได้ทั้งๆ ที่เขาเป็นคนดี อยู่ด้วยแล้วอึดอัด เรานิสัยไม่ดีเลย เพราะเราเริ่มอึดอัดไม่คุยกับเขา เริ่มแบบไม่อยากหมั้นแล้ว สุดท้ายก็คือไม่หมั้นกับเขา แต่เราไม่ได้บอกเลิกนะ เรามีวิธีการของเราเพราะด้วยอาชีพของเราเวลาเราบอกเลิกใครเขาจะเสียใจมาก เราไม่ต้องการให้ใครเสียใจ”

“เราเลยบอกเขาว่าตอนนี้ยังไม่พร้อม เขาอึ้งเลย เขาคงรู้ว่าเราเจอผู้ชายคนนี้ เราคงแสดงออกอาการให้เขาเห็น เราก็พยายามพูดหว่านล้อมว่าหนูมีความรู้สึกอยากแสดงลิเกต่อ ยังไม่อยากเสียความแบบ อิสระ อยากเล่นลิเกไปก่อน รอได้มั้ย”

ความตั้งใจของการพูดประโยคนี้ คำว่ารอ เราตั้งใจอยากให้เขารอจริงๆ หรือจริงๆ อยากจะเลิก แต่ไม่รู้จะพูดยังไง?

“เอาจริงๆ อยากเลิก แต่ว่าการพูดที่มันไม่เจ็บช้ำน้ำใจกันจนมากเกินไป เขาก็ให้ตามคำที่เราขอ และก็อยู่รอเหมือนเดิมเขารอเราอีกประมาณ 7- 8 ปี เขาก็แต่งงานเพราะเขารู้ว่ามันหมดแล้ว”

แล้วอีกคนที่เราลุ่มหลงเขาขนาดนั้นเราได้มีโอกาสสานสัมพันธ์ต่อไหม?

“สานค่ะ คือต้องยอมรับว่าเราหลงคนนั้นมากใครเตือนก็ไม่ฟังว่าผู้ชายคนนี้มีลูกมีเมียแล้ว ซึ่งตอนนั้นเราเป็นแฟนเขาแล้ว ครอบครัวก็รับรู้ พอมีคนเตือนเราโทรไปถามเขาเลยกระแสเป็นแบบนี้นะ มีลูกมีเมียหรือยัง เขาจะยืนยันกระต่ายขาเดียวเลยคือไม่มี รักหนูคนเดียว คุยกันแบบนี้สื่อสารกันแบบนี้คุยโทรศัพท์บ้างเป็นแบบนี้ 2 ปี”

“แล้วคือผู้ชายคนนี้ใครเห็นก็หลงเพราะเขามาบ้านเราครั้งแรกเขากราบเท้าพ่อแม่เราฝากตัวเองเป็นลูกเลย แล้วเขาก็มีเงิน หน้าตาดีทุกอย่างพร้อม พ่อรักเขามาก แต่แม่ไม่เพราะแม่เขารู้แม่ก็เตือนว่าจะยืดเหรอ แล้วในเวลา 2 ปี พ่อเราเป็นมะเร็งเขาดูแลพ่อดีมาก เขาไปต่อแถวซื้อยาประมาณ 40,000-50,000 บาท ยาหนึ่งชุดแก้มะเร็งแล้วซื้อให้พ่อทานทุกเดือนๆ แล้วเวลาเราไปเล่นลิเก เขาจะโทรหาพ่อเราตลอดเหมือนเป็นลูกพ่อแม่ไปแล้ว”

“แต่พี่น้องคือให้เราหยุดอย่างเดียวต้องหยุดคบกัน เพราะเราเชื่อเขาคนเดียว หน้ามืดตามัว แต่เขาเปิดตัวกับพี่น้องเราหมดเลย พอเขาว่างๆ คือ 1 อาทิตย์ต้องมาหาเราสองวันเขาอยากไปเที่ยวน้ำตกมากเลย เขาขับรถมารับหน้าบ้าน พอไปถึงน้ำตกปูเสื่อนั่งกินข้าวกัน คุยๆ กันครึ่งชั่วโมงแล้วกลับเลย เพราะต่างคนต่างรีบ ชีวิตเป็นแบบนี้สองปี”

จากที่ปิดหูปิดตาไม่เชื่อว่าเขามีลูกมีเมียแล้ว วันที่ฟ้าเปิดตาเปิดใจมันเกิดขึ้นได้ยังไง?

“มีคนแถวๆ บ้านเขาแล้วสนิทกับเขาเอารูปมาวางให้ดูแล้วปัง พ่อแม่ลูก ลูก เชื่อมั้ยว่าเราจำภาพที่เห็นวันนั้นไม่ได้เลย เพราะเราช็อกเลย ก่อนหน้านั้นเขาดูแลเราดีมาก ชีวิตเราไม่เคยมีคนเปย์หนัก อยากได้สร้อยให้สร้อย วันเกิดเขาซื้อเค้กให้ 10 ปอนด์ อยากได้อะไรฉันให้หมดใจมันเลยรักเขามาก พอเราเห็นภาพคือเราบอกตัวเองเลยว่าไม่จริงแล้วก็โทรหาเขา เขาก็อึ้ง จากที่บอกว่าไม่จริงๆ รักหนูคนเดียว เขาเงียบเลย”

“แล้วเขาก็เริ่มไม่โทรมาค่อยๆ หายไปๆ ตอนนั้นคือทุกข์มากเพราะรักเขามาก ชีวิตเรามีแต่เขา มีวันหนึ่งพ่อเราเสียเขาก็มารดน้ำศพนะ พอเราเห็นเขาคือน้ำตาไหลเลย”

พ่อก็เสีย แฟนก็ทิ้ง ตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง?

“มันไม่เหลืออะไรน้ำตาไหลอยู่ตลอดเวลาพูดถึงไม่ได้เลย เพราะเราไม่ได้มีโอกาสได้พูดได้เคลียร์กันในสิ่งที่เราเห็นเลย เพราะเขาเงียบไปเลย เราอยากเคลียร์มากๆ เหมือนตอนที่เขามารดน้ำศพพ่อ เหมือนชีวิตของเราล้มหมดทุกอย่าง แล้ววันที่เผาพ่อเขาไม่มา เราเลยอธิษฐานจิตว่าเผาเขาไปกับพ่อแล้ว แต่ใจตัดไม่ได้เลยนะมันเหมือนว่าหนูอยู่ไม่ได้มันเหมือนจะตายตามพ่อไปแล้วตอนนั้น จนญาติพูดว่าสติมีมั้ย เพราะลิเกก็ต้องเล่น งานศพพ่อก็ต้องทำ มันลอยมากชีวิตไม่มีอะไร”

ทำให้ชีวิตเฉียดคิดว่าไม่อยากอยู่?

“ใช่ค่ะ บอกได้เลยตรงๆ ว่าไม่อยากอยู่ แล้วสิ่งที่เรียกสติเราคือสงสารแม่ช่วงนั้น พอเผาพ่อเรียบร้อยแล้วยิ่งว้าเหว่มาก ไปบวชชีเลยตอนนั้นแล้วเหมือนว่าขอให้ลืมให้ได้เท่านั้นเอง แต่ถ้าไม่ได้บวชชี ฉันน่าจะตาย ไปบวชชี 1 เดือนถามว่าตัดได้มั้ย ช่วยได้บ้างเหมือนว่าทำงานในระหว่างที่เราบวชไปถูกุฏิบ้าง ถูศาลาบ้าง และหลังจากสึกเราไปเจอเขาด้วยแต่ไม่ได้คุยกันเพราะเหมือนน้ำตาเราไหลอยู่ตลอดเวลา แล้วชีวิตเราไม่ได้แล้ว”

“เขาพยายามที่จะเคลียร์กับเราเหมือนกัน เราพูดคำเดียวเลยว่า ฉันเผาเธอไปกับพ่อแล้ว เธอตายไปแล้วจากใจฉัน แต่ใจจริงๆ คือเจอไม่ได้เลยเพราะเจอแล้วน้ำตามันไหล ขนาด 7 ปีผ่านไปน้ำตายังไหลอยู่เลย”

พอเกิดความพังพินาศกับความรักครั้งนี้ ความคิดเกี่ยวกับเรื่องของความรักเปลี่ยนไปอย่างไร?

“หน้ามือเป็นหลังมือเลย มีความรู้สึกว่าในเมื่อความรักมันไม่มีจริง ไม่เป็นไรก็ไม่รักใครเลย เพราะเราเจ็บมากที่สุดในชีวิตครั้งแรกครั้งเดียว พบจบจากคนนี้ตั้งใจว่าฉันไม่รักใครแล้ว แต่ถ้าใครรักฉันช่วยไม่ได้ ตอนนั้นคือเป็นนางมารร้ายเลย แต่ว่าเราไม่ได้เป็นคนที่หลอกใครนะ แต่ถ้าใครอยากรักก็มา”

“มีคนเข้ามาเยอะ ตำรวจ ทหาร หมอ ดีเจ นักร้อง เพราะตอนนั้นคือ เรามีชื่อเสียงมีเงินมีทุกอย่างครบซึ่งไม่ง้อใครเลย ทุกคนที่เข้ามาเราคุยแต่ไม่เคยคิดจริงจังกับใครเลย ไม่หวั่นไหวกับใครด้วย ปิดตายไปเลย และสิ่งที่น่าแปลกคือคนที่เข้ามาหลังๆ คือ เขาก็ไม่โสดด้วย มีเมียมีลูกหมดแล้ว ส่วนใหญ่คือไม่บอกด้วย”

“แล้วคนที่ต่อจากคนนี้ คือตอนที่พ่อป่วยเขารับราชการที่บ้าน เขามาเสียบพอดีเลยเหมือนเป็นรอยต่อ เข้าพาพ่อเราไปโรงพยาบาล ฐานะดีอะไรดีหมดอีกแล้ว พอพ่อเสียเขาดูแลหมด แล้วพี่น้องเราเห็นพ้องต้องใจว่าผู้ชายคนนี้ดีเหลือเกิน ดูแลเราได้ หมั้นมั้ย ไม่ได้ทิ้งห่างจากคนที่เราจับได้ว่าเขามีลูกมีเมียเลยค่ะ เพราะเขามาเสียบแทนเลย เพราะคนนั้นเริ่มไม่โทรไม่มา”

“ตอนนั้นคือเราอยากลืมคนนี้ เลยคิดว่าจะแต่งก็แต่ง จะหมั้นก็หมั้นเพราะไม่รักอยู่แล้ว แต่แม่รัก พี่น้องรัก แล้วก็ซื้อของหมั้นมาเลยสร้อยเพชรอะไรเพชรหมดเลย อีกหนึ่งเดือนกำลังจะหมั้น เมียเขามาเลยประกาศว่าฉันคือเมีย ตอนนั้นก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจนะคะ รู้สึกขำด้วยซ้ำ ตอนนั้นสามารถคบซ้อน 4-5 คนได้ในเวลาเดียวกัน รับทุกคนไม่ปฏิเสธ คุณจะตบรางวัลอะไร หรือให้อะไรคือเราไม่ปฏิเสธใครเลย”

“แต่เรามาเจอคนท้ายสุด คือตอนนั้นเรากำลังจะเป็นนักร้อง เมียเขาโทรมาหาเราเลย เขาบอกว่าพี่เขาขอมีหนูอีกคนเขาอยู่กับพี่มา 8 ปี ถ้าเขาขอพี่ก็ยอมนะ แต่ตอนนี้ พี่เพิ่งท้อง เราช็อกแล้วก็ตัดเลย จริงๆ อยากจะคบผู้ชายคนนี้นะเขาค่อนข้างพร้อมทุกอย่าง แต่ถ้ามีลูกมีเมียแล้วเลิกนะคะ และคนนี้ คือคนที่ขับรถปาดหน้าไม่ยอมเลิก”

เคยวิเคราะห์ไหมว่าทำไมเราถึงเกิดมาแล้ว ไม่ประสบผลสำเร็จในความรักสักที?

“มันมีเรื่องอยู่เรื่องหนึ่งค่ะ ฟังดูแล้วลึกลับนะคะ มีผีมาปล้ำคือบ้านตอนนั้นเพิ่งสร้างได้ 2-3 ปี แล้วเราอยู่ห้องเราแล้วแอร์เสีย เราเลยต้องไปนอนอีกห้อง แล้วนัดช่างมาซ่อมแอร์ห้องเราที่เสีย ไปนอนครั้งแรกเหมือนกึ่งๆ ฝัน มีผู้ชายใส่โจงกระเบนตัวใหญ่ๆ แต่เขาอ่อนโยนมากกับเรา เขาค่อยๆ จับมือเราแล้วหอม แล้วเหมือนค่อยๆ กอดเรา ความรู้สึกตอนนั้นอบอุ่นมากรักผู้ชายคนนั้นมาก แต่เหมือนมันอยู่ในฝัน เหมือนเราฝันอยู่”

“แต่เรารู้ตัวว่าไม่ใช่คนก็สวดมนต์แล้วเขาก็หายไป ไม่ได้คิดอะไรเลย ครั้งที่สอง 6-7 เดือนผ่านไป แอร์เสียเหมือนเดิมเราก็ไปนอนห้องเดิมเหมือนจะเคลิ้มหลับมากอดเลย คนเดิมเลยด้วยค่ะ แล้วกอดเรารักเราเหมือนคิดถึงเรามากกว่าครั้งแรก เรารู้สึกไม่ดีก็สวดมนต์อีกแล้วก็หายไป”

“แต่ครั้งที่สามแอร์ไม่ได้เสีย แต่เราไปนอนเองเหมือนมีอะไรดลจิตดลใจเรา ตอนบ่ายเพราะเราไปเล่นลิเกกลับมา พอเข้าไปนอนยังไม่ทันหลับตาเลย กระโดดกอดเราและเหมือนจะข่มขืนเลย แต่เหมือนเรารักผู้ชายคนนี้จังเลย เราก็ปล่อยตัวไปกับเขา แต่เราก็คิดได้ว่าเขาไม่ใช่คนก็ท่องทุกบทสวดแล้วพอหลุดก็วิ่งออกจากห้องนั้นเลย”

“แล้วก็มาบอกแม่ก็เลยไปปรึกษาพระ ท่านบอกว่าเมื่อก่อนผู้ชายคนนี้เป็นของเรา เคยสาบานสัญญากันไว้ให้ว่าจะรักกันทุกชาติไป พอได้ยินเราก็มาคิดเพราะแบบนี้หรือเปล่าเราถึงไม่สามารถรักใครได้ และรักใครก็ไม่ประสบความสำเร็จเลย เพราะเขาจะมัดเราอยู่แบบนี้ แต่เหมือนว่าเขาไม่ไป แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเขาเลย เพราะเขาบอกเลยว่าถ้าไม่มีคู่ยิ่งอยู่ยิ่งรวย”

สามารถรับชมคลิป จิ้งหรีดขาว วงศ์เทวัญ ได้ในรายการ CLUB FRIDAY SHOW ผลิตโดย CHANGE2561 ทางยูทูบ

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_5432479
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_5432479