เปา กิ่งกาญจน์ เคยร้องไห้เจอดราม่าลาออกค่ายเพลงดัง วันนี้ภูมิใจมาไกล


ให้คะแนน


แชร์

วันวานนักร้องประกวดเวทีต่างจังหวัด

เราถามถึงวันวานของ เปา กิ่งกาญจน์ ในวันที่ยังไม่ได้เข้าสู่วงการเพลง นักร้องสาวเล่าถึงวันวานเมื่อครั้งยังเป็นเด็กประกวดร้องเพลงตามงานต่างๆ ให้ฟังว่า แม้ในช่วงแรกจะพยายามแค่ไหน แต่ก็ไม่เคยได้รางวัลเลย แถมพ่อแม่ไม่สนับสนุนอีกด้วย เพราะกลัวจะเสียการเรียน แต่สุดท้ายก็พยายามจนเคยคว้ารางวัลที่ 1 ได้สำเร็จ จากการประกวดในระดับอาชีวศึกษาเมื่อตอนเรียนที่ จ.พัทลุง

“หนูเคยประกวดร้องเพลงมาแล้วค่ะ แต่ว่าไม่ถึงขั้นประกวดรายการทีวี เพราะว่าไม่เคยออกทีวีเลยแม้แต่ครั้งเดียว จะไปประกวดตามพวกงานวัด งานบวช แล้วก็จะมีร้องเพลงเขาจ้างไปร้อง งานบวชงานแต่ง งานโชว์รูมหนูก็ไปประจำกับวง ที่อยู่ที่ใต้แต่ก่อน ไปหมดทำหมด ประกวดจริงๆ ก็ตั้งแต่ ม.3 อายุประมาณ 15-16 ก็ไม่ได้ประกวดถึงขั้นเดินสายเลย แต่ว่าเวลามีงานที่แถวบ้านก็ไปประกวดอะไรแบบนี้ค่ะ

ตอนแรกประกวดไม่เคยได้รางวัลอะไรแม้แต่อย่างเดียวเลย ตกรอบแรกด้วยซ้ำ พ่อแม่ก็ไม่สนับสนุนตอนนั้น เขากลัวเสียการเรียน เหมือนเราชอบแอบหนีไปประกวดไม่บอกด้วย บางทีไม่ได้รางวัล เราก็ไม่กล้าที่จะไปบอกพ่อกับแม่ว่าไปประกวด แต่ถามว่าภูมิใจกับการประกวดเวทีไหน คือตอนประกวดที่อาชีวะค่ะ เพราะตอนนั้นเรียนอยู่เทคนิคพัทลุง ก็ได้ไปเข้าแข่งขันประกวดสตริงได้อันดับที่ 1 ของอาชีวศึกษา เราก็ภูมิใจ”

ลาออกจากค่ายเพลงดัง

จากนั้นเราถาม เปา กิ่งกาญจน์ ถึงวันที่เข้าไปอยู่ในค่ายเพลงลูกทุ่ง “ได้หมดถ้าสดชื่น” เปาเผยว่าตนไปสมัครเอง เพราะอยากทำในสิ่งที่ชอบ แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือนก็ตัดสินใจลาออก พร้อมทั้งเผยถึงชีวิตที่เคยอยู่ในสังกัดทำให้ไม่เป็นตัวเอง

“ตอนนั้นไปสมัครเองค่ะ เพื่อนทักมาบอกว่าที่นี่เขามีประกวด จะไปรึเปล่า หนูก็ตัดสินใจไปเลย เพราะว่าชอบร้องเพลงอยู่แล้ว พ่อแม่ก็ส่งเสริมตอนนั้นเพราะว่าเราเริ่มได้รางวัลมาแล้วช่วงนั้น แม่ก็บอกทำไปถ้าเป็นเรื่องที่ชอบ แต่พอไปอยู่ได้สักพักก็ลาออก อย่างที่เคยมีข่าวออกมา

ถามว่าตอนที่เรายังอยู่ในสังกัด มีกฎอะไรไหมที่เรารู้สึกไม่โอเค คือมันไม่เป็นตัวเรา หนูไม่ชอบการไม่เป็นตัวของตัวเอง และก็ไม่เป็นอิสระ แล้วเหมือนยังทำอะไรได้ไม่สุดสำหรับหนู หนูก็เลยออกมาทำเอง หาประสบการณ์ชีวิต คือตอนนั้นเรายังไม่แชร์ความคิดอะไรกับเขา แต่ว่าเราอยากทำแนวอื่นมากกว่า ที่ไม่ใช่แนวนั้นแบบที่เคยทำไป ก็เลยตัดสินใจออกมาทำเองดีกว่า เพราะว่ามีเพื่อน มีงานดีๆ คอยซัพพอร์ตด้วย ถามว่าสิ่งที่ทำให้เราออกมามีเรื่องของผลประโยชน์ด้วยใช่ไหม อันนี้มันจบไปนานแล้ว ไม่ขอพูดแล้วกันค่ะ”

ชีวิตศิลปินอิสระ

การเป็นศิลปินอิสระ เปา กิ่งกาญจน์ ยอมรับว่าเหนื่อยกว่า แม้ว่าจะได้เป็นตัวเองเต็มที่ก็ตาม เพราะความที่ต้นทุนน้อย ต้องหาสปอนเซอร์เอง ต้องกลายเป็นผู้นำ แต่ยังมีผู้จัดการช่วยแนะนำ ทำให้ไม่เหนื่อยมาก

“พอเป็นศิลปินอิสระ เราได้ทำสิ่งที่เราชอบ ไม่กดดัน มันเป็นตัวของตัวเอง คือชอบมีอิสระมากกว่า เป็นคนโลกส่วนตัวสูง แต่ไม่ได้สูงถึงขนาดที่ไม่ยุ่งกับใครเลย แต่ว่าต้องมีพื้นที่ส่วนตัว ยอมรับว่าเหนื่อยกว่า และต้องเจออะไรเยอะมากขึ้น ประสบการณ์จริงคือเราต้องทำหลายๆ อย่างที่มันทำให้เราฮึดสู้ เพราะว่ามันมีประเด็นหลายๆ อย่างที่เราต้องทำเองด้วย

และก็ไม่อยากไปอยู่ค่าย เพราะหนูไม่ชอบการมีกฎ การติดสัญญา เรายังเด็กเกินและเรายังไม่รู้เรื่องพวกนี้ ก็เลยทำกันเองดีกว่า แต่ก็มีผู้จัดการคอยแนะนำตรงนี้ให้ด้วย เราก็ไม่ได้เหนื่อยเท่าไหร่ แต่เราก็ต้องคอยจัดแจงด้วย จากแต่ก่อนที่เราไม่เคยเป็นผู้นำ ตอนนี้ก็กลับกลายมาเป็นผู้นำ เราอยากได้แบบนี้นะ มาแชร์ความคิดกัน แต่ข้อเสียก็คือต้นทุนเรามีน้อย เราแทบจะไม่มีเลย เลยต้องหาสปอนเซอร์ และหนูก็ออกเองด้วยบางเพลง”

เจอดราม่าหนักจนร้องไห้

แน่นอนว่าวันที่ออกจากค่ายเพลงลูกทุ่งดังจนกลายเป็นข่าวร้อน เปา กิ่งกาญจน์ เคยเจอดราม่าหนัก สารพัดคำพูดบูลลี่เกี่ยวกับตัวเธอเต็มโลกโซเชียล รวมไปถึงข่าวเม้าท์ต่างๆ ในด้านเสียหายที่ตามมาอีกมากมาย ทำให้นักร้องสาวเครียดหนักจนรู้สึกเฟลและร้องไห้ ไม่คิดว่าชีวิตจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ แต่ลุกขึ้นมาได้เพราะคนในครอบครัว

“ช่วงนั้นเฟลไปเหมือนกัน แล้วก็ไม่ค่อยพบปะกับใคร แต่ว่ามีพี่ๆ แล้วก็คนที่อยู่ข้างหลัง เช่น ครอบครัว คอยให้กำลังใจ คอบซัพพอร์ต คอยให้คำปรึกษามาตลอด เราก็เลยฟื้นขึ้นมาได้ โอเคขึ้นมาได้ ร้องไห้ประมาณ 3-4 วัน พอหลังจากไม่มีดราม่าอะไรแล้ว ก็ลุกขึ้นตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองดีกว่า

ไม่เคยคิดเลยค่ะว่าต้องมาเจออะไรแบบนี้ เหมือนเจอคำด่า คำบูลลี่หลายๆ คำจนทำให้เราเฟล ไม่ค่อยคุยกับใครเลยช่วงนั้น ถามว่าเจอคนสบประมาทอะไรบ้าง ก็มีแบบ…ไปแล้วไม่รอดหรอก เหมือนประมาณว่าจะไปจริงเหรอ ไปแล้วดังมั้ย ได้ดีมั้ย

หนูไม่ได้ติดกับดังไม่ดัง หนูแค่อยากออกมาทำให้ทุกคนเห็นมากกว่าว่าทำได้จริงๆ ช่วงนี้เราก็ตั้งใจทำงานเหมือนเราลบคำสบประมาทของเขาได้ เช่น เราทำเพลงออกมาให้ดี มีคุณภาพก็มีคนติดตามเยอะมากขึ้นในการเป็นตัวของตัวเอง แล้วก็การสร้างผลงานที่มีคุณภาพค่ะ ก็เลยไม่ได้ซีเรียสกับคำด่าคำอะไรแล้ว”

แลงพูง

และเมื่อถามถึงที่มาของซิงเกิลล่าสุด “แลงพูง” เพลงที่ 2 ในชีวิตการเป็นศิลปินอิสระของเธอ เปา กิ่งกาญจน์ เล่าว่า เธอตั้งใจทำเพลงนี้ขึ้นมาเพื่อเอาใจกลุ่มเพศทางเลือก อีกทั้งยังได้มีส่วนร่วมในการทำเพลงมากขึ้นด้วย

“ชื่อเพลง “แลงพูง” แปลว่า “แพง” ค่ะ ซึ่งได้มาจากภาษาลูค่ะ ที่สาวสองหรือว่าผู้หญิงเฟียสๆ เขาพูดกัน เนื้อหาก็ออกแนวเชิดๆ ถ้าเลิกกันไปแล้วก็คือเลิกเลย และมุ่งหน้าหาใหม่ หาที่ดีกว่า แบบสวย เริด เชิด แพง รวย ถามว่าเพลงนี้เป็นตัวตนเรามั้ย ไม่ค่ะ ไม่ใช่ตัวตนเลย (หัวเราะ) แต่เราอยากทำเพลงเอาใจสาวสองมากกว่า แบบแพงอะไรประมาณนี้ค่ะ และใส่เรื่องของผู้หญิงผู้ชายไว้ด้วย

ยอมรับว่ายากพอสมควรเลย แต่ตอนเข้าห้องอัดคือซ้อมมาเรียบร้อยแล้ว เลยไม่ค่อยยากสักเท่าไหร่ แต่ว่าจะเป็นยากตอนถ่ายเอ็มวี เพราะว่าถ่ายประมาณบ่ายโมง-ตี 2 และก็ซ้อมเต้นมาเยอะ จนบางทีก็กลัวว่าจะทำไม่เต็มที่ เพราะเราไม่เคยเรียนเต้น ไม่เคยเก่งในการเต้นมาก่อนเลย เพลงนี้ก็จะเร็วขึ้น แซ่บขึ้น เป็นจังหวะให้ทุกคนได้เต้นแบบวาไรตี้ไปเลย ส่วนเพลงแรก (มงลง) จะเป็นช่วงเพลงไทยเดิมที่ให้เราร้องโชว์เสียงด้วย

เรามีส่วนร่วมมากขึ้น เรื่องชุดก็ได้ออกไอเดียไปบ้าง แต่ว่ามีส่วนร่วมก็คือใส่เนื้อเพลง อย่างเช่น ขอให้เฟียสๆ หน่อย แต่ว่าไม่เอาแบบเยอะเกิน และก็ใช้คำภาษาลูและภาษาใต้ในแบบที่ใช้คำที่เราเคยพูดไป เอาไปใส่ในเพลงด้วยได้ไหม คือมันจะมีคำอีกหลายคำ อย่างเช่นคำว่า “หลวยสุย” ก็แปลว่า “สวย” ส่วน “ลายตุย” ก็แปลว่า “ตาย” ก็จะประมาณนี้ค่ะ”

ภูมิใจมาไกลกว่าที่คิด

ในวันนี้ของ เปา กิ่งกาญจน์ หลังออกจากค่ายเพลงดัง แม้จะไม่ได้สบาย ต้องเหนื่อยกับการทำงานเพลงด้วยตัวเอง แต่ก็ภูมิใจเพราะวันนี้มาไกลมากสำหรับเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรเลย พร้อมทั้งเผยเป้าหมายในอนาคตเพื่อครอบครัว

“ภูมิใจค่ะ เพราะว่าก้าวมาไกลมาก สำหรับเด็กธรรมดาคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรเลย ก้าวกระโดดมาถึงจุดนี้ก็ภูมิใจแล้ว แล้วก็ได้มีเงินให้พ่อแม่แต่ละเดือน หนูก็โอเคแล้ว ถ้าพูดถึงสบายขึ้นมั้ย ยังไม่ได้สบายเพราะว่าตอนนี้แม่ก็ยังอาศัยบ้านยายอยู่ หนูยังไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง ส่วนเป้าหมายในอนาคต มองว่าอยากให้พ่อแม่สบาย อยากมีบ้าน มีรถ มีธุรกิจเล็กๆ อยากให้สานต่อไปได้ ถึงเราไม่ได้ทำจุดนี้แล้ว ก็ยังมีธุรกิจให้เราทำอยู่ เชื่อว่าพ่อกับแม่จะต้องสบายไม่ต้องทำงานเอง หนูก็อยากหาเลี้ยงเอง ถามว่าอยากทำอะไร อยากเปิดร้านกาแฟ ร้านเค้กเล็กๆ เป็นธุรกิจเล็กๆ ของเรา”

เมื่อถามถึงพัฒนาการต่างๆ ที่เพิ่มขึ้นทั้งความสวย รวมไปถึงความสามารถต่างๆ เปาบอกว่ารู้สึกดีใจที่หลายคนชื่นชม แต่ก็จะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ “ถามว่ามีการอัปความสวยยังไงบ้าง ดูแลผิว ดริปต์ผิวปกติค่ะ ไม่ได้ทำอะไรนอกจากจมูก จมูกทำมาตั้งแต่จะออกจากค่ายแล้ว แต่ยังไม่ได้ออกตอนนั้น ประมาณ 5-6 เดือนแล้ว รู้สึกดีใจค่ะที่คนชมว่าสวยขึ้น แล้วก็จะพัฒนาตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเรื่องความสวย บุคลิก หรือว่าการเต้นการอะไรต่างๆ

เพราะว่าตอนนี้หนูก็อยากจะเรียนเต้นเหมือนกัน อยากฝึกให้ไม่ต้องเก่งมากหรอก แต่ให้เต้นได้ ต้องพัฒนาอีก เพราะว่าเรายังอ่อน ถ้าเกิดไปเทียบกับคนที่ประกวดอะไรแล้ว เรายังไม่ได้ครึ่งของเขาเลย ต้องฝึกอีกเยอะค่ะถึงจะเก่ง อยากเป็นศิลปินที่ร้องดี เต้นเก่ง แต่ไม่ได้ถึงขั้นกับเป็นตัวแม่ ผลงานที่เราทำออกไปอยากให้มันดีทุกๆ อย่าง อยากให้เป๊ะ เพราะว่าเป็นคนอยากพัฒนาตัวเองตลอดอยู่แล้ว จากเป็นคนที่เต้นไม่เป็นเลย ตอนนี้ก็พอได้ไปเรื่อยๆ ไต่เต้าไปตามระดับ”

ปิดท้ายการสนทนา เปาขอบคุณกำลังใจจากแฟนๆ ที่ยังคงอยู่เคียงข้างเธอมาตลอด “ขอบคุณค่ะที่เป็นกำลังใจให้มาตลอด ไม่เคยทิ้งหนู ไม่ว่าจะเจอดราม่าหรือคำสบประมาทอะไรต่างๆ แฟนคลับเขาเอ็นดูแล้วก็ซัพพอร์ตเรามาตลอด บางทีถ้าหนูไม่มีเขา หนูอาจไม่มีตรงนี้ก็ได้ เพราะพวกเขาก็คือคนที่ผลักดัน ทำให้เพลงหนูมีคนรู้จักค่ะ”.

ผู้เขียน : Penguin บินได้
ภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย
กราฟิก : Supassara Taiyansuwan

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2024239
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2024239