นุ๊ก สุทธิดา หวั่นคู่กรณีมีคนหนุนหลัง ขอบคุณ ทนายอัจฉริยะ ยื่นมือช่วย


ให้คะแนน


แชร์

ที่เครียดหนักก็คือ อยู่ๆ ทนายเราหลังจากที่ได้ข้อมูลบางอย่างแล้ว ทำงานไปสักพัก เขาก็หายจากเราไป 3 วันติดต่อไม่ได้ อ่านไลน์ไม่ตอบ จากที่เราเครียดมันยิ่งเครียดหนัก เพราะเหมือนเราเหลือตัวคนเดียว เลี้ยงลูกทำงานนอกบ้าน แล้วยังต้องมาสู้กับคนพวกนี้ ไม่มีทนาย มันยิ่งเคว้งคว้างมากๆ สองวันที่รู้สึกเคว้งคว้าง นอยด์ จิตตก เป็นคนที่สู้อะไรด้วยตัวเองมาตลอด ไหวตลอด แต่ถ้าวันไหนที่พูดกับเพื่อนว่าไม่ไหว แสดงว่ามันไม่ไหวจริงๆ เรารู้ด้วยสภาพร่างกายและจิตใจเรา แล้วเราก็บอกกับเพื่อนไปแล้วว่าเราไม่ไหวแล้ว”

ตอนนี้ทางออกที่เตรียมไว้คือยังไง? 
“ตอนแรกต้องบอกว่าสองคืนแรกที่เราเริ่มเครียด นอนแล้วฝันเรื่องซ้ำๆ ฝันเหมือนจะตื่นแต่ไม่ตื่น แล้วพอตื่นมาสิ่งแรกที่ทานคือยาแก้ปวด ไม่ได้ทานข้าวเลย เราก็รู้สึกว่าถ้าอยู่แบบนี้เป็นวันที่สาม ไม่ได้แล้ว ก็เลยทานยานอนหลับคืนนี้จะหลับไม่ฝัน แล้วตื่นมาปุ๊บ เรารู้สึกมีแรงขึ้น

บวกกับตอนเช้าเมื่อวาน ต้องขอบคุณคุณอัจฉริยะมาก คุณอัจฉริยะโทรเข้ามา นุ๊กกรี๊ดเลยในรถ นุ๊กก็ไม่ทราบหรอกว่าคุณอัจฉริยะจะมีพาวเวอร์ มีความสามารถมากน้อยเพียงใดที่จะช่วยนุ๊กได้ขนาดไหน แต่ ณ วันนี้อย่างน้อยๆ สำหรับนุ๊ก เขาคือฮีโร่ขี่ม้าขาวเข้ามาช่วยเราเลย อย่างน้อยยังมีคนคนหนึ่งยืนข้างเราแน่ หันไปปรึกษาได้ รู้สึกว่าแกจะตามเคสนี้มาอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแกมีความรู้เรื่องข้อมูลของคนคนนี้พอสมควร และให้คำแนะนำในเรื่องที่เราไม่ไหวจริงๆ เช่น การมาดีลกับคนพวกนี้เราจะทำยังไง เขาก็ให้คำแนะนำที่ชัดเจน ซึ่งเราก็สบายใจขึ้น”

ตอนนี้เราก็เปลี่ยนทนายแล้ว?
“ก็น่าจะเป็นอย่างนั้นค่ะ นอกจากคุณอัจฉริยะแล้ว ก็ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่อีกหลายท่าน เพราะวันนั้นที่มันไม่ไหวจริงๆ แล้วโพสต์ไป ปรากฏว่าผู้ใหญ่หลายๆ ท่านที่เคยรู้จักเรา แล้วเราไม่เคยบ่นเรื่องชีวิต เกิดมาไม่เคยทำให้คนรอบข้างเห็นแล้วสงสัยว่าเป็นอะไร แต่วันนั้นทุกคนก็ให้ความช่วยเหลือ

อย่างพี่เป๊ป ณพสิทธิ์ เที่ยงธรรม เป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ ให้คำแนะนำเรื่องทนาย มีพี่หนูแหม่ม สุริวิภา พี่ท็อป ซึ่งนุ๊กก็ไม่ได้สนิทมาก แต่พี่ๆ เหล่านี้เห็นว่าเราเป็นน้องในวงการ ลองให้ความช่วยเหลือ ซึ่งตรงนี้นุ๊กต้องขอบคุณมากๆ รวมถึงน้ำใจคนในวงการหลายๆ คนที่ทักเข้ามาถามว่าเราโอเคมั้ย”

พอได้ฟังคำแนะนำของทนายอัจฉริยะ มันมีทางที่จะเป็นไปได้ไหมที่คดีนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี? 
“ลึกๆ ต้องบอกว่านุ๊กพอจะทราบข้อมูลเบื้องต้นบ้างว่านุ๊กรบกับอะไร นุ๊กเชื่อว่าทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ปกติ เพราะถ้ามันปกติมันน่าจะจบๆ ไปแล้ว พอมันไม่ปกติ นุ๊กก็รู้ว่ามีอะไรอยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง แต่พี่อัจเท่าที่เราเห็นก็รู้อยู่แล้วว่าเขาชอบลุย ไม่กลัวพวกมีอิทธิพล ก็รู้สึกว่าเบาใจได้ระดับนึง แต่มันก็มีแหละค่ะที่บางคนติดต่อเข้ามาว่าจะให้คุณอัจฉริยะทำให้จริงเหรอ เขาไม่ได้มีความรู้นะ

สำหรับเรา นุ๊กไม่รู้ว่าฝ่ายไหนจะติดต่ออะไรเข้ามา สำหรับนุ๊กอย่างน้อยเขาก็เป็นคนแรกที่เดินเข้ามา แค่นี้ก็มีบุญคุณแล้ว จากที่เหมือนคนกำลังจะตาย เครียด จะร้องไห้ แล้วพี่อัจเดินเข้ามา ทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้น เขาเสนอตัวเข้ามา นุ๊กก็รู้สึกสบายใจแล้วก็ขอบคุณ ส่วนที่พี่อัจจะทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหนก็ไม่เป็นไร เราก็สู้ไปด้วยกัน”

แสดงว่า ณ วันนี้ มันไม่ใช่คดีแค่เจ้าของบ้านกับผู้เช่าแล้ว มันมีมากไปกว่านั้น? 
“จริงๆ ก็มีคดีอีกหลายอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนั้น ไม่ว่าจะเป็นในส่วนคดีอาญาแผ่นดิน รียูสถุงมือ ซึ่งตรงนี้เขายังไม่ได้นำสืบ ยังไม่มีผู้ต้องหา เราก็ยังอยากจะตามต่อไป และในส่วนของคนที่มาขนของ ซึ่งเราก็รู้ว่าเป็นใคร ก็เป็นอีกหนึ่งคดีที่เราแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว ทั้งหมดมันก็พันพัวกันอยู่ประมาณ 3 คดีเป็นอย่างน้อยในบ้านหลังนั้น 

แต่จริงๆ แล้วโดยส่วนตัวเท่าที่นุ๊กทราบมามันก็มีอีกหลายคดี เพราะเราเป็นคนมีชื่อเสียง พอมีข่าวกับใคร เจ้าทุกข์ของฝ่ายตรงข้ามก็จะเริ่มส่งข้อมูลมาให้ ก็มีหลายคน เป็นเพื่อนเราก็มีที่แบบทักเข้ามาว่าไม่รู้ว่าบ้านหลังนั้นเป็นของนุ๊ก เคยไปปาร์ตี้ด้วย มีการทำธุรกิจ แล้วหักหลังอะไรกัน แล้วก็ไปแจ้งความก็มี”

เราได้คุยกับแม่ของคนนั้นไหมที่เราไกล่เกลี่ยที่ สน.?
“ได้คุยค่ะ ก็ตอบเหมือนกับที่ตอบกับเจ้าทุกข์คนอื่นๆ ก็พร้อมจะช่วยเหลือดูแลหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่สุดท้ายเจ้าทุกข์คนอื่นๆ ไม่ได้รับความช่วยเหลือ เราก็เลยเครียด อ้าว…แล้วจะเป็นเราเหรอ คือนุ๊กอายุขนาดนี้แล้ว มันไม่ใช่วัยที่จะมาล้ม หรือมาเสียเงินอะไรเยอะแยะขนาดนั้น ถ้าเราเสียเงินในเชิงทำธุรกิจ เราก็ยังว่ามันแย่เลย เพราะอายุมันเกินมาแล้ว

แต่นี่เราไม่ได้ทำด้วย เราก็มีลูกที่เราจะต้องดูแล 3 คน ทำไมเราไม่เก็บเงินไว้ให้ลูก แล้วเราก็ยังมีโรคภัยไข้เจ็บที่เราต้องรักษา แล้วมาทำกับเราอย่างนี้ นุ๊กว่ามันบาปกรรม มันไม่ควรทำ คืออยู่บ้านคนแล้วคิดว่าไม่มีปัญญาที่จะซ่อมให้เขา ก็อย่าไปทำของเขาพังสิ อย่าไปทุบ ต่อเติม ก็อยู่ธรรมดาก็ได้ อันนี้อยู่แล้วไปทำลาย สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น แล้วมันไม่ใช่เราคนแรก มันมีอีก คือตอนนี้กำลังรวบรวมกันอยู่ค่ะ”

นุ๊กบอกว่ามันมีอำนาจมืด คิดว่าเขามีผู้ใหญ่หนุนหลังหรือยังไง?
“ทำธุรกิจอย่างนี้เนอะ ทุกวันนี้ก็ยังลอยนวลอยู่ได้ เราก็อยากจะรู้เหมือนกัน จริงๆ นุ๊กรู้ชื่อรู้อะไรหมด แต่ว่าเราอาจจะพูดไม่ได้”

เรากังวลไหม ห่วงความปลอดภัยของเราและลูก? 
“ก็ถึงบอกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา นุ๊กเครียดมาก เครียดทั้งที่รู้ว่าใครเป็นใคร ทั้งมีเจ้าทุกข์ติดต่อเข้ามา มันทำให้เราเครียดมาก คือเราอยู่กับลูก สามีเราก็ไม่อยู่ คือสามีก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก แต่อย่างน้อยก็ยังได้พูดคุย แต่วันนี้มันไม่มีใครเลย มันยิ่งทำให้เราเครียดมาก ยิ่งทนายเราหายไปเราก็ยิ่งเครียด แต่พอมีพี่อัจมา ทุกวันนี้ก็ยิ้มได้”

ที่ทนายหายไป เขาให้เหตุผลไหม?
“นุ๊กทราบเหตุผล จริงๆ มันก็ไม่เกี่ยวกับเบื้องลึกเบื้องหลัง เอาเป็นว่าเราไม่อยากจะพูดดีกว่า คือเขาไม่สะดวก หรืออาจจะยุ่งอยู่ 3 วัน”

แต่เขายังไม่ได้ตอบชัดเจนว่าจะยกเลิกการทำคดีให้เราเลย? 
“มันก็ชัดเจนในความหายเลย คือเราคุยคนเดียว 3 วัน เรายังให้เพื่อนๆ ดูเลยว่าทำยังไงดี แต่สำหรับเรามันชัดเจนอยู่แล้ว เหมือนเราจะบอกเลิกใครสักกคนเราก็แค่หาย ไลน์ไม่ตอบ”

เขารวบรวมหลักฐานของฝั่งเราแบบนี้ กลัวจะเสียรูปคดีไหม เพราะเขาหายไปแล้ว? 
“จริงๆ นุ๊กไม่ได้ให้อะไรที่เปิดเผยไม่ได้นะคะ แล้วก็ไม่ได้ด่าใคร เจตนาตอนแรกที่เราติดต่อจะมีทนาย ใจเราคิดว่ามันก็คงจะซ่อมแล้วก็จบกัน เราไม่ได้พูดร้าย โชคดีมากเราไม่ได้ว่าใคร อย่างมากถ้าไม่ไหวมันก็ไม่ไหวจริงๆ แล้วค่ะ แต่ชื่อของบุคคลเบื้องหน้าเบื้องหลัง คนที่ทำงานให้เขา ชื่อพวกนี้นุ๊กว่ามีหลายคนรู้อยู่ ก็เลยไม่ค่อยกังวลเท่าไร”

ทนายอัจฉริยะรับปากแล้ว? 
“ใช่ค่ะ คุณอัจฉริยะบอกว่าพร้อมลุย นัดกันวันจันทร์นี้ เดี๋ยวจะมาเจอกัน เขาก็ให้เราเตรียมข้อมูลทุกอย่างให้พร้อม”

เราจะแจ้งความเพิ่มไหม เพราะก่อนหน้านี้เราแค่ลงบันทึกประจำวัน? 
“เท่าที่คุยกับคุณอัจฉริยะ น่าจะมีการแจ้งความเพิ่มนะคะ”

แนวทางที่เราจะจ่ายเงินซ่อมก่อน แล้วค่อยไปเรียกร้องเก็บเงินทีหลัง มีโอกาสไหม? 
“แนวทางนั้นไม่มีโอกาส คิดว่าไม่อยากทำแบบนั้น เพราะอย่างที่บอกว่าเรามีลูกเล็กทั้ง 3 คน กำลังจะโตด้วย เราก็รู้สึกว่าเก็บเงินไว้ให้ลูกดีกว่าไหม อย่างตัวเราก็ต้องรักษาตัวเองอีก โรคมะเร็งมันก็ใช้เงินเยอะเหมือนกันในการรักษา เพราะเราก็ไม่อยากจะเอาเงินไปใช้กับสิ่งที่จริงๆ แล้วเราไม่ควรจะได้รับผลกรรมนี้ด้วยซ้ำ ก็อยากจะเก็บเงินเอาไว้ให้ลูกมากกว่า”

ค่าซ่อมทั้งหมดราคา 5 ล้านใช่ไหม? 
“ใช่ค่ะ จริงๆ เราไม่ได้ต้องการเป็นตัวเงิน คุยกับเขาตั้งแต่แรกว่าทำยังไงให้บ้านเรากลับไปเป็นเหมือนเดิม แต่อย่างที่บอก เวลาซ่อมคุณภาพของของก็ต้องเป็นของเดิมเท่านั้น สิ่งที่มันช้ำใจที่สุดคือการที่เขามาโพสต์ด่าเราอีกทีนึงหลังจากที่เป็นข่าว ทยอยด่าเราเรื่อยๆ ซึ่งเราก็ทยอยเก็บไว้เรื่อยๆ นะคะ เมื่อวานซืนก็ยังด่าอยู่

แต่เรากำลังจะบอกว่าเราไม่ได้เจ็บที่เขาด่าเรา แต่เราแค่รู้สึกว่านี่คือเจตนาที่เขาจะชดใช้เราจริงๆ เหรอ เพราะถ้าคนที่ทำผิดแล้วรู้สึกผิดแล้วจะชดใช้เรา จะไม่แสดงกิริยาแบบนี้ จะไม่โพสต์อะไรแบบนี้ แล้วแต่ละโพสต์ คือมันไม่เป็นความจริง ก็ระวังตัวเอาไว้ด้วยนะคะ อย่างพูดทำนองว่าบ้านนี้เขาทำไปเท่าไร ทำไมไม่ออกมาพูดบ้างล่ะ ก็ไม่ออกมาพูดเพราะว่าถ้าน้องกลับไปอ่านในหนังสือสัญญา น้องก็จะรู้ว่าสัญญาเช่าระบุไว้ชัดเจนว่าเวลาคืนบ้านต้องคืนในสภาพเดิม

ฉะนั้นเรามีสภาพเดิมของเรา เราไม่อยากได้ของแถม ทำให้กลับไปเป็นสภาพเดิม จะทำอะไรไว้ถอดทิ้งได้เลยค่ะ ไม่มีปัญหา ไม่ได้อยากได้ เราอยากได้บ้านเราแบบเดิม แล้วถ้าคุณคิดว่าจะเอาช่างมาทำ เราก็ไม่มีปัญหาเหมือนกันตั้งแต่แรก เพราะเราก็ไม่ได้อยากได้ตัวเงิน เราไม่ได้อยากได้กำไรจากความพินาศของบ้านในครั้งนี้ แต่เราอยากได้บ้านสภาพเดิม เพื่อที่จะไปทำมาหากินอย่างอื่นต่อ ทางน้องถ้าไม่หยุดโพสต์ก็ระวังไว้ว่าจะมีคดีเพิ่มแล้วกันค่ะ”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2031483
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2031483