โทนี่ รับหวง แก้ว จริญญา มาก ตั้งใจถ่ายรูปชุดว่ายน้ำเบลอทั้งเซต


ให้คะแนน


แชร์
โทนี่ รากแก่น โทนี่ รากแก่น

ข่าวแนะนำ

ถามถึงภาพชุดว่ายน้ำของแก้ว เราจงใจถ่ายภาพให้เบลอ ไม่อยากให้คนอื่นมองหรือเปล่า?
“ก็มองเป็นอาร์ตแล้วกัน ถามว่าตั้งใจไหมเหรอ ก็ตั้งใจด้วยให้ออกมาสวยแบบนั้นไง แบบนั้นก็สวยเหมือนกัน แก้วก็อยากได้แบบนั้นด้วย (หัวเราะ) ผมตอบให้เลยว่าเขาอยากได้แบบนั้น เซตนั้นก็มีภาพที่ชัดครับ แต่อาจจะไม่สวยเท่าเซตนั้นไง”

แก้วถามไหมว่า ลงภาพชัดได้ไหม หรือว่าต้องเบลอ?
“จริงๆ เขาก็ถามเป็นพิธีเฉยๆ แหละว่าจะลง แต่เราก็แล้วแต่เขาอยู่แล้ว”

ลิมิตความหวงเราขนาดไหน กับการที่เขาจะต้องลงรูปชุดว่ายน้ำ?
“ลิมิตความหวง หวงมากอยู่แล้วครับ ผมว่ามันก็เป็นธรรมดาของผู้ชายหลายคนครับ แต่ไม่ถึงขั้นสกรีนชุดครับ คือแก้วจริงๆ แล้วเป็นคนที่ชอบซื้อชุดว่ายน้ำมาก แต่ไม่ค่อยมีโอกาสให้คนอื่นได้เห็น แต่เวลาไปเที่ยวด้วยกันเขาถึงจะใส่ เขาเป็นคนที่เหมือนกับไม่ค่อยอยากจะโชว์อยู่แล้ว ใส่ทูพีซได้ครับ หมายถึงเขาก็ใส่ปกติของเขา แต่เขาอาจจะไม่ได้ถ่ายลงเฉยๆ ครับ”

ถามถึงเรื่องทายาท?
“คุยกันไว้อาจจะท่องเที่ยวก่อน เดินทางก่อน ดูว่าเหมาะสมเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นครับ ก็มีคุยกันบ้างครับ ทั้งอยากมี และไม่อยากมีครับ มีทั้ง 2 ไอเดีย ถ้าเกิดความอยากมีคืออยากเห็นว่าจะน่ารักประมาณไหน ส่วนที่ไม่อยากมีก็คือ เรายังรู้สึกว่าเรายังอยากเดินทางท่องเที่ยว

อย่างตอนนี้เรามีไข่ต้ม น้องลูกหมาเล็กๆ ผมเดินทางก็ไม่ใช่ว่าจะไปได้ทุกที่ เราก็ต้องฝากเพื่อนๆ เลี้ยง บางที่พาไปได้ก็ต้องดูแลครับ ก็เหมือนซ้อมไปในตัวนิดนึง แต่เราก็รู้สึกว่าถ้าอย่างนั้นขอเดินทางกันก่อน ยังมีอีกหลายที่ที่อยากจะลุยก่อน 

เราสายเที่ยว แล้วเราไปเที่ยวแต่ละที่ค่อนข้างโหดอย่าง โรดทริป แล้วก็ย้ายสถานที่ทุกวัน เก็บให้ได้หมดภายในเวลาสั้นๆ ครับ บางทีไปก็ไปนานด้วย ถ้าเกิดว่าเรามีลูกก็ไม่สามารถที่จะทิ้งไว้ได้ครับ ก็มีคิดไว้ว่าถ้ามีน้องจะพาไปเที่ยวด้วย แต่ว่าต้องรอโตก่อน อย่างน้อยๆ ก็ต้อง 3 ขวบ”

อีกนานไหมกว่าจะตัดสินใจมีลูก?
“ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เร็วๆ นี้ เราจะมีโอกาสได้เล่นละครด้วยกันเรื่องหนึ่ง ที่ในเรื่องราวจะมีเด็กด้วย ก็อาจเป็นโอกาสได้ซ้อมมือนิดนึงครับ”

ชีวิตหลังแต่งงานต้องปรับตัวเยอะไหม?
“ผมว่าก็เหมือนเดิม ต้องบอกว่าดีอยู่แล้วก็เลยแต่งงาน คือเราเข้าใจตรงกันว่ามันก็ต้องปรับกันตลอด ไม่ว่าเราจะได้แต่งงานหรือไม่ได้แต่งงาน”

ถามถึงเรื่องบ้านที่เขาใหญ่?
“ชอบอากาศครับ เราชอบบรรยากาศภายในนั้น เหมือนเขาเปลี่ยนความเป็นเขาใหญ่ให้เรารู้สึกปลอดภัยขึ้น เหมือนซื้อบ้าน แต่เราได้บรรยากาศโดยรอบ ไม่ว่าจะถนน หรือโซนต่างๆ เขามีโรงแรม มีสนามกอล์ฟ มีอะไรอยู่ในนั้นด้วย เหมือนเราได้มีโอกาสไปที่นั่นแล้วขับรถเล่นรอบๆ ได้ ไปร้านอาหารของเขา จริงๆ เราก็ไปๆ มาๆ อยู่สักพักแล้วครับที่นั่น

ถามว่าไปเจอบ้านนี้ได้ยังไง จริงๆ ตอนนั้นหมอเจี๊ยบไปถ่ายละครด้วยกันที่เขาใหญ่ แล้วหมอเจี๊ยบเหมือนเขามีบ้านอยู่ข้างในนั้นอยู่แล้ว เขาก็ชวนเราไปเที่ยวเล่น เขาก็พาขับรอบๆ ก็โดนหมอเจี๊ยบป้ายยา กว่าจะตัดสินใจซื้อก็คิดนาน เพราะมันก็เป็นของชิ้นใหญ่ ก็นานประมาณนึงเลยนะครับ แต่จริงๆ เราก็ใช้เวลากับสถานที่ตรงนั้นมา 3 ปีได้แล้วมั้งครับ”

มูลค่าเท่าไร?
“โห…ต้องบอกเลยเหรอ ก็ประมาณ 8 หลักครับ แต่ขายได้นะครับ ถ้าใครสนใจอยากจะรับไปดูแลต่อ ก็ได้เลยครับ เพราะเรารู้สึกว่าเราอิ่ม ก็ไม่ใช่ว่าอิ่ม เราก็อยากจะอยู่กับสถานที่ตรงนั้นไปเรื่อยๆ แต่เราก็มีเป้าหมายอีกแบบหนึ่งในชีวิตกับแก้วแล้วว่าเราอยากจะหาที่สักที่หนึ่งเล็กๆ แล้วอยากปลูกผักกินกัน อยากจะทดลองวิถีชีวิตอีกแบบหนึ่ง

ไม่อยากอยู่บ้านหลังใหญ่หลังนั้นแล้ว?
“จริงๆ ก็ไม่ใช่ไม่อยาก แต่เราก็ไม่ได้ยึดติดกับสิ่งที่มีอยู่แบบนั้น เมื่อก่อนเราจะเป็นคนที่ต้องมีนั่นต้องมีนี่ แต่พอเรามีแก้วแล้ว เรารู้สึกว่าชีวิตมันเรียบง่ายขึ้น ก็เลยรู้สึกว่าถ้าใครอยากได้บ้านหลังนั้น ก็ติดต่อมาได้นะครับ”

ถ้าต้องขายจริงๆ จะทำใจได้ไหม?
“ถ้าต้องขายจริงๆ ก็ทำใจได้ เพราะว่าเราได้สนุกกับการตกแต่งกันอย่างเต็มที่มากๆ แล้ว เหมือนเป็นงานศิลปะที่เราทำเต็มที่แล้ว ถ้าใครอยากได้ก็เอาไปดูแลต่อเลย เพราะของทุกชิ้นในนั้นเราเสาะหา เรียกว่าแต่ละชิ้นมันหนึ่งเดียวแล้ว ไม่มีแล้ว”

ถ้าขายคือขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์?
“ใช่ครับ ก็คิดเหมือนกันนะว่าอยากเอาเฟอร์นิเจอร์เก็บไว้ เพราะหลายๆ อย่างมันหาไม่ได้แล้วจริงๆ แต่พอเรามองหลายๆ ที เรารู้สึกว่ามันเหมาะกับที่นั่น คือเราจะฝึกให้ตัวเองไม่ต้องยึดติดกับสิ่งที่มี เราทั้งคู่รู้สึกเหมือนกันว่ามันไม่มีอะไรเป็นของเราจริงๆ แล้วในโลกนี้ ถ้าเราได้ลองฝึกปล่อยออกไปบ้าง ก็อาจจะเป็นอีกสเตปหนึ่งในชีวิตที่เราอยากจะทดลอง”

เคยมีคนมาสอบถามบ้างหรือยัง?
“ก็มีเพื่อนๆ ที่ถาม แล้วเห็นมีคนไปดูที่แถวนั้นไปถามบ้างครับ แต่ตอนนั้นเรายังยึดติดอยู่ว่าฉันต้องมี ฉันต้องครอบครอง แต่หลังจากวันนี้ติดต่อได้เลยครับ ราคาอาจจะสูงกว่าที่ซื้อมานิดหน่อย แต่ผมก็ไม่ได้คิดจะเอากำไรจากสถานที่ตรงนั้นเลย เพราะผมรู้สึกว่า เราได้กำไรในเชิงวิถีชีวิตมากๆ แล้ว เราได้มีโอกาสไปจัดงานแต่งตรงนั้นด้วย

ค้นพบความหมายในชีวิตอะไรบางอย่างในช่วงที่มีบ้านหลังนั้นด้วย การได้ไปแฮงเอาต์กับเพื่อนและได้คุยกันเรื่องชีวิต หลายๆ อย่างที่เราผ่านมากับสถานที่ตรงนั้นมันก็คือกำไรมากๆ ได้มีโอกาสได้ใช้ ได้ทดลองตกแต่งบ้าน เราก็สนุกกับสถานที่ตรงนั้นมาก”.

ขอบคุณภาพจากไอจี @tonirakkaen, @kaewjarin

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2040380
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2040380