“เพลงเอก” รอบชิงชนะเลิศ 5 คนสุดท้าย ลุ้นใครจะคว้าแชมป์คนแรก


ให้คะแนน


แชร์

ข่าวแนะนำ

ถือว่าเป็นการฟาดฟันด้วยเสียงเพลงลูกกรุงที่คิดถึงจริงๆ เพราะทุกการถ่ายทอดโดย “วงคุณพระช่วยออร์เคสตรา” ที่มีแต่ความไพเราะจับใจทุกครั้งที่ได้ฟัง พร้อมโชว์สุดอลังการ และยังได้รับเกียรติจากกรรมการผู้คร่ำหวอดทางด้านดนตรีมาร่วมตัดสิน นำโดย ก้อง สหรัถ สังคปรีชา, แหม่ม พัชริดา วัฒนา, รัดเกล้า อามระดิษ และโต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร

ครั้งนี้เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ เชื่อว่าเป็นรอบที่กดดันมากๆ สำหรับกรรมการและผู้ชม เพราะผู้เข้ารอบทั้ง 5 คนล้วนมีความสามารถและเสียงที่เป็นเอกลักษณ์แทบเดาไม่ได้เลยว่า ใครจะเป็นแชมป์คนแรกบนเวทีคุณภาพนี้

บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ได้มีโอกาสพูดคุยสัมภาษณ์ผู้ที่ผ่านเข้ารอบ 5 คนสุดท้ายถึงเส้นทางการมาประกวดและความคาดหวังกับรอบชิงชนะเลิศในครั้งนี้ เริ่มด้วยคนแรก ธัช กิตติธัช ที่บอกว่า “มาถึงรอบชิงแล้วเป็นครั้งแรกในชีวิต ดีใจมากๆ การแข่งแต่ละรอบก็ยาก เพลงเหล่านี้ยากมาก ถ่ายทอดก็ยาก การคุมเสียงก็ยาก สิ่งที่ยากที่สุดก็คือต้องร้องกับวงออร์เคสตราวงใหญ่ การที่จะร้องให้เข้ากับวงต้องทำการบ้านหนัก

ในรอบชิงจะได้รับโจทย์ที่รายการวางไว้ให้จะเป็นเกี่ยวกับบ้านเรา แผ่นดิน ทะเล ผืนฟ้า ภูเขา ส่วนผมได้เพลงเกี่ยวกับทะเล ผมเลือกเพลงพรานทะเล กับเพลงวอลซ์นาวี ตั้งแต่ได้รับโจทย์เพลงมานอนก็ฟังไปไหนก็ฟัง เพื่อที่จะให้จำเนื้อจำทํานองได้ จริงๆ ตอนประกวดรอบแรกยังไม่ค่อยได้หวังครับ พอเข้ามารอบสุดท้ายมันหวังมากๆ ถ้าไม่ชนะก็เสียใจอยู่แล้วครับ แต่ส่วนหนึ่งก็ดีใจที่เราได้มีโอกาสศึกษาเพลงอมตะ ผมเชื่อว่าเพลงเหล่านี้เด็กยุคใหม่อาจจะเข้าถึงยาก แต่อยากให้มองอีกมุมนึงว่าเพลงลูกกรุงฟังง่าย ฟังสบาย”

ด้าน หลิน วลัญจ์รัช บอกว่า “จริงๆ ไม่ได้คาดหวังเลยว่าจะมาถึงรอบนี้ ไม่เคยร้องเพลงลูกกรุงมาก่อน ส่วนมากจะร้องเพลงลูกทุ่งราชนิพนธ์ แล้วเคยหยุดประกวดไปเป็น 10 ปี กลับมาครั้งนี้ความตื่นเต้นมันมากขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ตอนแรกคิดว่าแค่จะผ่านแค่รอบแรกรอบที่ 2 อาจจะร่วงไปแล้ว แต่ว่าพอมาถึงรอบนี้ก็ทำการบ้านหนักขึ้นพัฒนาตัวเองมากขึ้น กรรมการก็จะคอมเมนต์ว่าเราผิดพลาดตรงไหนเราก็จะนำตรงนั้นไปพัฒนาในแต่ละรอบให้ได้มากที่สุด

รอบชิงชนะเลิศได้รับโจทย์เพลงบ้านของเรา เป็นเพลงที่พูดถึงป่าไม้ภูเขาทะเล โชว์ของเราจะเป็นโชว์จบภาพรวมทั้งหมดเลย ซึ่งก็ไม่ได้ง่ายเพราะสอนเด็กร้องเพลงก็จะสอนลูกทุ่ง พอเรามาร้องเพลงลูกกรุงแล้วต้องมานั่งเรียนรู้ตัวเอง แต่จะทำให้เราสอนเด็กได้เก่งขึ้น มีความรู้จากท่านคณะกรรมการมาถ่ายทอดให้กับเด็กๆ หนูว่าทุกคนที่มารายการนี้ทุกคนคาดหวังแต่ถ้าสุดท้ายแล้วมันแพ้ หรือชนะไม่ได้สำคัญเลยสุดท้ายแล้วมิตรภาพสำคัญที่สุด รายการนี้เหมือนบ้านอีกหลังหนึ่ง ไม่เคยประกวดร้องเพลงที่ไหนแล้วรู้สึกอบอุ่นเท่านี้มาก่อน ถ้าไม่ได้ไม่เสียใจ”

ส่วน นุ อนุกูล เผยว่า “ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเข้ามารอบลึกนาดนี้ เพราะไม่ได้เก่งเพลงลูกกรุง เวลามาประกวดก็จะเลือกเพลงที่ไม่เก่ามาก พอเข้ามาถึงรอบชิงก็เกินที่คิดไว้เยอะมากๆ รอบชิงชนะเลิศผมได้โจทย์เพลงที่เกี่ยวกับแม่น้ำเจ้าพระยา ชื่อเพลงเจ้าพระยากับเพลงลูกเจ้าพระยา เป็น 2 เพลงเอามาเมดเลย์กัน ซึ่งยากที่สุดสำหรับผม เพราะเป็นเพลงยุค 80 กับเพลงลูกกรุงเอามารวมกัน

ถามว่าทำงานด้านเพลงมาอยู่แล้ว ทำให้เรามีข้อได้เปรียบบ้างไหม แต่ละคนในรายการจะมีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกัน อย่างผมอาจจะโชคดีตรงที่ว่าทำงานดนตรีด้วยแล้วก็ทำงานเบื้องหลังด้วย รู้เรื่องเกี่ยวกับดนตรีเยอะ แต่ความโชคไม่ดีของผมก็คือไม่มีประสบการณ์ทางเพลงลูกกรุงเลย ก็คาดหวังว่าจบรายการและจะมีงานอะไรต่อ ถ้าใครได้ก็ดีใจหมด ตัวเราไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะเป็นเพื่อนกันหมด ยินดีกับทุกคนที่ได้”

ปิดท้ายที่หลุยส์ สรวิชญ์ ที่บอกว่า “เข้ามารอบชิงก็ตื่นเต้นมากครับ เพราะว่าเป็นเหมือนคอนเสิร์ต ไม่ใช่ร้องเพลงอย่างเดียว มีการโชว์มีการเล่าเรื่อง เป็นภาพของคอนเสิร์ตมากกว่าการแข่งขันปกติ ผมได้ร้องเพลงพงไพร เพลงป่าลั่นครับ รายการนี้เป็นรายการที่อบอุ่นมาก ทีมงานน่ารักเพื่อนๆ น่ารักกรรมการน่ารักทุกคนเลย แต่ก็ประหม่าครับ เพราะว่าทุกคนเก่งมากๆ มีเอกลักษณ์ของแต่ละคนที่ชัดเจน ถามว่าคาดหวังมั้ย ไม่คาดหวังครับ คาดหวังแค่ให้ตัวเองทำได้เหมือนที่ซ้อมมีความสุขกับโชว์ตัวเองก็โอเคมากๆ แล้วครับ”

งานนี้แฟนๆ เพลงลูกกรุงต้องไม่พลาด มาเอาใจช่วยและร่วมลุ้นไปด้วยกัน วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ 20.05 น. ทางช่องเวิร์คพอยท์.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2040735
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2040735