เอวา โต้! เมินธุรกิจหมื่นล้านเข้าวงการ เผยเส้นทางความสำเร็จ ช่วยธุรกิจปังกว่าเดิม 


ให้คะแนน


แชร์

เอวา โต้! เมินธุรกิจหมื่นล้านเข้าวงการ เผยเส้นทางความสำเร็จ ช่วยธุรกิจปังกว่าเดิม

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

เอวา โต้! – โต้ข่าวดราม่าทิ้งธุรกิจหมื่นล้าน สำหรับนักแสดงสาว เอวา ปวรวรรณ วีระภุชงค์ หรือ เอวา หกฉากครับจารย์ ทายาทเจ้าของ ซาร่า ทิฟฟี่ และแอนตาซิล ได้ออกมาเปิดใจ โต้ข่าวลือเมินกิจการทางบ้าน เพื่อเดินตามความฝันเป็นนักแสดง จนมีชาวเน็ตตั้งข้อสงสัยว่าทำไมถึงไม่เลือกสานต่อธุรกิจทางบ้าน

งานนี้สาว เอวา หกฉากครับจารย์ ให้สัมภาษณ์กับข่าวสดออนไลน์ เปิดใจถึงดราม่าดังกล่าว เผยว่า ทุกคนนั้นเข้าใจผิดว่าเธอเมินธุรกิจ แต่จริงๆแล้วเอวาทำหน้าที่ในการเป็นภาพลักษณ์ และแอมบาสเดอร์ให้กับธุรกิจทางบ้าน ทั้งยังช่วยคอนเน็กกับลูกค้า ส่งเสริมการขายทำชาริตี้อีกด้วย

โดย เอวา เล่าถึงความฝันในช่วงวัยเด็ก เผยว่า “จริงๆต้องบอกก่อนว่าความฝันในในเด็กของเอวาเคยอยากเป็นนางสาวไทยด้วย จำได้ว่าตอนเด็กๆที่บ้านจะบอกว่าถ้ากินนมช็อกโกแลตเยอะๆจะได้เป็นนางสาวไทยนะคะ ก็เลยกินเยอะมาก แล้วก็อยากเป็นนางแบบ แต่ได้ค้นพบว่าตัวเองอยากเป็นดารา เมื่อเอวาเรียนเดินแบบกับสถาบันของครู โย ยศวดี ค่ะ ชื่อว่า “FEVER RUNWAY” และมีโอกาสได้เล่นโฆษณา

หลังจากนั้นก็รู้สึกว่าชอบความรู้สึกนี้จังเลย มันอิ่ม เลยทำให้เอวานึกย้อนไปถึงตอนเด็กๆ เอวากับพี่น้องชอบเล่นทำละครเวทีด้วยกันที่บ้านที่เราจะให้แม่บ้าน พี่เลี้ยงทุกคน เข้ามาดูเรื่องที่เอวาแสดง เป็นโมเมนต์ที่มีความรู้สุขมากๆ เอวาชอบความรู้สึกที่มีสปอร์ตไลต์ค่ะ มันคือจุดที่เราอยากอยู่ หลังจากนั้นก็ทำด้านนี้มาตลอดไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียนการแสดง แล้วก็ชอบการเขียนสคริปต์ละครให้ตัวเองเล่นค่ะ”

แคสต์มาเยอะแค่ไหน?
“ถ้าย้อนกลับไปเอวาเห็นตัวเองแคสต์งานเอง เหงื่อออกก่อนเข้าห้อง แล้วอยู่ดีๆเอวาก็กรี๊ดกลางห้องแคสต์ แล้วก็ขอโทษทุกคนเพราะว่าเป็นคนตื่นเต้นมาก เรารู้สึกว่าเราต้องให้เอนเนอร์จีออกไป เพื่อที่เอวาจะได้เป็นตัวละครที่ถูกเลือกบทบาทมา หรือแม้แต่การวิ่งรอบห้องแคส กระโดดตบ

จริงๆแคสต์มาเยอะนะคะ มีแคสต์เดินแบบตั้งแต่อายุ 14 ปี แล้วก็เริ่มแคสซีรีส์ละครต่างๆ แต่ว่าไม่ผ่าน ถ้ารวมๆแล้วกี่ปี น่าจะประมาณ 6 ปี ถ้ารวมเดินแบบน่าจะ 9 ปี คือเป็นเวลาที่นานมาก ถามว่าท้อมั้ย ท้อค่ะ เพราะ เราเอาหน้าไป เอาตัวไป เอาใจไป แต่เมื่อมันไม่ผ่าน คนอื่นได้บทนั้น เราก็จะรู้สึกว่าเราดีไม่พอหรือเปล่า เราไม่ดียังไงเขาถึงไม่เลือกเรา มันบั่นทอนมากๆ

เอวาก็จะเติมไฟให้ตัวเองด้วยการทำสิ่งที่ชอบ เอวาชอบหนังเรื่อวลา ลา แลนด์มากๆ มีผู้หญิงชื่อว่ามีอา ที่ทำตามความฝันของตัวเองในการที่จะเป็นนักแสดงเหมือนกัน เอวาจะฟังเพลง the fool who dream ทุกวันเลยเพื่อเติมไฟให้เราว่าวันหนึ่งเราต้องไปถึงจุดนั้นให้ได้ ทำมาตลอดไม่เคยยอมแพ้ที่จะทำเลย ไม่เคยมีช่วงไหนที่หายแล้วก็ไปเลย ต้องพิสูจน์ให้คนอื่นเห็นให้ได้ ตอนนี้อเมซิ่งมากค่ะที่มาถึงจุดนี้”

คุณพ่อตั้งความหวังอยากให้เราเป็นนักธุรกิจ?แน่นอนว่าที่บ้าน คือคุณพ่อเขาอยากให้เอวาเป็นนักธุรกิจเหมือนกัน สานต่อที่บ้าน ซึ่งตอนนี้เขาก็ยอมรับที่เห็นเอวาเป็นแอมบาสเดอร์เหมือนอิมเมจให้เด็กวันรุ่นได้เข้าถึงมาใช้ซารา ทิฟฟี่ แต่ว่าตอนเด็กๆต้องขอบคุณ และโชคดีมากๆเลยที่ตอนเรียนทางบ้านไม่เคยบังคับเลยว่าต้องเรียนสิ่งนี้ ต้องจบด้านนี้ และได้เกรดเท่านี้ ไม่เคยเลยค่ะ

แต่ว่าก็ไม่ได้เรียนนิเทศน์ศาสตร์ ถ้าย้อนกลับไปได้ก็อยากไปเรียนนิเทศน์ศาสตร์ต่อค่ะ แต่ไม่ทันแล้ว(ยิ้ม) เชื่อว่าสิ่งใดเกิดขึ้นสิ่งนั้นดีเสมอนะคะ เอวาก็เรียนสังคมสงเคราะห์ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ภาคอินเตอร์ ที่บ้านไม่เคยกดดันว่าจะเรียนที่ไหน ไม่เคยกดดันเรื่องนี้ แต่จะกดดันเรื่องการทำตามความฝันของตัวเองมากกว่า”

ทำไมพ่อไม่อยากให้ทำงานวงการวงเทิง? “จริงๆเรื่องที่คุณพ่อไม่อยากให้ทำงานในวงการบันเทิง เพราะคุณพ่อบอก หลังจากที่เอวาเขียนไดอารี่ข้อดี-ข้อเสียของของการอยู่ในวงการบันเทิงด้วยค่ะ ก็เอาไปให้คุณพ่อดู คุณพ่อก็บอกว่าเขียน 100 ข้อ ถ้าในอนาคตมีข้อที่ 101 จะรับไหวมั้ย ก็เลยให้คุณพ่อชนะไป ณ จุดนั้น เพราะว่าไม่รู้จะเถียงยังไง

คุณพ่อไม่อยากให้ทำอย่างที่หลายคนรู้ ถ้าใครติดตามเอวาจะรู้ว่า คุณพ่อค่อนข้างมาสายธรรมมะมาก คุณพ่อรู้สึกว่าเป็นอาชีพที่ไม่มั่นคง เป็นอาชีพที่ทำไปจะเพิ่มกิเลสให้ตัวเองมั้ย เอวาทำไปจะอยากได้อยากมี เอวาจะไม่มีความสุขหรือเปล่าที่ต้องแข่งขันกับคนอื่นตลอดเวลา แล้วจะโอเคมั้ย ถ้ามีคนไม่จริงใจ คนที่คบเพื่อหวังผลประโยชน์ คุณพ่อเลยกังวลมาก ไม่อยากให้เป็นเลย รู้สึกว่าจะทำให้ชีวิตไม่มีความเป็นส่วนตัว

คุณพ่อกังวลมาก เพราะสอนไว้ว่าห้ามใช้ชีวิตบนความประมาท จะบอกว่าไม่ง่ายเลยนะคะ หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าเอวาต้องเรียกคุณพ่อคุณแม่มานั่งบนเก้าอี้ เปิดพรีเซนเทชั่นบนทีวี อันนี้ไม่ได้เวอร์เลยนะ เรื่องจริง ให้พ่อแม่ดูว่าทำไมคนให้เอวาเข้าวงการ ท่านก็คงเห็นความพยายาม แต่จุดเปลี่ยนของเอวาเลยคือละครเวทีนะคะ เรื่องFULFFILLED เติมเต็ม ก็เป็นเรื่องแรกที่พ่อแม่และทุกคนในครอบครัวเข้ามาดู

หลังจากนั้นคือวันที่เขายอมรับในสิ่งที่เราเป็นจริงๆ เพราะเราเขียนบทเองกับครูสอนการแสดง เราเล่าเรื่องราวเองจากแรงบันดาลใจจากสิ่งที่เราชอบ หนูจำได้เลยว่าวันนั้นคุณพ่อ และอากงก็ร้องไห้ คุณแม่ พี่น้องเริ่มร้องไห้ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มสนับสนุนมากขึ้นค่ะ รู้สึกโชคดีมากๆที่ไม่ยอมแพ้ในความฝันของตัวเอง ไม่งั้นคงไม่มีวันนี้ ไม่รู้จักพระอาทิตย์ทุกดวง และทุกคนคงไม่ได้รู้จักเอวา”

เงินก้อนแรกที่หาได้ในวงการบันเทิง? “เงินก้อนแรกที่เอวาหาได้ในวงการยังจำได้ดีคือเงินจากการเดินแบบ เป็นการเดินแบบในห้างเซ็นทรัล เดอะมอล์ล แล้วมีงานนึงเป็นงานช่วงซัมเมอร์ เอวาไปเดินแบบที่โคราชนะคะ จำได้ว่าตอนนั้นได้เงิน 2500 บาท ตอนนี้ก็คือภูมิใจมากเพราะว่าตอนนั้นเอวาอายุ 16 ปี ก็เอาเงินให้อากงกับแม่แบ่งกัน

เป็นงานที่เอวาภูมิใจมากๆ เป็นครั้งแรกที่เอวาหาเงินได้ มันอาจจะไม่ได้เยอะใาก แต่สำหรับตัวเอวาเอง เหนื่อยนะ เราต้องอยู่บนส้นสูงตลอด เราต้องฝึกเทิร์น ฝึกเดิน กินข้าวคือกินกลางพื้น ต้องตื่นแต่เช้า แต่งหน้า รอคิว”

คิดยังไงกับความคิดเห็นที่ว่าเราเลือกที่จะทิ้งธุรกิจหมื่นล้าน เพื่อทำตามความฝัน?จริงๆทุกคนกำลังเข้าใจผิด เอวาไม่เคยทิ้งธุรกิจที่บ้านนะคะ เอวามีทุกวันนี้ได้เพราะที่บ้าน เพราะอากง เพื่อคุณพ่อ ทุกคนส่งเสริมให้เรียนการแสดง แต่เดี๋ยวถามอีกทำไมคุณพ่อให้เรียนการแสดงเพราะเอวาขอเอาไว้ค่ะ บอกไปว่าไม่เป็นก็ได้แต่ขอเรียนการแสดง แต่จริงๆก็แอบเป่าหูคุณพ่อทุกวัน คือถ้าไปแคสก็ต้องแอบไป ไม่บอกอะไรเลย ไม่ว่าช่องไหนจะมาขอสปอนเซอร์ก็ไม่เคยฝากทั้งนั้น”

แต่อย่างที่บอกเอวาไม่เคยทิ้งเงินหมื่นล้านนะคะ จริงๆคือเงินของธุรกิจครอบครัวนะคะ แล้วเอวาก็ไม่ได้หาด้วยสักบาทก็เลยไม่อยากบอกว่าเป็นของเอวาด้วยเป็นความเหนื่อยของคุณพ่อ อากง และคุณอาทางบ้าน ส่วนตัวเอวาไม่เคยทิ้งแต่ตอนนี้เอวาไปเป็นแอมบาสเดอร์แล้วของบริษัทก็ทำให้วัยรุ่นรู้จักยามากขึ้น ได้คอนเน็กกับลูกค้ามากขึ้น เป็นเหมือนภาพลักษณ์ของบริษัท เพราะฉะนั้นเอวาไม่ได้ทิ้งนะคะ เอวาแค่เหมือนอยู่ฝ่ายพีอาร์ของบริษัทมากกว่า ต้องพูดแบบนี้ เอวาทำชาริตี้มาตลอด

เอวาเคยสอนเด็กในบ้านเด็กกำพร้าตั้งแต่อายุ 18 ปี แต่ไม่เคยลงที่ไหน จนกระทั่งเป็นนักแสดง มีคนชอบด้านนี้ซึ่งเป็นอะไรที่เอวาแฮปปี้มากๆ เอวาได้ทำในสิ่งที่เอวารู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่า มันเป็นอะไรที่เป็นของขวัญที่สุดแล้ว อย่างที่บอกไม่ได้ทิ้งธุรกิจนะคะ วันหนึ่งเอวาทำงานในวงการไม่ได้แล้ว เอวาก็ต้องกลับไปช่วยที่บ้าน แต่ว่าตอนนี้ที่เอวาไม่ได้เข้าบริษัททำงานข้างนอกแต่ก็ยังพีอาร์ให้กับทางบริษัทข้างนอกอยู่ค่ะ แล้วก็แน่นอนใช้จริงค่ะ”

เห็นมอบกล่องน้ำใจช่วยโควิดในช่วงนี้?
“วันหนึ่งรักที่เราให้ทุกคนก็จะหวนทางกลับมาหาเราค่ะ ซึ่งเอวาเชื่อมากๆค่ะ เอวาอยากเชิญชวนทุกคนมาทำให้การให้เป็นไวรัลกัน โดยเฉพาะในสถานการณ์นี้ที่มีคนลำบาก มีอีกหลายคนที่นอนรอห้องไอซียู มีอีกหลายคนที่ต้องบอกลาครอบครัวเสียชีวิตไปโดยที่ไม่มีใครร็จักด้วยซ้ำ ก็เลยอยากให้ทุกคนเห็นค่ากันและกัน

ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่เราจะให้กันและกัน เพราะฉะนั้นเรามาใช้ช่วงเวลานี้เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสแห่งการให้ ให้ความรัก ให้เป็นความเมตตา เราจะเป็นประเทศที่น่าอยู่แน่นอน”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6484080
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6484080