ธันวา เปิดใจ ธุรกิจอ่วมหนัก ปิดร้านขนมถาวร สงสารอดีตลูกจ้าง ช่วยเหลือเท่าที่ได้


ให้คะแนน


แชร์

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

ธันวา เปิดใจ – ท่ามกลางสถานการณ์ย่ำแย่ของการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อทุกธุรกิจเป็นอย่างหนัก โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร แม้ที่ผ่านมาจะกัดฟันสู้เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปต่อได้ แต่ก็ไม่สามารถต้านทานกับรายจ่ายที่เข้ามาทุกวัน สวนทางกับ รายรับ แทบจะมองไม่เห็นเม็ดเงิน

ล่าสุด ดาราหนุ่ม ธันวา สุริยจักร ได้เปิดใจกับข่าวสดออนไลน์ เผยถึงวินาทีที่ต้องสู้กับรายจ่าในช่วงโควิดที่แทบไม่มีลูกค้า จนต้องปิดร้านขนม gram cafe & pancakes ไปในที่สุด ซึ่งหลังจากที่ลูกน้องออกจากงานก็ยังคงเป็นบุคคลขาดรายได้ จนเจ้านายอดห่วงไม่ไหว ขอไม่ทิ้งลูกน้องโอนเงินช่วยเหลือเท่าที่พอจะช่วยได้

ทำไมถึงตัดสินใจปิดร้านที่เปิดมา 2 ปี?ด้วยเศรษฐกิจที่มันไม่ดีจากที่เราเคยทำงานมีฟิกคอร์สแบบนี้ รายได้มันก็ยังมีส่วนต่าง เรายังสู้ต่อไปอยู่ เอาจริงๆผมปิดก่อนเฟส 3 อีก ซึ่งถือว่าโชคดีนะ ไม่งั้นก็จะแย่ไปกว่านี้อีก คือก่อนหน้านั้นคือรายได้มันติดลบ ประมาณ 2-3 เดือน เราก็เลยตั้งคำถามว่าถ้างั้น เราปิดดีกว่าอย่างน้อยๆเรายอม ตัดแขน ตัดขา แต่เรายังพอได้อะไรกับคืนมาบ้าง ไม่งั้นถ้าเรายื้อต่อไปเรื่อยๆเราอาจจะไม่เหลืออะไรเลย”

ช่วงก่อนเฟส 3 ขาดทุนไหม? “ใช่ครับ ก็ติดลบครับ รู้สึกว่าไม่ใช่”

ก่อนปิดร้านตอนนั้นเดือดร้อนไหม? “ใช่ครับ จริงๆเราก็เอาส่วนต่างจากเมื่อก่อน จากกำไรเก่ามาจ่ายแหละ แล้วเหมือนเราก็รอการเยียวยาจากเซ็นทรัลเหมือนกัน เพราะเราก็ส่งจดหมายไปขอประกันคืน จริงเราก็คุยกับเขา แล้วเราก็รอคำตอบจากเขา ก็รอบในลักษณะที่ว่าเขาจะเยียวยาเราได้มั้ย เพราะว่าตอนนี้ผู้ประกอบการหนักหนาสาหัสกันทุกคนเลย ก็เป็นกำลังใจให้กับผู้ประกอบการทุกคนด้วยครับ”

มีการคุยกับลูกน้องอย่างไรบ้าง ก่อนที่จะปิดร้าน? “จริงๆลูกน้องผม เขาก็เข้าใจนะ เพราะว่าเขาก็เห็นว่ารายรับมันไม่เท่าเดิม มันมีแต่รายจ่าย เขาก็เข้าใจ เราก็คุยกันแล้ว ก่อนหน้านั้น ผมพยามหาทางช่วยเหลือเขา แต่ทีนี้มันดูแล้วช่วงนี้มันทำอะไรยาก เราก็หาโซลูชั่นในการช่วยคิดโปรเจ็กต์ ว่าจะช่วยพวกเขาขายออนไลน์ดีมั้ย

แต่ว่าสุดท้ายแล้ว ผมก็ได้ปรึกษาผู้ใหญ่หรือเพื่อนๆที่ทำธุรกิจด้วยกัน เขาก็บอกว่าตอนนี้ทำออนไลน์มันไม่ได้ง่าย แล้วก็ถ้าขายผ่านแพลตฟอร์มก็จะต้องโดนตัดกำไรไปอีก แล้วจะไหวหรอ ถ้าทำแล้วสุดท้ายมันไม่ได้เงินขึ้นมาล่ะ น้องๆ ก็ต้องทำงานฟรีจะรับได้มั้ย ก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็เลยโอนเงินให้เขาเป็นสินน้ำใจแล้วกัน

ลูกน้องหลายคนไหม ที่ออกจากร้าน? “จริงๆก็หลายคนนะ แต่ละเฟสมันก็ต่างกันครับ การบริหารเหมือนเราก็ต้องแก้ไขตามสถานการณ์ครับ เฟสที่มันไม่ดีมากๆหรือเราหาเงินไม่ได้มากๆก็อาจจะต้องคุย เราก็ต้องลดพนักงานลง”

ลูกจ้างได้เล่าความเดือดร้อนให้ฟังไหม?จริงๆก็สงสารเขานะ เพราะเหมือนว่าเขาไปสมัครงานใหม่ มันก็ไม่มีใครรับ ณ ตอนนี้ คือสมัครเป็น 10 ที่ มันยังไม่มีใครรับเขาเลย ซึ่งผมก็เข้าใจ ตอนนี้คงไม่มีใครอยากได้พนักงานเพิ่มหรอก เพราะมันก็หนักหนาสาหัสกันทั้งหมดอ่ะเนอะ”

ขายในร้านที่ยังขายไม่หมด หรือ สต็อก เสียหายแค่ไหน? “อันนี้หุ้นส่วนของผมเขาซื้อต่อครับ เขาซื้อไป ถ้ามีโอกาสเขาก็จะทำต่อในพื้นที่อื่น”

ตอนนี้ยังเสียใจ เครียดกับวิกฤต หรือติดใจอะไรไหม? “ไม่นะครับ ผมรู้สึกว่าตอนนี้มันนานมาแล้วครับ เราก็สนใจในสิ่งที่เรารักที่สุดโฟกัสแบบการทำ อาหารฝึกฝนในสิ่งที่ผมชอบ ในอนาคตผมก็ต้องสู้ต่อไป ก็ต้องหาแนวทางในการทำธุรกิจในอนาคตครับ ช่วงนี้ก็ถือว่าเป็นช่วงย่อลง เพื่อให้ในอนาคตเรากระโดดได้ไกลขึ้นครับ”

คาดว่าจะปิดนานแค่ไหน? “อุ๊ย…ปิดเลยครับ ปิดเลย”

ถ้าโควิดดีก็คงไม่เปิดแล้ว? “ใช่ครับ….ตรงนั้นนะ”

ตอนนี้ในส่วนอื่นๆมีผลกระทบไหม?ตอนนี้ผมไม่ได้ทำอะไรแล้วครับ ไม่เหลืออะไรแล้ว ก็ปิดร้านกันหมดแล้ว ละก็ไม่ได้มีห่วงอะไร รู้สึกดีนะ รู้สึกว่าเราก็โฟกัสที่ละครที่เราถ่าย ระหว่างนี้ก็ศึกษาหาความรู้ในการทำธุรกิจต่อไป

ผิดหวังไหม? “ผมเปิด 2 ปีครับ”

หลังเศรษฐกิจดีขึ้นทีแพลนอะไรใหม่ๆไหม? “ยังไม่มีนะครับ แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือผมก็ตั้งใจโฟกัสในเรื่องของละครให้ดีที่สุด แล้วก็ฝึกฝน เพื่อไปแข่งในรายการมาสเตอร์เชฟครับ”

คือเป็นคนชอบทำอาหารเลยอยากจะต่อยอดตรงนี้? “ใช่ๆ ชอบทำแต่ไม่ได้เก่งครับ”

แพลนเปิดร้านอาหารเลยไหม? “ยังครับ ช่วงนี้ยังครับ”

ถึงงานในวงการช่วงนี้หน่อย เงียบไปเลยไหม? “คือปกติถ้าไม่มีโควิดเราก็จะมีงานต่างจังหวัด แต่ที่นี้ไม่มีก็ไม่เป็นไรครับ เราก็เข้าใจในสถานการณ์ แต่ถามว่าเราเครียดกับมันไหม ไม่ได้ถึงขนาดนั้นครับ เข้าใจสถานการณ์มากกว่ามันทำไงได้ล่ะ เราก็คงต้องสู้กันต่อไป มันก็โดนกันหมดครับ”

ความรักช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง คุยกับกรีนปกติ? “ใช่ครับ ก็ยังคุยกันปกติ ไม่มีอะไร ถามว่าโควิดเป็นอุปสรรคต่อความรักเราไหม ก็ไม่นะครับ ผมว่าคู่ผมมันคบกันมานานมันก็เลยเข้าใจกันมากกว่า ไม่ได้ซีเรียสขนาดนั้น”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6512596
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6512596