โบว์ แวนดา เผยสัมพันธ์กับครอบครัว ปอ ทฤษฎี หลังถูกสงสัยว่าห่างเหิน


ให้คะแนน


แชร์

“ต้องยอมรับว่าเรื่องสังคมตอนนี้ที่มันผิดเพี้ยนไปบ้างในบางเรื่อง เรื่องโรคภัยไข้เจ็บแต่ก็พยายามทำหน้าที่พ่อและแม่ให้ดีที่สุด คอยคุยตลอดเวลา สร้างความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด

เพราะโบว์เชื่อว่ามันเป็นอีกช่องทางเวลาที่เขามีอะไร อย่างน้อยเขาคิดถึงเราเป็นคนแรก อย่าคิดถึงเพื่อนหรือใครก่อนเป็นคนแรก ทำยังไงก็ได้ อยู่กับเขา ถ้าเขารู้สึกทุกข์หรือเขาสุข เขาอยากจะบอกเราคนแรก

โบว์ต้องเรียนรู้ที่จะต้องอยู่กับสิ่งแวดล้อมโลก การเปลี่ยนแปลงของโลกในทุกสถานการณ์ เรียนรู้ที่จะต้องปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิต การทำงาน อาชีพเดียวไม่เพียงพอแล้ว อะไรจับได้ อะไรถนัดก็ทำ ไม่เกี่ยงงาน ทำได้หมด

และสิ่งหนึ่งที่ต้องทำคือ ทำให้ตัวเองแข็งแรง ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดีที่สุด เพื่อที่จะได้เห็นการเจริญเติบโตของลูกในทุกช่วงอายุ ทุกช่วงวัย เลยทำให้รู้ว่าเรื่องสุขภาพเป็นอันดับหนึ่งที่ต้องมาก่อน

สมัยนี้โลกมันน่ากลัว โลกโซเชียลมันน่ากลัว การเสพสื่อของแต่ละสื่อ มียูทูบเยอะแยะมากมาย กับคอนเทนต์ที่เขาคิดขึ้นมา บางคอนเทนต์ก็ผิดๆ เพี้ยนๆ ไป บางคอนเทนต์ก็เอาความสนุกสะใจ บางคอนเทนต์ก็มีการพูดจาที่น่ากลัว

ซึ่งเรื่องนี้โบว์จะเข้มงวดหน่อยกับการดูโซเชียลของเขา จะพยายามอยู่กับเขาทุกครั้ง ถ้าโบว์ไม่อยู่ต้องมีป้าปูคอยดู จะต้องบอกว่าคนไหนดูได้ ดูไม่ได้ ยังไม่ถึงวัยก็ไม่ให้ดู

เพราะว่าสิ่งสำคัญที่หลายๆ ครอบครัวเจอคือพฤติกรรมการเลียนแบบ อย่างวันนี้เห็นลูกเรียบร้อยแต่อีกวันไปเอาคำพูดไม่น่ารักมา ซึ่งก็ต้องสอนเขา

เพราะเราเลี่ยงไม่ให้เขาเสพอะไรพวกนี้ไม่ได้ แต่คุณพ่อคุณแม่นี้แหละสำคัญที่จะดูแลใส่ใจและให้เหตุผลเขาว่าเพราะอะไรถึงดูได้ เพราะอะไรถึงดูไม่ได้ โบว์กังวลกับเรื่องนี้นะเพราะลูกก็กำลังโตทั้ง 2 คนเลย”

และแม่โบว์ก็ได้เล่าให้เราฟังต่อถึงน้องออโต้ ลูกชายคนโตของตัวเองว่า “ตอนนี้ออโต้ขึ้นมาอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯ แล้ว ก็ปล่อยเขาเพราะรู้ว่าเขาเป็นคนนิสัยแบบไหน ตอนนี้เริ่มโตเป็นหนุ่มแล้ว 16-17 แล้ว เขาก็มีโลกส่วนตัวของเขา แต่โชคดีเวลาเขาจะทำอะไร เขาจะบอกโบว์หมด

แม้จะรู้ว่าบอกแล้วจะโดนด่า แต่ก็จะได้จบๆ ไป อย่างขอซื้อคอมใหม่ ซึ่งโบว์ก็บอกว่าคอมเก่าก็มี แต่เขาบอกตรงๆ อย่างสุภาพบุรุษว่า จะเอามาเล่นเกมเท่านั้น เราก็ให้ แต่อยากสอนให้เขาพูดตรงๆ กับโบว์ อย่าโกหกพอแล้ว”

จากนั้นแม่โบว์ก็เล่าเรื่องที่น้องมะลินั้นห่วงแม่โบว์มากๆ ถ้าไปแสดงละครจะห้ามไม่ให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัวแม่ ซึ่งงานนี้แม่โบว์เล่าให้เราฟังไปด้วยหัวเราะไปด้วยว่า 

“มะลิจะหวงโบว์มาก เรื่องไม่ให้ใครมาโดนเนื้อต้องตัวแม่ จะถามตลอด โบว์ก็พูดกับเขาเล่นๆ ว่า แม่แก่แล้ว ให้คนมาจับแม่บ้างเถอะ ให้คนอื่นมาจับบ้าง แต่เขาบอกว่าไม่ได้

เขาจะถามตลอดว่าคนที่เล่นเป็นแฟนแม่มาจับแม่มั้ย ซึ่งโบว์ไม่ได้บอกว่ามีฉากจุ๊บกันใต้น้ำด้วย แต่เรื่องก่อนหน้านั้นบอกพี่โอมเพื่อนพ่อจะมาจุ๊บหน้าผากแม่นะ เขาก็โอเค

แต่พอเขาเห็นว่ามีฉากที่มีจุ๊บกันใต้น้ำ มะลิโกรธมาก ต่อว่าแม่ใหญ่ว่าทำแบบนี้ได้ยังไง โบว์เลยบอกว่าขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน แล้วเขาก็บอกว่า พ่อมองอยู่ ก็จะเป็นแนวๆ นี้แหละ (หัวเราะ)”

แต่แม้น้องมะลิจะห่วงแม่โบว์มากแค่ไหน แต่ทางด้านพี่ชายน้องออโต้ กลับยอมเปิดทางให้แม่มีใครเข้ามาดูแล โดยแม่โบว์เล่าให้ฟังว่า 

“ออโต้เคยพูดกับโบว์ว่า เขาโตแล้ว ถ้าแม่เหงาหรืออยากให้คนมาปกป้องแม่ ซึ่งแม่ไม่ได้มีตรงนี้มานานมากแล้ว โต้โอเคนะ ซึ่งอยู่ๆ เขาก็พูด ถ้าแม่โอเคโต้ก็โอเค

โบว์ก็บอกเขาว่าแม่ไม่มีใคร อยู่กับลูกแล้วไม่เครียด ก็โอเคที่จะอยู่แบบนี้ คือออโต้เข้าใจเวลาที่โบว์เครียด มีปัญหา แล้วเขารู้สึกว่าเขาช่วยโบว์ไม่ได้

เขาเลยรู้สึกว่าถ้าจะมีใครสักคนเข้ามา คงจะดูแลแม่ได้ แต่ด้วยความที่เขาเป็นเด็ก เขาเข้าไม่ถึงปัญหา เขาก็จะมองว่าทำไมเขาถึงช่วยอะไรแม่ไม่ได้ (ยิ้ม)”

และชีวิตของแม่โบว์ในตอนนี้ ถือว่าเป็นคนบันเทิงอย่างเต็มตัว เพราะเล่นละครมาแล้ว 2 เรื่อง และเรื่องล่าสุดคือเรื่องเวราอาฆาต ทางช่อง 8 ที่กำลังออนแอร์อย่างเข้มข้นในตอนนี้

ซึ่งการได้เล่นละครถือว่าเป็นการทำความฝันในตอนวัยเด็กของแม่โบว์ให้เป็นความจริง ซึ่งแม่โบว์ได้ขอบคุณคนๆ หนึ่งที่ทำให้แม่โบว์ได้มายืนอยู่จุดๆ นี้ว่า 

“ต้องขอบคุณคนๆ หนึ่งมากกว่า ในหลายๆ อย่างที่มันเข้ามาในชีวิต เป็นเพราะคนๆ หนึ่งที่ทำให้ชีวิตโบว์เปลี่ยนไป

แต่ก็อยู่ที่ตัวโบว์ด้วย โอกาสมาแล้ว ถ้าทำไม่ได้ก็คือจบ แต่ถ้าคิดจะทำ เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน มันก็ทำให้โอกาสนี้เป็นผลขึ้นมาค่ะ”

และเพราะอะไรถึงตัดสินใจรับเล่นละครเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ตอนแรกปฏิเสธไม่รับเล่นเรื่องนี้ไปแล้ว เพราะมันคล้ายๆ กับชีวิตจริงของแม่โบว์เอง ซึ่งแม่โบว์เล่าให้ฟังว่า 

“ตอนแรกเกือบไม่ได้เล่นแล้ว พอคุณเอ๊ะ อิสริยา ติดต่อมา แต่พอถามว่าเป็นละครแนวไหน ซึ่งตัวละครที่ส่งมาเป็นคนที่ต้องสูญเสียคนในครอบครัว เลยไม่อยากที่จะไปเจออารมณ์แบบนั้นอีก ไม่อยากนึกถึงอารมณ์ตอนนั้น ความรู้สึกจะดาวน์

แต่ก็เกรงใจคุณเอ๊ะ ก็ปฏิเสธไปรอบหนึ่ง แต่คุณเอ๊ะก็ขอให้ลองดูอีกรอบ พออ่านบทแล้วเห็นว่ามันไม่ใช่เอะอะร้อง มันยังมีอีกหลายอารมณ์ให้เล่น ทั้งดีและโกรธ ทั้งอาฆาต ทั้งอยากฆ่าคน อยากเอาชนะ เป็นอะไรที่หลากหลาย เลยตัดสินใจรับ”

และแม่โบว์ ก็เล่าให้เราฟังต่อว่า “หลายคนบอกว่าอยากเห็นโบว์เล่น อยากเห็นเป็นคนดีที่ร้าย ตบมาตบคืน ไม่ใช่คนเรียบร้อยให้แต่คนรังแก ซึ่งเรื่องนี้ได้อารมณ์แบบนั้น และถ้าเป็นคนที่รู้สึกดีกับโบว์และติดตาม

ต่อให้รับบทไหนเขาก็ติดตามที่ผลงาน ว่าโบว์มีพัฒนาการทางการแสดงที่ดีขึ้นมั้ย ถึงแม้ว่าบทมันจะดูง่าย แต่ในความง่ายเราสามารถที่จะเล่นให้ดีได้หรือเปล่า ซึ่งบทเอมก็เป็นอีกหนึ่งบทที่ท้าทายโบว์ด้วย”

จากนั้น แม่โบว์ก็บอกกับเราว่า ใจจริงนั้นอยากจะเล่นบทร้ายๆ มากกว่า ตบมาตบกลับ สู้คน อยากเล่นแบบนี้ ดูเป็นชีวิตคนจริงๆ เพราะหน้าตาโบว์ก็ได้อยู่นะ ก่อนที่เจ้าตัวจะหัวเราะออกมาดังๆ 

และแม่โบว์ก็เล่าความรู้สึกระหว่างที่ถ่ายละครเรื่องนี้ให้เราฟังว่ามีความเครียด กังวลไม่น้อย เพราะรู้ตัวว่าไม่ใช่นักแสดงมืออาชีพ กลัวมากกว่าจะทำให้ทุกคนนั้นเสียเวลาไปกับเธอ

“ตอนถ่ายจะกังวลเรื่องความสามารถของตัวเองมากกว่าว่าความสามารถจะถึงมั้ย จะทำให้คนอื่นเสียเวลาหรือเปล่า จะเล่นได้มั้ย จำบทได้หรือเปล่า จะเป็นตัวถ่วงของคนอื่นมั้ย กังวลไปหมดเลย แต่พอได้เล่นไป ก็เริ่มโอเค

โชคดีที่เจอทีมนักแสดงที่น่ารัก มีฝีมือสุดยอด ทุกคนที่เข้าฉากกับโบว์ให้เทคนิคคำแนะนำกับโบว์หมดเลย และส่งอารมณ์ให้โบว์ ทำให้ไม่รู้สึกเกร็ง และปลดปล่อยอารมณ์ของตัวละครเอมได้อย่างเต็มที่

โบว์ไม่ใช่นักแสดงมาก่อน แต่พอมาได้เล่นละคร มาอยู่กับนักแสดง มีคำถามกับตัวเองว่า ฉันมาทำอะไรที่นี่ (หัวเราะ) กลัวทำให้ทุกคนเสียเวลากับเรา มันคือสิ่งที่โบว์กังวล

แต่ความรู้สึกนี้แหละที่ผลักดันทำให้โบว์ต้องทำการบ้านหนักมาก ท่องบทหนักมาก และพยายามเข้าใจบทของตัวละครที่ชื่อเอมให้ได้มากที่สุด พอเริ่มถ่ายไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเข้าถึงตัวละครของเอมมากขึ้น ก็เลยเล่นได้คล่องขึ้น

โบว์ทำได้ในแบบของโบว์ และโบว์ก็เต็มที่กับเรื่องนี้มาก ถือว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงของละครเรื่องนี้ค่ะ ที่มาเติมสีสันให้กับละครเรื่องนี้

ทำงานกับช่อง 8 ทุกคนน่ารักและดีกับโบว์มากๆ ออกจากฉากมาก็เจอเสียงหัวเราะ ทำให้อารมณ์ที่ดาวน์ตอนเข้าฉากมาหายไป โบว์ขอบคุณทุกคนมากๆ เลย ที่ทำให้โบว์ไม่เอาคาแรกเตอร์ของตัวละครกลับบ้าน

แต่บางวันที่กลับถึงบ้านมะลิยังไม่นอน แล้วลูกถามว่าแม่เหนื่อยมั้ย มันก็ทำให้ใจโบว์สว่างมาก หายเหนื่อย มีเขาคอยช่วย แค่คำๆ เดียวทุกอย่างจบเลย”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2147668
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2147668