กองทัพ พีค แม้เป็นพระเอกช่อง 3 แต่ไม่ทิ้งฝัน ขอสู้แข่งขันเพื่อเป็นไอดอล


ให้คะแนน


แชร์

ส่วนเรื่องกระแสลบที่ตามมาหลังจากที่เจ้าตัวได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงและถูกหลายๆ คนมองว่า ใช้เส้นสายของพ่อเป็นใบเบิกทาง งานนี้หนุ่มพีคบอกกับเราถึงสิ่งที่ได้เจอ และวิธีรับมือกับมันว่า 

“สำหรับตัวพีค พีคไม่ได้โฟกัสอะไรตรงนี้อยู่แล้ว เพราะมันมีเรื่องให้พีคโฟกัสเยอะกว่าเรื่องนี้ ที่จะต้องมานั่งดูคอมเมนต์ แต่พีคก็เป็นห่วงครอบครัวมากกว่า

บางทีเขาอาจจะไม่เคยเจออะไรที่เป็นแง่ลบแล้วจะไปทำร้ายจิตใจเขาหรือเปล่า แต่สำหรับตัวพีค พีคมีหน้าที่ที่จะต้องโฟกัสเยอะแล้ว”

พ่อปราบ คอยซัพพอร์ตลูกชายทุกย่างก้าว

แม้จะเป็นลูกของพ่อปราบ แต่งานนี้คุณพ่อปราบก็ไม่เคยบังคับเส้นทางเดินของลูกชายคนนี้เลย มีแต่คอยซัพพอร์ตมาตลอด

ตั้งแต่การส่งลูกชายไปเรียนที่เมืองนอก รวมถึงการไปตามความฝันของตัวเองที่ประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งพระเอกหนุ่มได้เล่าถึงความน่ารักของคุณพ่อให้พวกเราได้ฟังด้วยรอยยิ้มว่า 

“ไม่เคยมีครั้งไหนที่คุณพ่อบังคับให้พีคทำอย่างนั้นอย่างนี้เลย มีแต่คอยถามตลอดว่าทำอย่างนี้มีความสุขมั้ย โอเคมั้ย ถ้าพีคบอกไม่โอเค คุณพ่อจะถอยเลย

เพราะคุณพ่อเอาตัวพีคเป็นหลัก ซึ่งเป็นวิธีการเลี้ยงดูลูกที่พีคประทับใจมาก พีครู้สึกว่าดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของคุณพ่อ (ยิ้ม)” 

จากนั้นเราถาม กองทัพ พีค ต่อว่า รู้ใช่มั้ยว่าคุณพ่อปราบนั้น ทุ่มเทกับลูกชายคนนี้มาก ถึงขั้นยอมขายบ้านเพื่อส่งลูกชายไปเรียนที่ต่างประเทศเพราะความชอบของพีค ซึ่งเรื่องนี้เจ้าตัวยิ้มและบอกเล่าเรื่องราวนั้นให้เราฟังว่า 

“ตอนนั้นที่พีคไปเรียนที่ต่างประเทศ คุณพ่อก็ทุ่มเทเต็มที่ ซึ่งตรงนี้มันทำให้พีคมีแรงสู้ มีแรงตั้งใจ เพราะว่าคุณพ่ออุตส่าห์สนับสนุนพีคขนาดนี้ แล้วพีคเป็นคนเลือกเส้นทางนี้เอง ช่วงเวลาที่มันท้อก็รู้สึกเอาตรงนี้มาเป็นแรงให้ตัวเองสู้ต่อไปด้วยครับ”

ส่วนตอนที่พีคได้ไปเข้าร่วมแข่งขันในรายการ PRODUCE_X 101 ซีซั่นที่ 4 ซึ่งเป็นเด็กไทยคนแรกที่เข้าร่วมแข่งขันในรายการนี้

ตอนนั้นคุณพ่อก็ตามไปซัพพอร์ตด้วยการชูป้ายให้คนช่วยโหวตให้ด้วย พอได้เห็นความตั้งใจและทุ่มเทของคุณพ่อขนาดนั้น ทำเอาเจ้าตัวถึงกับน้ำตาไหลเมื่อได้เห็นภาพของพ่อปราบ

“ตอนนั้นพีคอยู่ในค่าย ไม่มีใครรู้เลยว่าโลกข้างนอกเขามีอะไรยังไงบ้าง พอได้เห็นภาพของคุณพ่อที่ถือป้าย พีคร้องไห้เลย ตอนนั้นด้วยความที่ซ้อมหนักไม่ได้เจอคุณพ่อมานานแล้ว คิดถึงพ่อ

และยิ่งเห็นพ่อทำอย่างนั้นอีกมันยิ่งรู้สึก พีคก็ถามคุณพ่อนะว่า กล้าทำอย่างนี้ได้อย่างไร คุณพ่อก็บอกว่า พ่อเป็นพ่อคน แฟนคลับยังทำได้เลย แล้วทำไมคนเป็นพ่อจะทำไม่ได้ แค่นี้แหละครับ น้ำตาไหลเลย (ยิ้ม)”

ไม่ทิ้งความฝัน จะต้องเป็นไอดอลให้ได้

ถ้าใครที่ติดตามและเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ กองทัพ พีค ก็จะทราบดีว่าผู้ชายคนนี้มีความฝันที่อยากจะเป็นไอดอล และเขาก็ไม่หยุดฝันที่จะขอทำในสิ่งที่ตัวเองปรารถนา

แม้ในวันนี้เขาจะได้เป็นพระเอกช่อง 3 มีชื่อเสียงและมีคนรู้จักในประเทศไทยแล้วก็ตาม แต่ฝันของเขาจะไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โดยเจ้าตัวเล่าให้ฟังว่า  

“ตอนนี้พีคโฟกัสที่เพลง เพราะละครถ่ายจบไปแล้ว และโฟกัสเรื่องการเรียนภาษา และโฟกัสที่การตามหาความฝันของตัวเอง

และถ้าในอนาคตจะได้เล่นละครอีก ก็จะทำมันออกมาให้ดีที่สุดเหมือนกัน ละครผมไม่ได้ทิ้งนะ รู้สึกสนุกมาก อยากจะเล่นต่ออีก แต่ตอนนี้พีคมีความฝันอยากจะเป็นไอดอล ตอนนี้ช่วงกักตัว ก็ทำเพลงตลอด”

ทำไมถึงอยากเป็นไอดอล เพราะอยู่เมืองไทยก็เป็นพระเอกแล้ว ทำไมจะต้องไปเหนื่อย ไปต่อสู้แข่งขันกับคนอื่นๆ อีกหลายร้อยหลายพันคนเพื่อจะได้เป็นไอดอล งานนี้ กองทัพ พีค บอกกับเราด้วยรอยยิ้มสุดละมุนว่า

“มันเป็นอะไรที่ท้าทายดี และชีวิตคนเรามันสั้น เราไม่รู้ว่าจะจากกันไปเมื่อไหร่ ถ้าไม่ลองทำตามความฝันสักครั้งหนึ่ง ไหนๆ ก็กล้าฝันแล้ว

และจากเด็กคนหนึ่งไม่มีอะไรเลยแล้วมาถึงตอนนี้มันได้อะไรมาขนาดนี้แล้ว ก็เลยอยากจะทำตามความฝันของตัวเองให้เต็มที่ เอาให้มันเต็มที่ ผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร พีคก็จะไม่มานั่งเสียใจว่าไม่ได้ทำ”

เส้นทางไอดอลที่ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ

การตามความฝันการเป็นไอดอลนั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะเจ้าตัวก็ยังไม่ได้สมหวังในความฝันนี้ เมื่อเราถามถึงความรู้สึก งานนี้ กองทัพ พีค ได้บอกความรู้สึกหลังจากที่ไปไล่ล่าความฝันของตัวเองให้ฟังในต่างแดนว่า 

“ผิดหวังมันมีประจำแหละครับ มันเป็นเรื่องปกติชีวิต มันทำให้พีคชินมากขึ้น ไม่ใช่ไม่ผิดหวัง แต่มันทำให้พีคยอมรับผลของมันได้ เข้าใจชีวิตมากขึ้น รู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นเยอะในการประกวดต่างๆ มุมมองชีวิตก็เปลี่ยนไป

จากเด็กคนหนึ่งที่เอาแต่ใจบ้าง มองแต่มุมเดียว ตอนนี้ก็โตขึ้นได้มองอะไรหลายๆ มุมมากขึ้น ได้ประสบการณ์และพัฒนาตัวเองไปมากขึ้น ส่วนจะสำเร็จขนาดไหน พีคว่าก็ทำให้เต็มที่และก็แล้วแต่ดวงชะตาจะพาพีคไป”

จากนั้นเราถามพีคตรงๆ ว่า เวลาที่มีคนถามถึงเรื่องการไปแข่งขันว่าเป็นอย่างไรบ้าง เอาจริงๆ มีความกดดันบ้างมั้ย เพราะดูเหมือนทุกคนเฝ้ารอฟังข่าวของเราอยู่ ซึ่งเรื่องนี้เจ้าตัวตอบด้วยท่าทีที่สบายๆ ไม่ได้มีความกดดันหรือกังวลใจอยู่ในแววตาเลยว่า 

“ส่วนมากพีคก็ทำให้เต็มที่และดีที่สุดเท่าที่พีคจะทำได้แล้ว มันจะเป็นอย่างไรต่อเป็นสิ่งที่พีคควบคุมมันไม่ได้ พีคทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ที่ได้รับมา

พีคก็จะลองทำตามความฝันของตัวเองไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนดว่าจะหยุดเมื่อไหร่ อาจจะอีก 5 ปี 6 ปี ก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่พอถึงวันนั้นก็คงจะรู้เองว่าจะทำอะไรต่อไปนับจากนี้”

ถ้าไปมุ่งมั่นทำตามความฝันที่ต่างประเทศนานๆ ไม่กลัวแฟนๆ จะลืมหน้าไปหรือ งานนี้ กองทัพ พีค บอกกับเราว่า 

“ไม่กลัวครับ เพราะเข้าใจ แต่ก็ยังมีผลงานออกมาเรื่อยๆ อาจจะไม่ใช่ละคร แต่ก็มี จะมีเดินแบบ ถ่ายหนังสือ เพลง ออกมาให้แฟนๆ ได้ติดตามเรื่อยๆ ไม่ทิ้งงานในวงการบันเทิงไทยไปครับ”

เชื่อในเรื่องพรหมลิขิต

เพราะถามเรื่องส่วนตัวมาเยอะแล้ว จะไม่ถามเรื่องหัวใจเห็นทีสาวๆ คงจะเกิดความขัดใจไม่น้อย เราเลยถามพระเอกหนุ่มรูปหล่อหน้าใสแบบตรงๆ ไม่อ้อมค้อมว่า เรื่องหัวใจตอนนี้ได้โฟกัสด้วยหรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวหัวเราะก่อนตอบคำถามที่หลายคนรอฟังว่า 

“ตอนนี้โฟกัสพีคอยู่ที่งาน อยากทำงานให้เต็มที่ อยากทำงานให้มั่นคงแล้วค่อยมีใครสักคน แต่การที่จะมีใครสักคนก็เป็นเรื่องที่ว่าเขาจะมาหาเราเมื่อไหร่ ก็ยังเชื่ออยู่ว่า ถ้าเป็นคู่กันจริงๆ ก็ต้องได้มาเจอกัน”

จากนั้น กองทัพ พีค ก็ได้เผยสเปกของผู้หญิงที่จะทำให้อยากคุย เขาอยากเปิดใจอยากจะคุย อยากจะศึกษา ซึ่งมีไม่กี่ข้อว่า 

“เมื่อก่อนก็มีสเปกนะครับ แต่ตอนนี้รู้ตัวว่าชอบคนเฮฮา เป็นคนชิลๆ ที่เข้ากับพีคได้ แนวความคิดไปด้วยกัน อยากได้แฟนแบบคุณแม่ จะเป็นคนในหรือนอกวงการก็ได้ ไม่ได้ซีเรียส

ทุกวันนี้เวลาเหงาๆ พีคก็ได้กำลังใจมาเรื่อยๆ ยังมีเพื่อนที่อังกฤษ และถ้าเหงา พีคก็ฟังเพลง อ่านหนังสือ แต่งเพลงรัก ไม่ได้รีบร้อนครับ แต่ถ้าในอนาคตจะมีใครเข้ามาแล้วคลิกกับพีคก็ค่อยว่ากัน”

ผลงานละครพระเอกเรื่องแรกในชีวิต 

จากนั้นเรามาคุยเรื่องผลงานละครเรื่องแรกของ กองทัพ พีค กับการเป็นพระเอกเต็มตัวครั้งแรกของช่อง 3 กับละคร ให้รักพิพากษา Dare to Love ประกบนางเอกสุดฮอตมากความสามารถอย่าง เบลล่า ราณี ซึ่งหนุ่มพีคเล่าความรู้สึกตั้งแต่ได้รู้ว่าจะได้เล่นละครและรับบทเป็นพระเอกให้เราฟังว่า 

“ตอนนั้นพีครู้สึกตื่นเต้นมากกว่ามีความกดดัน ดีใจที่ได้เล่นกับพี่เบล และได้เรียนรู้ศาสตร์ใหม่ๆ มันตื่นเต้นมากกว่าที่จะกดดัน ซึ่งพีคตั้งใจกับการแสดงเรื่องนี้มากเลยครับ 

ถามว่ากดดันมั้ยที่ได้เป็นพระเอกเต็มตัว พีคมองว่ามันคือตัวละครหนึ่งเลยไม่รู้สึกกดดัน แต่ตื่นเต้นมากกว่าที่ได้เล่นเป็นชีวิตของคนอื่น ได้เรียนรู้ศาสตร์ใหม่ๆ ถ้าคิดก็คิดแค่ว่าพีคจะเป็นตัวละครนี้ให้ได้มากที่สุด ความกดดันมันก็เลยหายไป

ซึ่งในเรื่องนี้พีครับบทเป็นเด็กฝึกตั๋วทนาย เป็นตัวละครที่เกเรมาก่อน ไม่เอาไหน แต่ได้มาเจอนางเอกก็เลยทำให้เขาเปลี่ยนความคิดไป อยากจะเป็นนักกฎหมาย ทนายความ และมาฝึกตั๋วทนายที่นี่ ความรักจะเริ่มตั้งแต่มัธยมจนถึงตอนนี้

บอกเลยว่าคนที่ดูละครเรื่องนี้จะได้ความฟิน ใครอยากฟินจิกหมอนต้องดูละครเรื่องนี้มีฉากให้จิกหมอนเยอะมาก และครบทุกรสเลย ทั้งโรแมนติก ดราม่า แอ็กชั่นนิดนึง เป็นเคมีใหม่ๆ ในรูปแบบใหม่ พล็อตใหม่ ก็อยากให้ทุกคนชมกัน จะได้แฮปปี้ไปด้วยกัน

และเรื่องนี้พีคได้ทำเพลงละครเองด้วย แต่งเอง ทั้งทำนองและเนื้อร้อง รวมไปถึงมิกซ์เองจนถึงขั้นโปรดักชันทุกขั้นตอน แรงบันดาลใจมาจากละคร ทำเสร็จภายในวันเดียว ตอนแรกเป็นภาษาเกาหลีก่อน แล้วค่อยแปลมาเป็นภาษาไทย

ตอนที่ พี่ต้น ชลลัมพี ผู้จัดซื้อเพลงนี้ พีคดีใจมากขนลุกเลย เหมือนเพลงเขาเป็นลูกเรา รู้สึกภูมิใจมาก และมีอีกเพลงที่พีคเล่นกีตาร์ในละครด้วย เป็นเพลงแรกที่แต่งหลังจากที่กลับมาที่ไทย ตอนนั้นอายุ 16 ปี แต่งเพลงเพลงนี้ไว้

ตอนนั้นมันเป็นแค่เดโมธรรมดา แต่ตอนนี้มันได้เข้ามาอยู่ในละคร ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกออกมายังไง แต่รู้แค่ว่าเพลงนี้มันเข้ากับสถานการณ์ของตัวละคร ซึ่งเพลงนี้ชื่อว่าขอโอกาส แต่พี่เบลช่วยตั้งชื่อให้ว่า เพลงทุกนาที พีคก็เลยซื้อชื่อเพลงนี้”

และงานนี้ กองทัพ พีค ยังรู้สึกประทับใจทีมงาน และทีมนักแสดงทุกคนในเรื่องนี้ด้วย ที่ทำให้มือใหม่อย่างเขาได้รู้สึกสนุกและมีความสุขทุกวันที่ได้ไปทำงาน ไม่มีความเครียด หรือกดดันใดๆ

อีกทั้งนางเอกของเรื่องอย่าง เบลล่า ราณี ยังคอยสอนและแนะนำวิธีการแสดงให้กับพระเอกน้องใหม่คนนี้แบบไม่มีกั๊กหรือหวงวิชา ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้มีพาร์ตเนอร์ที่ดีมากๆ กับการเล่นละครเรื่องแรกของตัวเขาเอง 

ส่วนคุณพ่อปราบนั้นไม่ได้แนะนำเคล็ดลับใดๆ ในการแสดงให้ เพราะต้องการให้ลูกชายได้เรียนรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง มีเพียงแนะนำเรื่องความมีมารยาทให้เท่านั้น เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ เป็นเด็กต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนและมีสัมมาคารวะ

ต้องบอกว่าเราเห็น กองทัพ พีค ตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเด็กนักเรียนเรียนอยู่ที่ต่างประเทศ จนตอนนี้เด็กหนุ่มหน้าหล่อได้ก้าวเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงอย่างเต็มตัว แม้วันนี้จะเป็นพระเอกละคร แต่เขายังมีความฝันที่จะเป็นไอดอลให้ได้ เราหวังว่าจะมีสักวันหนึ่งที่ความฝันนี้ของเขาจะเป็นความจริง.

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : sathit chuephanngam

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2149344
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2149344