เสี่ยงแต่ไม่หวั่น “ติ๊ก ชิโร่” เปิดค่ายเพลงหวังเป็นสะพานให้นิวเจนเดินตามฝัน


ให้คะแนน


แชร์

เป็นมายังไงถึงมาทำค่ายเพลงได้

“ตอนแรกพี่ติ๊กตั้งใจไว้ว่าทำค่ายเพลงเลยคิดว่าน่าจะชวนเพื่อนๆที่มีประสบการณ์มาทำด้วยกันเลยไปชวนอั๋น สร้างวงแคลช สร้างปาล์มมี่ เจ้าของค่าย DUCKBAR มาก่อน แล้วก็มาชวนคุณต้อ เคยทำอยู่กับโจอี้บอย ไปเชิญเป๊กซ์ วงซีล ก็เลยเกิดเป็นสี่สหายร่วมสถาบันโลมาบิน คิดว่าตั้งค่ายเพลงกัน เป็นจุดเริ่มต้นเลย ก็คุยกันนานพอสมควร จุดที่สำคัญคือการเริ่มต้นเหมือนการสร้างบ้าน หลายคนแปลกใจทำไมมาสร้างค่ายเพลงตอนนี้ พอหันกลับมามองเราทำค่ายเพลงกับวงการเพลงมาตลอด หลายๆ คนมีประสบการณ์เรื่องนี้ ถ้าเรามัวแต่กลัว มัวแต่พะว้าพะวงสิ่งที่มันเกิดขึ้นวิกฤติต่างๆทั่วโลกจะทำให้วงการเพลงสะดุดมั้ย เราคิดว่าความมุ่งมั่นตั้งใจของเรามีค่ายพอให้ศิลปินต่างๆ ที่เขากำลังเติบโต จะโดนปิดกั้นไปหรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้รายการเพลงมีเยอะมากและเราไปเป็นโค้ชเดอะวอยซ์คิดส์ เห็นรุ่นน้องใหม่ๆ เก่งมาก ตั้งแต่ 6-7-8 ขวบ พอโควิดมาเราไม่สามารถไปสตูฯได้ โอกาสน้องๆอาจจะหายไปก็ได้ เราเลยคิดว่า ช่วยกัน น้องน่าจะเป็นศิลปินรุ่นใหม่ เลยคิดว่ามองตรงนี้ยุคสมัยนี้ต้องยอมรับ โควิด ทุกคนใช้มือถืออยู่ในโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้นเลยคิดว่าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ที่มันจะสอดคล้องกับยุคสมัยนี้ ถ้าเราปล่อยเวลาไปเรื่อยๆ บางครั้งสิ่งที่เป็นความฝันก็อาจเกิดขึ้นไม่ได้ เราเลยตัดสินใจช่วงเวลานี้แหละ”

แสดงว่าตัวตนของพี่ติ๊กชอบทำอะไรใหม่ๆ เป็นการท้าทายตัวเองด้วย

“ไม่ถึงกับท้าทายแต่เราจะปล่อยเวลาให้มันสูญสลายหายไปโดยเปล่าประโยชน์มันน่าเสียดาย เชื่อไหมตอนนั้นพวกเรา ผับไม่มา บาร์ไม่เกิด คอนเสิร์ตไม่มี เพราะฉะนั้นมันเหมือนเป็นการปล่อยเสือเข้าป่า (หัวเราะ) อยากทำโน่นทำนี่ เรามีศิลปิน 23 คน มันไม่น้อยนะคนที่มีความสามารถมานำเสนอในช่วงเวลาที่ท้าทาย”

ฟีดแบ็กหลังปล่อยซิงเกิลไม่จำกัดอายุเป็นยังไงบ้าง “ก็อยู่ในเกณฑ์ที่ดี มีคิวออกศิลปินอยู่ตลอด เดือนนี้เดือนหน้าจะอิ่มเอม กับศิลปินที่ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนงานเพลงที่สองของพี่ติ๊กก็อัดเสียงไปแล้วคงไม่นานเกินรอ ศิลปินอื่นทยอยทำงานกันไป”

โหย ไฟแรงในการทำงานไม่มีแผ่วเลย “(หัวเราะ) ครับ เป็นความหมายของคำว่าไม่จำกัดอายุครับ”

ตอนนี้บ่าข้างนึงของพี่ติ๊กกลายเป็นผู้บริหารค่ายเพลง ต้องปรับตัวเองขนาดไหน

“ตั้งแต่มีลมหายใจยังไม่ได้แผ่วลงเลย ทุกเวลามีคุณค่าเสมอไม่ว่ากี่โมงกี่ยามมีบางสิ่งบางอย่างให้ทำเสมอ ต่อให้มีวันหยุด นอนอาบแดด อ่านหนังสือคงไม่ใช่เราแน่ งานที่เราทำหลายอย่างๆ ต้องครีเอต และคิดใช้เวลา ถ้าจะเห็นว่าผม นั่งอยู่ท่ามกลางงานศิลปะ วันก่อนมีเฟรมมาส่งที่บ้าน นักชื่นชมศิลปะมาให้วาดภาพ ภาพที่เขาต้องการเป็นอีกมุมนึง อีกมิตินึงที่เราต้องคิดว่า การบริหารค่ายเพลงก็ต้องเอาใจใส่ ทุ่มเท เช่นเดียวกับวันหยุด วันว่างเราก็ทำงานหลายๆอย่าง เรื่องของใช้ชีวิตประจำวัน ผมบอกเสมออยากให้วันนึงมีมากกว่า 24 ชม. จะได้ทำงานเยอะๆ ผมชอบทำงานไม่ชอบอยู่ว่างๆ บางคนชอบอยู่เฉยๆ มันเป็นยุคดิจิทัลไลฟ์สไตล์เราก็เลยทำอะไรให้สอดคล้องกับวิถียุคนี้ จริงๆ การเปิดค่ายเพลง เป็นการตอบคำถามได้ว่าอย่าไปรอเลย ไม่ต้องรอให้เด็กโตขึ้นก่อน เค้าเป็นนิวเจน เราต้องสร้างสะพานเชื่อมโยงจากหนึ่งกลุ่มไปอีกหนึ่งกลุ่ม ทำสนามเด็กเล่นให้เค้าวิ่งเล่น แน่นอนยุคสมัยนี้การนำเสนอผลงานเพลงมีหลายแพลตฟอร์ม เนื่องด้วยศิลปินเดี่ยวมีการลงทุนไม่น้อย ใช้เงินเยอะ เป็นความจริงทิ้งไม่ได้ เวลาเป็นค่ายเราสามารถระดมทุนช่วยเหลือศิลปินได้ในจุดจุดนึง ทำให้มูลค่าและคุณค่าของเพลงออกมามันอยู่ในระดับความเป็นมาตรฐาน ไม่ทิ้งความฝันที่จะก้าวเป็นยักษ์ใน AEC เป็นยักษ์ในอาเซียน ถ้าเป็นไปได้เราอยากให้งานของคนไทยก้าวไปสู่ระดับโลกให้ได้ เป็นความฝันที่น่าจะได้แรงสนับสนุนจากหลายภาคส่วน”

เผลอแป๊บเดียวอยู่วงการมาเกิน 40 ปี ผ่านมาทุกรูปแบบแล้ว

“ครับ ไล่มาตั้งแต่แผ่นเสียงเคยแกะเพลงด้วยแผ่นเสียง ตอนนี้เยาวชนน้องๆ นึกไม่ออกแกะเพลงยังไง ยุคต่อมาแกะเพลงด้วยเทป ตามมาด้วยแกะเพลงจากคาสเซต มีซาวด์อะเบาต์ จากนั้นแกะเพลงด้วยซีดี มาปัจจุบันไม่ต้องแกะเพลงสามารถดูได้ในยูทูบ เล่นเพลงนี้ทำยังไง โลกมันเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ไม่น่าเชื่อหลายคนก็ยังยืนอยู่ตรงนี้ได้ ตอนที่ไปอัดเพลง พุ่มพวงต้องอัดทีละเครื่องมือ เอาผ้าห่มมาวางบนสะแน เอากลองทีละอัน โต๊ะๆๆ ดนตรีทีละชิ้น แต่ยุคนี้ตีเลย อัดเพลงทีเดียวเลย เดี๋ยวคอมเอามารวมกัน อันนี้โลกยุคใหม่จริงๆ หลายวันก่อนเราไปเลี้ยงฉลองวันเกิด ลูกสาวเอากล้องฟิล์มออกมา ไปร้านแผ่นเสียงซื้อแผ่นเสียงมาฟัง มันเท่ดีนะ กลายเป็นสิ่งของหายาก หลายคนไม่เคยสัมผัสก็อยากลองสัมผัสครั้งนึงในชีวิต เราสัมผัสมาหมดแล้วแต่ยุคสมัยนี้เราก็ต้องเข้าถึงให้ได้”

คนรุ่นใหม่มองพี่ติ๊กเป็นตำนาน เป็นไอดอลของพวกเขารู้สึกยังไงบ้าง

“อาจจะมีหลายๆคนชื่นชม ขออนุญาตเรียกพี่ติ๊กนะครับ บุดดาเบลส, หนุ่ม กะลา, ลาบานูน, โพลีแคท, เป๊กซ์ วงซีล, โดม-ปกรณ์ เยอะแยะมาก ในยุคนี้บางครั้งเค้าชื่นชมเราเราก็ชื่นชมเค้า ถ้าพูดตามความรู้สึกเราชื่นชมเค้ามากกว่าด้วยซ้ำไป มันหมายถึงว่า เหมือนเราชื่นชมพี่เต๋อ-เรวัต ชื่นชมพี่ต้อย-เศรษฐา ตั้งแต่สมัยเราเด็ก เวลาเราเจอท่านเป็นอะไรที่พิเศษมากๆ เราคิดว่าน้องๆ หลายคนคงรู้สึกเช่นเดียวกัน ไม่น่าเชื่อเลย ผมยังอยู่ ป.4 ไม่น่าเชื่อตอนนี้มาทำงานอยู่กับพี่ติ๊ก มาร้องเพลงอยู่กับพี่ติ๊ก มันเป็นความฝันหรือเปล่า เป็นการย้อนเวลาในอดีตกาลที่มีความชื่นชม ผมเองพอเห็นเด็กรุ่นใหม่ เด็กตีกลองเก่ง เราในฐานะมือกลอง จะให้ลุงติ๊กกลับมาซ้อมเพื่อเอา ชนะลูกๆหลานๆ ก็คงไม่ใช่วัยแล้วล่ะ (หัวเราะ) พอเราเห็นเด็กรุ่นใหม่ปลื้มเราก็ดีใจมากๆ เหมือนในวงการเคยได้รับรางวัลจากป๋าเต็ด สมัยนั้นแคท อวอร์ด ศิลปิน ขวัญใจศิลปิน มันก็โอ๊ย…ย ใครช่างตั้ง นี่แหละๆ คนที่เขาดูติดตามมาตั้งแต่เด็ก มีบางโมเมนต์ ผมเนี่ยร้องไห้ ขอเงินแม่ไปซื้อเทปติ๊ก ชิโร่ เป็นม้วนแรกในชีวิตฟังแล้วสุดๆเลย”

ชีวิตครอบครัวพี่ติ๊กก็แต่งงานกว่า 30 ปี มีเคล็ดลับรักยืนยาวยังไงบ้าง

“ยังงงๆเหมือนกัน พอย้อนกลับไปมอง อุ๊ย! หลายปีแล้ว ก็คำคำนึงในวงการของเราตั้งแต่ตอนโน้นคุณพ่อล้อต๊อก เราก็ชื่นชมท่าน เอ็นดูเราเหมือนลูก สอนเราในการใช้ชีวิตหลายๆเรื่อง เป็นสิ่งที่สุดแสนประทับใจนี่เราเลยบอกว่าในวงการบันเทิงกลายเป็นเดี๋ยวคนนั้นรัก เดี๋ยวคนนั้นเลิกแยกทาง ผมก็คิดว่าหลายๆคนมีแฟนเยอะ 4-5 คน ก็ชื่นชมเค้าทำได้ยังไง สุดท้ายเค้ามาสารภาพกับเราเปลี่ยนได้ก็คงไม่ทำแบบนี้ เป็นแค่ตัวอย่างไม่ได้บอกไม่ดี เราเองก็อยากทำให้ความรักเป็นความรักเดียวใจเดียว ผมน่าจะได้ DNA ความน่ารักมาจากคุณพ่อเชาวลิต คุณแม่สุดใจ ปัจจุบัน 80 ก็ยังครองรักกันอยู่ เรารู้สึกว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นอีกสิ่งที่สวยงาม”

ด้วยวัยขนาดนี้แอบถามพี่ติ๊กเวลาอยู่กับภรรยา กุ๊กกิ๊กโรแมนติกขนาดไหน “เวลาออกจากบ้านก็จะต้องหอมแก้มกัน กอดกัน เวลาเดินไปไหนต้องจูงมือกันเสมอ อย่างลูกต้องหอมแก้ม จูบหน้าผากกันทุกวัน ถามว่าลูกๆแซวมั้ยเค้าเห็นจนชินแล้ว”

ตอนนี้ครอบครัวพี่ติ๊กก็ถือว่าเป็นครอบครัวต้นแบบที่หายากมากในยุคปัจจุบัน

“บางครั้งลิ้นกับฟันมีบ้าง เราก็ต้องถ้อยทีถ้อยอาศัย เวลาผู้ใหญ่อวยพรตอนแต่งงานหรือเวลาผมไปร้องเพลงงานแต่ง มีผู้ใหญ่หลายคนจะอวยพร ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร คำอวยพรดีมากๆ แต่ยุคนี้ขาดๆหายๆ ไปบ้างตามยุคสมัยเราไม่ว่ากัน บางที อย่างตอนที่ผมอยู่กับภรรยา ผมสามารถบอกกับเค้าว่าผมเป็นทั้งสามีและเป็นพี่ชาย และคุณพ่อ และหัวหน้าครอบครัว จะเติมเต็มทุกๆด้าน บางทีมันเครียดเราทำทุกอย่างให้สนุก เต้นแร้งเต้นกาไป”

ไม่ควรมีพี่ติ๊กแบบนี้คนเดียวในโลกนะพี่ อยากให้ผู้ชายทั้งโลกเป็นแบบนี้ “(หัวเราะ) ขอบคุณมากครับ”

ลูกสาวสวยมากถามจริงๆพี่ติ๊กหวงมากน้อยขนาดไหน “ไม่หวงแต่ห่วงมากกว่า เค้าจะสามารถมีแรงต้านทานในสิ่งยั่วยุต่างๆในสังคมได้หรือเปล่า แต่วันนี้พิสูจน์แล้วว่า เมื่อก่อนเราสร้างกำแพงป้องกันไม่ให้สิ่งเลวร้ายเข้ามาในครอบครัวแต่ผลสุดท้ายทำได้ ลูกๆ จำได้ คุณพ่อเคยเปิดเพลงให้เค้าฟังตั้งแต่อยู่ในท้อง เค้าโตมาพูด เราฟังรู้สึกปลื้มใจ สิ่งเหล่านี้จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องทำ อย่างเวลาเราไปช่วยน้ำท่วม ช่วยเหลือคนอื่น อุบลฯเราปั่นจักรยานไป ครอบครัวก็ว่าใหญ่เลยว่าไม่รักชีวิตตัวเองหรือไง ตายไปเป็นอะไรไปใครจะดูแลครอบครัว เราต้องบอกว่าเราไปช่วยเค้าก็ต้องมีความจริงใจ สามารถมีความอดทนและบอกได้ว่าเราลำบากไม่แพ้เค้า เพราะฉะนั้นเราจะได้หัวใจกัน ขอให้พ่อได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น เค้าก็เข้าใจกลายเป็นพวกเขานั่งรถตู้ตามและคอยเชียร์ มีอะไรปอมๆ เย่ๆๆ หัวเราะ อีกนิดนึงก็จะกลายเป็นครอบครัวหรรษาไปแล้วครับ สิ่งนี้น่าจะเป็นอีกหนึ่งมุมมอง ถ้าเราทำครอบครัวของเราให้เป็นครอบครัวที่ทะเลาะกันน้อยที่สุด รักกันมากที่สุด เอาใจใส่กันมากที่สุด ทุกครอบครัวก็จะกลายเป็นครอบ ครัวเปี่ยมสุข สังคมเราจะเป็นสังคมที่ดี”.

เรื่อง: วรรณี ห่อวโนทยาน

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2220290
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2220290