ท็อป ดารณีนุช ประกาศติดโควิดจากเพื่อนตอนไปทำบุญกฐิน


ให้คะแนน


แชร์

“เริ่มจะโงหัวขึ้นแล้ว ขอเล่าเหตุที่หายหน้าไป 2-3 วันก่อน ดาติดโควิดค่ะ ติดจากเพื่อนที่อุดรที่เรานั่งรถไปกฐินอยู่ด้วยกันตั้งแต่ตี 3 ครึ่งจนถึง 3 ทุ่มกว่า

เรื่องราวเริ่มต้นเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน เวลา 8.30น. ดาทำ Swab atk ก่อนออกรายการ 4 ต่อ 4 แฟมิลี่เกม ผลเป็นลบ เราก็ถ่ายทำรายการกันตามมาตรการกองควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จนจบ *** ผู้เล่น4ต่อ4ไม่ต้องกังวลเพราะไม่เกี่ยว ดาติดหลังจากนั้นค่ะ

เวลา 14.30 น. ดาไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เตรียมบินไปอุดรเพื่อทำบุญกฐินที่จังหวัดหนองบัวลำภู ใส่หน้ากากตลอดการเดินทาง

17.00 น. ถึงอุดร เช่ารถเตรียมเอาไว้ขับไปกฐินวันรุ่งขึ้น ระหว่างขับรถจะเข้าที่พักถึงได้รู้ว่ากระจกมองข้างฝั่งคนขับใช้การไม่ได้ปกติเหมือนเดือยหลุด เห็นว่าทัศนวิสัยอย่างนี้จะขับข้ามจังหวัดช่วงตี 3 ตี 4 วันพรุ่งนี้ไม่ได้แน่ จึงโทรไปหาบริษัทเช่ารถเพื่อเปลี่ยนรถแต่ไม่มีคนรับสาย และไม่ติดต่อกลับ หลังจากนั้นโทรหาเพื่อนนามสมมติ A. ที่อุดร พอเพื่อนทราบเพื่อนจึงอาสาว่าจะขับรถพาไปกฐินวันพรุ่งนี้ให้เอง

วันที่ 31 ตุลาคม เวลา 03.30 น. เพื่อน A. มารับที่โรงแรม โดยเพื่อน A นั่งหน้ารถและให้เพื่อนของเค้าคือ B (นามสมมติ) เป็นคนขับ ส่วนดาและเพื่อนที่มาจากกรุงเทพ C.(นามสมมติ) นั่งข้างหลัง เราเปิดหน้ากากกินกาแฟ และกินขนมรองท้องกันตั้งแต่ขึ้นรถ ระหว่างขับไปกฐิน ที่จังหวัดหนองบัวลำภู เสร็จจากงานกฐิน ก็นั่งรถร่วมกัน 4 คน ไปแวะกราบพระวัดช่องเขาขาด ใส่หน้ากากล้างมือตลอด จากนั้นก็ขับรถไปหนองคายกัน ไปกินอาหารร้านแดงแหนมเนือง ก็เว้นระยะ ช้อนกลางปกติ

เวลา 15.00 น.ไปเดินซื้อผ้าถุงร้านแถวนาข่าก็ใส่หน้ากากล้างมือปกติ แต่ระหว่างนั่งในรถเรามีถอดหน้ากากกินขนมกันบ้าง คิดว่าน่าจะติดจากตรงนี้

เวลา 18.30 น. ไปร้านยูดาราคาเฟ่ ทานข้าวเย็นด้วยกันและกลับที่พักเวลา 21.30 น. แยกย้ายกับเพื่อน A และ B ที่อุดร

วันที่ 1 พฤศจิกายน เวลา 6.30 น. ขับรถเช่าไปใส่บาตรวัดถ้ำกลองเพล เหลือเพื่อนร่วมทางเพียงคนเดียวคือ C. ที่มาด้วยกันจากกรุงเทพ ทานอาหารวัดถ้ำกลองเพล โดยแยกจานใครจานมัน ไม่ได้ปะปนเวลา 10.00 น. ไปกราบพระวัดฆ้องทอง จากนั้นขับรถจะไปวัดป่าบ้านตาด แวะหาเพื่อนที่หนองวัวซอ แวะกราบพระวัดบุญญานุสรณ์ กลับที่พักเก็บของแล้วไปกราบวัดป่าบ้านตาด จากนั้นจึงขับรถมาคืนที่สนามบิน เตรียมตัวเดินทางกลับ

เวลา 18.20 น ใส่หน้ากากตลอดการเดินทางรวมทั้งล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ก่อนขึ้นเครื่อง (Thai Smile seat35H) 

เวลา 19.25 น. ถึงกรุงเทพ และขับรถกลับบ้านเอง

วันที่ 2 พฤศจิกายน เวลา10.45 น. ทำ ATK ก่อนเข้ากองละครมาย ควีน รอบแรกขึ้น 2 ขีดจางๆ พอ รอบ 2 มีร่องรอยบ้างแต่แทบไม่เห็น เลยลองทำรอบ 3 ก็ไม่ขึ้น ผกก.เลยขอให้ดาไป PCR ที่แล็บเพื่อความชัวร์โดยยังไม่เข้ากอง

ดาขับรถไป lab ตรวจโดยเฉพาะ แต่ผลจะออกตอนค่ำ ระหว่างนั้นก็ได้ ATK ที่แล็บอีก 2 รอบ ผลคือปลอดภัยทั้ง 2 รอบ มีผลจาก lab ยืนยัน ทางกองเลยยอมให้ดากลับมาถ่าย 3 ฉาก แต่พอกลางคืน ประมาณทุ่มกว่าๆ ดาก็โทรไปบอกกองว่าผล PCR เป็นบวก

ซึ่งตอนนั้นกองถ่ายยังไม่เลิกกองกัน ทุกคนจึงระวังตนเองบางคนตัดสินใจแยกตัว ไม่เดินทางกลับบ้าน ใครที่มีคนขับรถมาก็ให้คนขับรถใส่ชุดพีพีอีขับรถกลับบ้านไป และทำความสะอาดฆ่าเชื้ออย่างละเอียดก่อนเข้าบ้าน และอีกวันที่มีคิวถ่ายก็ต้องยกกอง ต้องขออภัยทุกท่านมา ณ ที่นี้จริงๆ

ดายังกังขาในผลตรวจ จึงสอบถามทางแล็บๆ แจ้งว่าเชื้อคงมีปริมาณน้อยมากจึงตรวจซ้ำแล้วไม่เจอ ซึ่งทางแล็บบอกว่าน่าจะยังไม่ได้อยู่ในระยะแพร่เชื้อ นับว่าเป็น โชคดีในความโชคร้ายที่ดาได้พบเชื้อ ในระยะต้นๆ ก่อน

พอตกกลางคืนดึกๆ ดาจึงมีอาการปวดหัว ระหว่างนั้นก็โทรและ LINE แจ้งกองถ่าย รวมถึงทุกคนที่เกี่ยวข้องย้อนหลังนับจากเดินทางไปอุดรหนึ่งอาทิตย์ทันที (ก่อนหน้าไปอุดรนั้นตรวจ ATK วันเว้นวันตามกองถ่ายและรายการอยู่ตลอด)

วันที่ 3 พฤศจิกายน เวลา 07.01 น. A เพื่อนที่อุดร ส่ง LINE มาว่าติดโควิด สอบถามไปเพื่อนบอกว่า เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ได้ใช้รถคันนี้ไปรับเพื่อนคนหนึ่งที่มาทราบภายหลังว่าติดโควิดโดยที่มี B เป็นคนขับเช่นกัน และเพื่อนของเขาเพิ่งทราบและแจ้งหลังจากที่เรากลับกรุงเทพแล้วว่าเค้าติดโควิด เพื่อน A จึงไปตรวจในตอนค่ำของวันที่ 2 พฤศจิกายน และทราบผลเช้าวันที่ 3 พ.ย.ว่าติดเชื้อจึงแจ้งเรามา

หลังจากไล่ไทม์ไลน์ก็มั่นใจว่าติดจากเพื่อน A คนนี้แน่นอน เพราะตอนนี้เพื่อน B ที่ขับรถก็พบว่าติดเชื้อเช่นกัน ทั้งสองเข้าสู่กระบวนการรักษาในโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ส่วนทางดา ก็เข้าสู่กระบวนการรักษาของทางโรงพยาบาลหลังสอบถามอาการจึงให้ทำโฮมไอโซเรชั่น คือกักตัวที่บ้าน

เวลา 11.30 น. ดาให้ทาง lab ส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสวอบ ATK,PCR ให้ลูกและคนงานที่บ้านรวมถึงเพื่อน C ที่นั้งรถไปกฐินด้วยกัน ผลเป็นลบ แต่เราก็กักตัวกันต่อ

วันที่ 4 พฤศจิกายน 09.30 น. ขับรถด้วยตัวเองไปเอกซเรย์ปอดที่โรงพยาบาล รับยาและคำอธิบายจากคุณหมอ จากนั้นคุณหมอก็จะติดตามผลทาง LINE รวมถึงแจ้งเรื่องผลเอกซเรย์ปอดซึ่งจะนำมารายงานต่อไปค่ะ”

พร้อมทั้งเขียนแคปชั่นเอาไว้ว่า “ก่อนอ่านถึงบรรทัดนี้ เลื่อนภาพอ่านก่อนนะคะ ***แก้ไขวันเริ่มต้น เขียนเดือนผิดค่ะต้องเป็น 30 ตุลาคม

สรุปรวมคือติดจากเพื่อนที่ขับรถไปกฐินด้วยกัน เพราะวันที่เขาเจอเพื่อนที่เป็นโควิดคือวันที่ 27 ต.ค. มาพบและนั่งรถคันเดียวกันวันที่ 31 ต.ค.

คือนั่งรถกันยาวๆ ตั้งแต่ตี 3 ครึ่ง หลายชั่วโมง แล้วยังเปิดหน้ากากกินขนมกินกาแฟกันในรถตั้งแต่เช้า พอเรากลับกรุงเทพวันที่ 1 พ.ย. เพื่อนเค้าที่ติดโควิดถึงจะแจ้งว่าตัวเองติด

เพื่อน A เจ้าของรถจึงไปตรวจ วันที่ 2 พ.ย.ตอนเย็น หลังทราบผลและรีบแจ้งให้เราทราบเช้าวันที่ 3 พ.ย. นำสืบโรคแล้ว ก็คือติดจากกรณีนี้แน่นอน ที่เชื้อฟักตัวเร็วเพราะทางแพทย์แจ้งว่าเป็นเชื้อเดลตา จึงทำให้ติดและแพร่กระจายได้เร็ว

เหตุที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีใครตั้งใจ จึงไม่ได้โกรธแล้วว่าใครทั้งสิ้น เป็นเหตุปัจจัยทั้งหลายที่บังเอิญเหมาะเวลาจะต้องติดเชื้อ เพราะตอนแรกก็ตั้งใจจะขับรถไปเอง ก็มีเหตุให้ต้องอาศัยรถเพื่อน

ตอนนี้อาการของดาก็ไม่หนักค่ะ เพราะเจอเร็ว รักษาเร็ว เพื่อน A,B และดาผลออกมาว่าติดแน่นอน เหลือเพื่อน C ที่ทำ ATK,PCR เมื่อวันที่ 3 พ.ย.แล้ว วันนี้ก็ไปทำซ้ำอีกครั้งหนึ่ง รอผลค่ำนี้เช่นกัน

โชคยังดีที่ดาและเพื่อนๆ รับวัคซีนกันแล้ว เชื้อจึงยังไม่แสดงอาการลงปอดใดๆ ดามีแต่อาการไข้และปวดหัวอย่างมากเท่านั้น วันนี้เพิ่งจะมีอาการคัดจมูกเบาๆ หากเหตุการณ์นี้จะสร้างความเดือดร้อนให้กับผู้ใดที่มีตัวดาเป็นเหตุ ต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2235900
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2235900