แต้ว ณฐพร ทำงาน 20 ปีไม่เคยโดนด่า มาวันนี้ต้องเจอ เพราะทำตัวเป็นเป้าเอง


ให้คะแนน


แชร์

ถ้าให้เอ่ยถึงชื่อนางเอกแถวหน้าที่มีฝีมือทางการแสดงดีอีกคนของวงการ ก็ต้องมีชื่อของนางเอกสาว แต้ว ณฐพร เตมีรักษ์ ติดโผนี้ด้วย ซึ่งฝีมือของเธอคนนี้ไม่เป็นสองรองใคร เล่นได้ทุกบทบาท

โดยเฉพาะละครเรื่องล่าสุด อย่างเรื่องเกมล่าทรชน ที่สาวแต้วได้พลิกบทบาทจากนางเอกดราม่าเจ้าน้ำตา มารับบทบู๊แอ็กชั่นเต็มตัวเป็นครั้งแรก งานนี้บอกเลยว่าเป็นบทบาทใหม่ที่แสนจะท้าทายฝีมือ แต้ว ณฐพร สุดๆ

ในวันนี้เราได้มีโอกาสสัมภาษณ์นางเอกสาวมากความสามารถ เพื่อพูดคุยถึงเรื่องราวชีวิตของเธอที่ทำงานในวงการบันเทิงมาเกือบ 20 ปีแล้ว

ทำอะไรก็ถูกวิจารณ์

แต่ในช่วงปีกว่าๆ ที่ผ่านมา จู่ๆ แต้ว ณฐพร ก็ถูกจับตาเป็นพิเศษ จะขยับตัวทำอะไรก็เป็นข่าว และถูกชาวเน็ตคอมเมนต์ในทางที่เป็นลบมากขึ้น  

เราเลยถาม แต้ว ณฐพร ตรงๆ ว่าในช่วงที่เจอข่าวกอสซิปเยอะๆ เธอนั้นดูแลความรู้สึกตัวเองอย่างไรให้พาใจก้าวผ่านเรื่องพวกนี้มาได้ ซึ่งนางเอกสาวตอบคำถามนี้ของเราด้วยรอยยิ้มว่า 

“ช่วงนั้นก็มีรู้สึกที่แวบเข้ามานิดนึง แต่ไม่ถึงกับทำให้ชีวิตเซ เพราะแต้วมีความแข็งแรงพอ ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองไม่ไหว ก็ตั้งรับได้อยู่

แต้วมีงานที่ต้องรับผิดชอบ ก็เลยรู้สึกว่าสิ่งนี้มันดึงความสนใจเรามากกว่าที่เราจะต้องรับผิดชอบเรื่องในบ้าน ก็เลยไม่ค่อยโฟกัสกับตรงนี้เท่าไร

และเราก็แคร์คนรอบๆ ตัวเรามากกว่า รู้สึกไม่ได้มีความจำเป็นที่เราจะต้องเปลี่ยนความคิดใคร ก็เลยไม่ได้เอามันเก็บมาคิด หรือบั่นทอนอะไร

คือเวลาเจอเรื่องแบบนี้มันก็จะมีหลายคำตอบเกิดขึ้น แต้วไม่อยากจะไปฟันธง เพราะแต่ละคนเขาก็มองแต้วในแบบที่เขามองเห็น

คือทุกคนไม่ได้เห็นในทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่แปลกถ้าคนจะคิดแบบนั้นแบบนี้ แต่แปลกมากกว่าที่คนไม่รู้จักกันมาตัดสินกันอะไรแบบนี้ (ยิ้ม) อันนั้นคือพอยต์ แต่แต้วก็ไม่ปิดกั้นเสรี เพราะทุกคนมีอิสระในการจะพูด แต่ถ้าเป็นแต้ว แต้วไม่ทำ (ยิ้ม)” 

เป็นคำตอบที่เฉียบมาก กรรมการฟังแล้วอยากจะยกป้ายให้คะแนนเต็มสิบกับการมองโลกในมุมบวกของนักแสดงสาวคนเก่ง

กำลังใจสำคัญจากครอบครัว

จากนั้น แต้ว ณฐพร ก็เล่าให้เราฟังต่อว่า ทุกครั้งที่ตัวเธอต้องเจอกับข่าวกอสซิป หรือคำวิจารณ์ของชาวเน็ตในแง่ลบ เธอจะได้กำลังใจจากครอบครัวที่ทำให้เธอนั้นก้าวผ่านความรู้สึกแย่ๆ มาได้ว่า 

“ทุกครั้งที่มีกระแสวิจารณ์เข้ามา คุณแม่ก็จะบอกว่า เรารู้ตัวเราก็พอ แค่คำพูดง่ายๆ ก็ทำให้แต้วปล่อยวาง โอเค ถ้าคนรอบข้างเข้าใจ มันก็โอเคแล้ว

แต่การที่แต้วมาพูดถึงเรื่องแบบนี้บ่อยๆ ก็จะทำให้ดูมันเป็นเรื่องใหญ่ แต่เอาจริงๆ ทุกคนโดนหมดค่ะ แต้วอาจจะไม่เคยมีใครมาว่าอะไร แต่อยู่ดีๆ ก็เกิดปรากฏการณ์ มันเลยดูเป็นเรื่องใหญ่

แต่จริงๆ ทุกคนเจอหมด โดนกันหมดเป็นเรื่องปกติ โซเชียลมีเดียเข้าถึงทุกคน มันก็จะมีคนเข้ามาคอมเมนต์ แต่อาจจะด้วยความที่แต้วทำให้ตัวเองเป็นเป้าด้วยมั้ง เลยอาจทำให้มีเรื่องแบบนี้เข้ามาถึงเยอะ”

บทเรียนชีวิต

เราถาม แต้ว ณฐพร ตรงๆ อีกครั้งในเรื่องของการลงรูปในโซเชียลของแต้วแล้วกลายเป็นประเด็นอยู่บ่อยครั้ง เรื่องนี้ทำให้เธอนั้นต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นเป็นพิเศษหรือไม่ ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับแต่โดยดีว่าเหตุการณ์นี้ให้บทเรียนกับเธอไม่น้อย 

“เรื่องนี้ทำให้ก่อนจะลงรูปก็คงจะต้องคิดมากขึ้น แต่ว่ามันก็แอบค้านกับความรู้สึกของตัวเองนิดนึง ว่าเรารู้สึกว่ามันเป็นชีวิตของเรา แต่มันก็อยู่ในโซเชียลที่ไม่ได้เป็นไพรเวต มันก็เป็นบทเรียนที่ทำให้เราต้องคิดถึงความถูกผิด

แต่ในความเป็นตัวตน เราคงจะไม่ได้มาเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้เป็นกระแสมาชื่นชมตัวเรา เพราะเรารู้ว่าเนื้อจริงๆ เราทำเพื่ออะไร หรือมีจุดประสงค์อะไร อยู่ในวงการมาเกือบ 20 ปี มีข่าวหนักในช่วงนี้ก็แปลกดีค่ะ (หัวเราะ)”

จากนั้นเราถาม แต้ว ณฐพร ต่อแบบตรงๆ ว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา แต้วเจอกระแสดราม่าเยอะมาก แต่ทำไมไม่คิดจะฟ้องร้องเหมือนที่ดาราหลายๆ คนเลือกทำ แต่เลือกที่จะนิ่ง ปล่อยผ่านไม่สนใจ ไม่ปกป้องตัวเอง งานนี้เราได้รับคำตอบจากปากของสาวแต้วว่า

“แต้วมองว่ามันเสียเวลาค่ะ จะทำเพื่ออะไร แต้วไม่ได้ต้องการพิสูจน์อะไรกับใคร แล้วแต้วมีความเชื่อว่ามันยากที่จะไปเปลี่ยนให้ใครมาคิดในแบบที่เราอยากคิด

ถ้าเขาเลือกจะคิดแบบนั้นไปแล้ว เอาอะไรมาจ่อคอเขา เขาก็ไม่เปลี่ยนความคิด แต้วรู้สึกว่าไม่จำเป็นจะต้องไปฟ้อง หรือตั้งโต๊ะแถลง เพราะมันไม่เกิดประโยชน์อะไร”

นักแสดงต้องเป็นได้หลายอย่าง

และเพราะการเปลี่ยนตัวเองให้ดูเป็นสาวเปรี้ยวขึ้น งานนี้เลยทำให้แฟนๆ ของ แต้ว ณฐพร บางคน ที่ชื่นชอบนางเอกสาวในลุคเรียบร้อย สวยหวาน เกิดความรู้สึกรับไม่ได้กับการเปลี่ยนไปของแต้ว

ซึ่งเรื่องนี้เจ้าตัวอธิบายถึงการเปลี่ยนแปลงตัวเอง พร้อมกับอ้อนแฟนๆ ที่ยังติดตามและเข้าใจ พร้อมกับส่งกำลังใจคอยซัพพอร์ตให้อยู่เสมอๆ ว่า 

“ก็แต้วเป็นนักแสดง ก็ต้องเป็นได้หลายอย่าง ถ้าลุคแบบนี้เป็นได้อย่างเดียวก็ไม่ควรเป็นนักแสดง เราต้องโอเพ่นในการที่จะเป็นอะไรก็ได้ แม้การเปลี่ยนลุคของแต้วจะมีคนไม่ชอบ แต่อย่างน้อยก็ยังมีคนชอบบ้าง (ยิ้ม) ขอบคุณนะคะ

แต่ยังไงแต้วก็ขอบคุณทุกแรงซัพพอร์ตกับทุกเรื่องที่ผ่านมา ยังไงก็คอยซัพพอร์ตกันต่อไปนะคะ (ทำเสียงอ้อน) เพราะกำลังใจสำคัญมากเลยนะคะ (ยิ้ม)”

ข้อดีของวงการบันเทิง

เพราะอยู่ในวงการมาเกือบ 20 ปี ถือว่าอายุการทำงานในวงการนี้ของ แต้ว ณฐพร มากไม่น้อย และอยู่มานานขนาดนี้ วงการบันเทิงได้ทำให้ชีวิตของเธอเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน ซึ่งแต้วยิ้มและตอบคำถามนี้ว่า 

“วงการบันเทิงเปลี่ยนชีวิตแต้วเยอะค่ะ ทำให้แต้วสตรองขึ้น ในแง่ของการเข้าใจชีวิต อันนี้คือสเน่ห์ของอาชีพนี้ ทำให้เราเปิดรับความแตกต่าง ความไม่ยึดติดเปลี่ยนไปทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ได้ อันนี้คือข้อดีของการเป็นนักแสดง

ถ้าแต้วไม่ได้เป็นนักแสดง ก็อาจจะไม่สตรองเท่านี้ และก็อาจจะไม่สามารถเปิดรับความคิดของคนอื่น และต้องฟังสิ่งที่ไม่รื่นหูสำหรับเรา แต่มันคือความจริงของโลกใบนี้ที่เราจะต้องอยู่กับสิ่งที่ชอบและไม่ชอบ ก็คงเป็นแต้วอีกเวอร์ชันนึง (ยิ้ม)”

ความรักครั้งใหม่

และเมื่อ แต้ว ณฐพร ถูกถามถึงเรื่องความรักครั้งใหม่กับ ไฮโซณัย ประณัย พรประภา ที่ทั้งคู่ศึกษาดูใจกันมาได้ปีกว่าๆ แล้ว ซึ่งเวลาที่ถูกถามถึงเรื่องความสัมพันธ์ เราจะได้เห็นยิ้มที่สดใสและสายตาที่เป็นประกายที่บ่งบอกว่าความรักครั้งนี้ของเธอนั้นแฮปปี้สุดๆ

“ความรักกับไฮโซณัย เราเริ่มคุยกันก็ประมาณปีกว่าๆ แล้ว สำหรับแต้วก็คิดว่าตัวเองลักกี้อินเกมและลักกี้อินเลิฟ เพราะว่าคำว่าลักกี้ไม่ได้อยู่ที่การประสบความสำเร็จมากๆ

แต่วัดที่ตัวเราว่าเราพอกับมันมั้ย ในการทำงานรู้สึกยังมีแพสชั่น มีความสุขในการตื่นไปทำงาน และรู้สึกแฮปปี้กับคนที่รายล้อมเรา อันนี้ก็เรียกว่าลักกี้แล้วสำหรับแต้ว (ยิ้ม)”

ถามตรงๆ เลยว่า ไฮโซณัย มีความกดดันหรือไม่ เมื่อต้องมาเป็นแฟนของนางเอกสาวชื่อดังอย่าง แต้ว ณฐพร งานนี้สาวแต้วตอบคำถามนี้ว่า 

“อันนี้แต้วไม่รู้เหมือนกัน ต้องถามเขา แต่แต้วคิดว่าคงไม่กดดันหรอก เพราะเขาก็ไม่ได้ถูกจับตาในเรื่องนี้เรื่องเดียว มันมีเรื่องงานของเขาที่ทุกคนก็คาดหวังจับตาอยู่แล้ว ถ้าให้เดา แต่สุดท้ายก็ต้องถามเขาเอง

ซึ่งแรกๆ ช่วงที่มีกระแสลบ ก็งงๆ กันเหมือนกันว่าเขารู้จักเราเหรอ (ยิ้ม) แต่ก็ค่อยๆ ดีขึ้นค่ะ ความสัมพันธ์ของเราตอนนี้ก็เรื่อยๆ ถือว่าแฮปปี้ เราก็ค่อยๆ ปรับตัวกันมา แต้วว่าเวลามันให้คำตอบอะไรหลายๆ อย่าง 

ถามว่าเขาหวานมั้ย ก็เพิ่งรู้จักกันปีกว่า ก็ไม่รู้ว่าปกติเขาเป็นแบบนี้หรือเปล่า (หัวเราะ) คือถ้าคนที่หวังดีต่อกันก็จะรับรู้ได้

แต่ก็อย่างที่บอก ทุกอย่างก็อยู่ที่เวลา เราก็ต้องดูกันไปยาวๆ ว่าเป็นแบบไหน ซึ่งในระยะเวลา 1 ปีกว่า เขาก็ยังเสมอต้นเสมอปลายค่ะ (ยิ้ม)”

คนคลั่งรัก

ก็เพราะรักครั้งนี้ดูหวานสดชื่นไม่น้อย งานนี้เลยทำให้นางเอกสาว แต้ว ณฐพร ถูกแซวและตั้งฉายาให้เป็นคนคลั่งรัก ซึ่งเจ้าตัวเองก็น้อมรับฉายานี้แต่โดยดีพร้อมกับรอยยิ้มสุดเขิน

“เวลาโดนแซวเป็นคนคลั่งรักก็ไม่เขินนะ ทำไมต้องเขิน (ยิ้ม) ยอมรับค่ะ เวลาที่เราแฮปปี้ เราก็อยากส่งความรู้สึกดีๆ ไปให้ใครก็ตาม ชีวิตมันเครียดแล้วก็หาอะไรก็ได้ ไม่ใช่แค่เรื่องความรักที่มันจะทำให้เราแฮปปี้ค่ะ 

ถามว่ามุมมองความรักแต้วเปลี่ยนไปมั้ย ก็ไม่เชิงเปลี่ยน แต่มองความเป็นจริงมากขึ้น ด้วยอายุที่มากขึ้น แม้จะเห็นว่าแต้วแฮปปี้ เป็นคนคลั่งรัก แต่เราก็มองความเป็นจริงว่าทุกอย่างไม่ต้องโรยด้วยกลีบกุหลาบทุกอย่าง ถ้ามันจะยั่งยืน เราจะต้องรับในส่วนที่แย่ของกันและกันได้ มันถึงจะผ่านไปได้ 

แต่การคลั่งรักมันเป็นการเติมความกุ๊กกิ๊กกระชุ่มกระชวยให้หัวใจมันตุ๊บตั๊บนิดนึง ใหม่ๆ ก็ฉลองครบรอบกันทุกเดือนไง (หัวเราะ) โควิดกว่าจะผ่านไปแต่ละวันก็นานเหลือเกิน เราก็เลยจัดนิดนึง ให้มันได้แบบยิ้มกันบ้าง”

ยอมเข้าครัวลงมือทำอาหาร

เพราะความรักมันสามารถเปลี่ยนคนคนหนึ่งให้ลองทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัด และ แต้ว ณฐพร ก็ยอมรับว่าเธอยอมเปิดใจที่จะหัดเข้าครัวทำอาหาร เพื่อจะได้มีกิจกรรมที่เอาไว้ทำร่วมกัน ซึ่งแต้วเล่าว่า 

“แต้วยอมรับว่าเข้าครัวเก่งขึ้นเพราะเขาเลย เพราะปกติจะซื้ออาหารข้างนอกตลอด แทบไม่ทำเลย แต่เขาก็ทำให้เรารู้ว่าการทำเองมันก็ได้อีกฟีลลิ่งหนึ่ง

ในความรู้สึกที่เราอยากทำอะไรให้ใครแล้วก็เต็มที่ใส่ใจ มันดูน่ารักดี เราก็อยากมีมุมนี้กับเขาบ้าง ก็ลองทำบ้าง (หัวเราะ) อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง แต่ก็เป็นกิจกรรมที่ทำฆ่าเวลาได้ดีด้วย 

ถ้าถามถึงเมนูมัดใจไม่มี แค่ทำให้เขากินได้ก็พอแล้ว (หัวเราะ) แต้วลองทำมาเยอะ แต่รู้สึกว่าไม่ค่อยได้ดีเท่าไร ล่าสุดเลยถูกแนะนำให้ทำสลัดมั้ย (ยิ้ม) เพราะแต้วก็ชอบทานสลัด ทำแค่น้ำด้วย ซึ่งมันก็ยากมากที่จะทำไม่อร่อย (ยิ้ม)

ส่วนเขาก็ทำพวกสปาเก็ตตี้ หรือเมนูย่างทั้งหลาย มีกิจกรรมที่เอาไว้ทำร่วมกัน ถือว่าเป็นข้อดีของโควิดที่ทำให้เราหาเวลาได้ทำกิจกรรมที่ยังไม่เคยทำ”

จากนั้นเราถาม แต้วแบบตรงๆ เลยว่า มองถึงเรื่องอนาคตเอาไว้หรือไม่ ซึ่งนางเอกสาวก็บอกกับเราว่า ทุกความรักของเธอนั้นมองไกลทุกครั้ง แต่สุดท้ายมันมีหลายปัจจัยที่เกิดขึ้น

“สำหรับคนที่แต้วคบหรือคุย แต้วก็มองยาวๆ อยู่แล้ว แต่ว่ามันคือความคิดของเราคนเดียว แต่สุดท้ายมันก็มีหลายปัจจัย ไม่ใช่แค่เขา มันมีอะไรรายล้อมอีกเยอะ อย่างที่บอกว่าดูแค่วันนี้ไปก่อน อนาคตก็ขึ้นอยู่กับวันนี้แหละ แต่ก็ค่อยๆ รักษากันไป”

แต่พอถูกถามว่า ถ้าปุ๊บปั๊บไฮโซณัยทำเซอร์ไพรส์ขอแต่งงาน แต้วจะเซย์เยสเลยหรือไม่ ซึ่งงานนี้นางเอกสาวก็บอกกับเราด้วยท่าทีอายๆ ว่า “ตัวเธอนั้นก็ไม่รู้ ไม่อยากพูดเพราะตัวเธอนั้นเป็นผู้หญิง หากพูดถึงเรื่องนี้ไปจะน่าเกลียดเปล่าๆ” 

ผลงานละครเรื่องล่าสุด

แต่จะไม่พูดถึงผลงานละครเรื่องล่าสุดที่กำลังออกอากาศอยู่ในตอนนี้ของ แต้ว ณฐพร ก็คงไม่ได้ เพราะละครเรื่องนี้เป็นการพลิกบทบาทจากนางเอกดราม่าเจ้าน้ำตา มาเป็นนางเอกบู๊เต็มตัวครั้งแรกในชีวิตการแสดงของเธอ และต้องบอกว่าละครเกมล่าทรชนทำให้แต้วได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ จากอาชีพนักแสดงเพิ่มมากขึ้น ซึ่งแต้วเล่าให้เราฟังว่า 

“ละครเรื่องนี้แต้วถูกส่งไปฝึกเยอะ มันมีอุปสรรคเยอะ ด้วยสภาพร่างแต้วก็ไม่น่าจะบู๊ได้ แต่ก็ต้องเล่นให้คนเชื่อซึ่งก็เกิดจากความเชื่อของตัวเราเองด้วย ต้องไปฝึก

พอได้ไปเรียนก็ทำให้เข้าใจการเคลื่อนไหว แต่พออยู่หน้าฉากก็จะมีเรื่องของมุมกล้อง เพราะการบู๊มันไม่ใช่การเตะต่อยกันจริงๆ แต่มันคือแอ็กชั่นและทริกที่ทำให้ดูแรงแต่ไม่โดน มันเป็นอีกศาสตร์ที่มากกว่าที่คิด แต้วก็ค่อยๆ ปรับและเรียนรู้ไปตอนถ่ายทำ ก็สนุกดีค่ะ

ตอนแรกที่รู้ว่าจะต้องมาเล่นก็รู้สึกกังวล พอไปเล่นหน้าเซตก็คิดว่าตัวเองเล่นได้แล้วนะ แต่พี่นก ฉัตรชัย ก็จะบอกว่าอีกนิด เตะสูงอีกนิดนึง เราก็แบบ เหรอ ต้องเตะสูงกว่านี้เหรอ (ทำหน้าตกใจ)

แต่พอไปเช็กมอนิเตอร์ แต้วก็เข้าใจว่าฟิลลิ่งของเรากับมุมกล้องมันต้องซิงก์กัน มันละเอียดอ่อน กว่าแต้วจะเข้าที่เข้าทางก็นาน เกินครึ่งเรื่องได้ (หัวเราะ) โอดครวญอยู่ครึ่งเรื่องได้ (ยิ้ม) เพราะเรื่องนี้บู๊เยอะมาก

ส่วนเรื่องเจ็บตัว ก็เจ็บตัวตลอดระหว่างที่ถ่ายทำเป็นเรื่องปกติ ซึ่งแต้วก็ไม่ได้กังวลอะไรอยู่แล้ว แต่หนักสุดน่าจะเป็นฉากที่อยู่ในคุก แต่ก็มีบู๊เป็นท่าแฟนซี ซึ่งแต้วไม่ใช่ราชินีนักบู๊ขนาดนั้น แต่หน้าฉากก็ต้องสู้เต็มที่ (หัวเราะ) ต้องเดอะโชว์มัสโกออน 

ซึ่งละครเรื่องนี้ทำให้แต้วรู้ว่าถึงแม้แต้วจะเล่นละครมาเยอะ แต่การที่มาเล่นบทที่ไม่เคยเล่น มันก็เป็นอีกสิ่งที่ท้าทายในชีวิตการแสดงอยู่ ไม่ว่าเราจะอายุเท่าไร ก็ยังมีสิ่งที่ทำให้เราได้เรียนรู้ได้จากการทำงานอีกเรื่อยๆ เล่นก็ไม่มีใครกดดัน เพราะแต้วยังใหม่สำหรับทุกคน ก็คอยถามด้วยความเป็นห่วง

พอละครเรื่องนี้ออนแอร์ไป แฟนๆ ก็เป็นห่วง แซวๆ เพราะมันเป็นภาพใหม่ๆ ที่เขาไม่เคยเห็น แต้วก็ไม่เคยเห็นตัวเองในแบบนี้เหมือนกัน 

ร่วมงานกับหมาก เขาถนัดละครบู๊ ดูเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขามาก แต้วก็คอยสังเกตดูว่าเขาเล่นยังไง หมากก็ช่วยสอนเทคนิคการเล่นบู๊ ก็ทำให้แต้วมีความมั่นใจเพิ่มขึ้นอยู่ (หัวเราะ)

ส่วนการร่วมงานกับพี่นก ก็บอกเลยว่าพี่นกไม่ดุ อันไหนที่แต้วเล่นเต็มที่แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เท่ามาตรฐานของเขา พี่เขาก็จะช่วย ซึ่งทำให้แต้วไม่ได้กดดันตัวเองมาก แต่แต้วก็กดดันตัวเอง เพราะอยากทำงานออกมาให้ดีที่สุด 

ถามว่าแต้วติดใจละครบู๊มั้ย เอาจริงๆ นะ ตอนแรกๆ ที่ถ่ายเสร็จก็บอกตัวเองว่า พัก ไม่เอาอีกแล้ว แต่พอเห็นผลงานตัวเองแล้วรู้สึกโอเค ถ้ามีโอกาสอีก แล้วไขข้อยังได้อยู่ ก็ไม่แน่

เพราะมันก็สนุกดี และแต้วก็มีประสบการณ์จากละครเรื่องนี้แล้ว ก็ทำให้แต้วอยากเอาประสบการณ์และความรู้จากเรื่องนี้ไปเล่นในอีกเรื่องหนึ่ง 

ยังไงแต้วก็ฝากละครเรื่องเกมล่าทรชนด้วยนะคะ เพราะมันเป็นการนำเสนอความใหม่ให้กับละครช่อง 3 ทั้งเรื่องภาพ ความหลากหลายของตัวละคร และตัวละครมีร้าย มีดำ มีขาว มีความเทาๆ ทำให้มีความน่าสนใจในตัวละครมากขึ้น

เป็นละครแอ็กชั่นที่พวกเราพยายามทำกันเต็มที่ นักแสดงเต็มที่ ทีมงานเต็มที่ เพื่อให้ละครสนุก น่าสนใจ เป็นการยกระดับการทำงานละครขึ้นมาอีกขั้น และแต้วก็หวังว่าเราจะได้รับแรงสนับสนุนจากคนดู ช่วยๆ กันเชียร์ละครเรื่องนี้ค่ะ 

นอกจากละคร แต้วก็ยังมีผลงานอื่น คือกำลังจะมีโปรเจกต์กับทางช่อง 3 ที่ไม่ใช่รูปแบบของละคร แต่จะเป็นอะไรก็ต้องรอดูกันนะคะ”.

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : Chonticha Pinijrob

ช่างภาพ : ชุติมน เมืองสุวรรณ

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2247362
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2247362