จิณณ์ จิณณะ ไม่กดดัน 8 ปีเล่นละครไม่เปรี้ยง แต่เรตติ้ง 5 ขึ้นทุกเรื่อง


ให้คะแนน


แชร์

พระเอกนักบู๊ของช่อง 7 ที่กำลังมาแรง คงต้องยกให้กับ จิณณ์ จิณณะ หนุ่มหล่อหุ่นดีที่มาแรงอีกคนของช่องที่ตอนนี้กำลังมีผลงานละครเรื่องเสาร์ 5 ออกอากาศโกยเรตติ้งอยู่ในตอนนี้ 

และสำหรับแฟนละครของช่อง 7 คงจะคุ้นหน้าคุ้นตาและฝีมือทางการแสดงของหนุ่มคนนี้เป็นอย่างดีเพราะจิณณ์เข้ามาโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมา 8 ปีแล้ว จิณณ์มีผลงานละครออกมาอย่างต่อเนื่อง และเรตติ้งไม่เคยต่ำกว่า 5 การันตีฝีมือของพระเอกหนุ่มคนนี้

วันนี้เรามีโอกาสได้สัมภาษณ์พระเอกหนุ่มรูปหล่ออัธยาศัยดีเพื่อพูดคุยถึงเรื่องการทำงาน และเรื่องราวชีวิตหลังจากที่ได้มาโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงนี้ ซึ่ง จิณณ์ ก็พร้อมตอบทุกคำถามของเรา

จุดเริ่มต้นของ จิณณ์ จิณณะ 

ใครจะเชื่อว่าจากนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่วันๆ นั่งอยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ และเขียนโค้ด จะได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงและขึ้นมาเป็นพระเอกละคร ซึ่งจิณณ์เล่าให้เราฟังว่า 

“ผมไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะได้มาเป็นพระเอกละครช่อง 7 จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลา 8 ปีแล้ว ผมเป็นเด็กเรียนวิศวะคอมพิวเตอร์ เขียนแต่โค้ดอยู่แต่หน้าคอมพ์ เคยมากสุดเป็นแบบให้รุ่นพี่ศิลปกรรมที่เขาตัดชุดไปโชว์อาจารย์ ผมจะได้ค่าหุ่น 500-1000 บาท และเป็นนักกีฬาเท่านั้นเอง

และได้มาเล่นหนังที่เป็นวายนิดๆ เรื่องพี่ชาย My Hero ตอนนั้นที่รับเล่นผมไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่ได้มองอะไรทั้งนั้น มองเรื่องเงินอย่างเดียว เพราะได้เงินวันละ 1 หมื่น 10 วันได้ 1 แสนบาท ความรู้สึกผม ณ ตอนนั้นคือมันว้าวมาก

ตอนนั้นรู้สึกว่าเรากำลังจะหาเงินมาแบ่งเบาภาระที่บ้านได้ ผมไม่ได้มองเรื่องอื่นเลยว่าจะต้องไปจูบหรืออะไร คิดแค่ว่าเป็นการทำงานและได้เงิน” 

เพราะโชคชะตาเหมือนฟ้ากำหนดเอาไว้แล้ว ทำให้ จิณณ์ เริ่มเป็นที่รู้จักและมีผู้จัดอยากจะได้ไปร่วมงาน ก่อนจะมีโอกาสเข้ามาเซ็นสัญญากับทางช่อง 7 ซึ่งพระเอกหนุ่มเล่าย้อนวันวานเมื่อ 8 ปีก่อนว่า 

“ตอนนั้นผมก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักมากเท่าไร แต่มีวันนึงผมดันไปมีรูปอยู่กับพี่ฝ้าย เวฬุรีย์ เลยทำให้กลายเป็นที่รู้จัก พี่ไก่ วรายุฑ ก็สนใจอยากให้ผมไปเล่นละครด้วย

แต่พี่อู ภาณุ บอกให้ผมไปแคสต์ละครที่ช่อง 7 ก่อน ผมก็ไป พอไปแคสต์ได้สักอาทิตย์ พี่อูก็ถามทางช่องว่าโอเคมั้ย ถ้าไม่โอเคจะได้ปล่อยน้องให้ค่ายอื่น เพราะเขารออยู่

ช่องก็เลยรับผมทันที ผมเรียนแอ็กติ้งที่ช่องวันเดียวก็ถูกส่งไปแคสต์ละครกับค่ายพอดีคำ และก็ได้เล่นละครเรื่องแรก”

ได้เป็นพระเอกครั้งแรกในชีวิต

เหมือนฟ้าแกล้งให้ดีใจได้แป๊บเดียว เพราะด้วยความที่ยังไม่มีประสบการณ์ทางการแสดง ผลงานละครเรื่องแรกจึงทำให้จิณณ์เครียดและสะบักสะบอมจากการทำงาน ซึ่งเจ้าตัวเล่าเรื่องนี้ให้ฟังด้วยรอยยิ้มว่า 

“ตอนที่รู้ว่าได้เล่นละครเรื่องแรก ผมดีใจมาก แต่เป็นการดีใจได้แค่แป๊บเดียวจริงๆ เพราะไม่รู้ว่าจะต้องไปเล่นละครยังไง เครียดทันทีเลยเพราะผมไม่เคยเล่นละครมาก่อนเลย

ตอนไปถ่าย ถ่าย 30 เทก วันนึงถ่ายได้ 15 ซีนจาก 30 ซีน และเขาก็เลิกดึกกันทุกคืนเพราะเป็นละครถ่ายไปออนไป ห้ามเจ็บห้ามป่วย กลับตี 2 ตื่นตี 5

ผมถึงขั้นซื้อน้ำแข็งมาแช่ในอ่างเพราะช้ำทั้งตัว เป็นละครบู๊ แต่ผมไม่ทรมานนะ เพราะโฟกัสอยู่ที่งาน ตอนนั้นผมเล่นไม่ได้จริงๆ จนทำให้ผมรู้สึกเวลาตอนนั้นผ่านไปไวมากๆ

หลังจากนั้นก็เล่นละครมาอีกหลายเรื่อง แต่กว่าจะเข้าที่เข้าทางก็เป็นเรื่องเจ้าพายุ ประมาณเรื่องที่ 4 ผมเริ่มผ่อนคลายจากการทำงานมากขึ้น ไม่เครียด เพราะปรับตัวเองให้เข้ากับการทำงานได้

และเริ่มรักในอาชีพนี้ เพราะจากที่เคยคิดว่าจะแค่หารายได้ไปซื้อในสิ่งฟุ่มเฟือยที่อยากได้ ก็เริ่มเอามาดูแลครอบครัวได้ เลยต้องจริงจังกับอาชีพนี้ ใส่ใจกับการทำงานมากขึ้น”

เกือบได้เข้าวงการตั้งแต่ ป.2 

จิณณ์ จิณณะ ยอมรับกับเราว่า เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิง พร้อมกับเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟังว่าจริงๆ เขาเกือบจะได้เข้าวงการบันเทิงตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ ป. 2 

“เอาจริงๆ นะ ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิง ได้เข้ามาเล่นละคร และได้เป็นพระเอกของช่อง 7 ผมไม่คิดเลย คำว่าพระเอกไม่มีอยู่ในหัวผมเลย

แต่ตอนเล็กๆ ประมาณ ป.2 ผมเคยจะมีโอกาสเข้ามาทำงานในวงการ คือผมกับ แน็ก ชาลี เราเป็นเพื่อนสนิทกัน แล้วเขามาแคสต์หนังที่แม่พระฟาติมา แต่สุดท้ายแน็กได้ และเมื่อก่อนผมไม่ได้ชื่อนี้ เมื่อก่อนผมชื่ออาเธอร์”

เราไม่ปล่อยให้ทุกคนสงสัยนาน ว่าเพราะอะไร จิณณ์ ถึงได้เปลี่ยนชื่อจาก อาเธอร์ มาเป็น จิณณ์ จิณณะ พระเอกหนุ่มก็ไขข้อสงสัยให้เราทันทีว่า 

“ที่ต้องเปลี่ยนชื่อเพราะผมมีพระอาจารย์ที่อยู่ที่สุพรรณฯ ท่านทักว่า ให้ผมเปลี่ยนชื่อ เพราะชื่อผมมีกาลกิณี ลองเปลี่ยนดูขำๆ เผื่อชีวิตจะดีขึ้น เผื่อจะมีจะไรเข้ามา ก็เลยได้ชื่อจิณณ์ จิณณะ เปลี่ยนทั้งชื่อจริงและชื่อเล่น

แล้วผมก็ไปเปลี่ยนชื่อโดยที่ไม่ได้บอกพ่อกับแม่เลย กลับมาโดนด่ากระหน่ำเลย (ยิ้ม) ผมเลยบอกว่า ถ้าผมเปลี่ยนแล้วมีรายได้สามารถเลี้ยงดูพ่อแม่ได้มันก็ดี ในวันที่มีครบทุกอย่างผมเปลี่ยนให้กลับก็ได้

ซึ่งผมเปลี่ยนชื่อก่อนเข้าวงการเยอะเลย ไม่ใช่เพิ่งเข้าแล้วค่อยเปลี่ยน เปลี่ยนชื่อแล้วชีวิตผมไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่รู้สึกว่ามันทำให้ผมได้เข้ามาทำงานในวงการแบบงงๆ (ยิ้ม)

แต่ผมไม่ได้เปลี่ยนเพื่อที่จะได้เข้ามาทำงานในวงการบันเทิงนะ เปลี่ยนเพราะท่านแนะนำ ถ้ามันไม่ดีก็เปลี่ยนกลับก็แค่นั้นเอง (ยิ้ม)” 

อยู่วงการมา 8 ปี แต่ยังดังไม่สุด

แม้จะเล่นละครกับช่อง 7 มานานถึง 8 ปี แต่ จิณณ์ ยอมรับว่าไม่ได้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งพระเอกหนุ่มบอกความรู้สึกกับเรื่องนี้ให้ฟังว่า

“ผมไม่ได้ซีเรียสถึงเรื่องดังไม่ดังนี้เลย ผมโฟกัสแค่การทำงานจริงๆ อยากให้งานของผมมันออกมาดี แสดงดีขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นดารา ผมมองว่าตัวเองเป็นนักแสดง

ผมสู้กับตัวเอง ดูคนอื่นเพื่อเป็นแนวทางที่ดีกับตัวเอง ไม่เคยดูคนอื่นแล้วเอามาเปรียบเทียบกับตัวเองให้ดูด้อยกว่า ว่าทำไมเราไม่เท่าเขา ผมไม่ชอบแข่งกับใคร แข่งกับตัวเองไปเรื่อยๆ ดีที่สุด ทำให้ดีที่สุด

เพราะการได้มาอยู่ในจุดนี้มันก็ว้าวแล้วสำหรับตัวผมนะ ได้เท่าทุกวันนี้ผมก็ภูมิใจในตัวเองแล้ว ซึ่งผมก็ต้องสู้กับตัวเองเพื่อให้ไปได้ไกลและดีกว่านี้ให้ได้ (ยิ้ม)”

และแม้จะทำงานมา 8 ปีแล้ว แต่ จิณณ์ เล่าให้เราฟังด้วยความภูมิใจที่คนที่อยู่รอบๆ ตัวเขานั้นมีแต่คอยซัพพอร์ตและหวังดีกับเขาจริงๆ ไม่เคยดูถูก หรือทำให้จิณณ์กดดันว่าเมื่อไหร่จะมีชื่อเสียงโด่งดัง

“ผมโชคดีมากนะที่คนรอบข้างผมไม่เคยพูดอะไรทำร้ายความรู้สึกของผมเลย ไม่เคยถามว่าเมื่อไหร่จะดัง มีแต่อยากให้ผมดังขึ้นเรื่อยๆ คนรอบข้างซัพพอร์ต

และระยะการทำงานไม่ได้มีอยู่แค่นี้ ผมอาจจะไปดังมากๆ ตอนอายุ 50 ก็ได้ใครจะไปรู้ ทุกอย่างมันต้องมีเวลา จังหวะ และโอกาส แต่ ณ วันนี้ผมแค่ตั้งใจทำงานของผมให้เต็มที่และดีที่สุดก็พอ เรื่องอื่นไม่ได้โฟกัส”

จิณณ์โสดโปรดจีบ

และคำถามนี้จะไม่ถามก็คงไม่ได้ เพราะมีสาวๆ หลายคนอยากจะรู้ว่า จิณณ์ จิณณะ พระเอกรูปหล่อนักบู๊คนนี้มีสาวใดมาครอบครองหัวใจแล้วหรือยัง ซึ่งจิณณ์รีบประกาศเสียงดังฟังชัดถึงสถานะและความต้องการของตัวเองทันทีว่า 

“ในเรื่องของความรักผมอยากมีแต่ไม่มีเข้ามาเลย 8 ปีที่ผมโสด โสดตั้งแต่อายุ 21 แล้วครับ แต่ผมไม่เหงานะ เพราะผมมีเพื่อนเยอะมาก ทุกวันนี้ก็อยู่กับเพื่อน เลยทำให้แต่ละวันมันผ่านไปได้

แต่จังหวะที่เพื่อนมีแฟนเนี่ยแหละ ที่ทำให้ผมรู้สึกเหงา ผมเคยมีทริปที่ไปเที่ยวกับเพื่อนแต่ต้องเป็นตากล้อง ไปถ่ายรูปให้เขา จนผมต้องตั้งกฎว่าถ้าจะไปเที่ยวกันขอเป็นทริปชายล้วนนะ (หัวเราะ)

ถามว่ามีคนเข้ามามั้ย ผมไม่ได้มีสเปกสูง แต่ไม่มีใครเข้ามา และถ้าจะให้ผมเริ่มจีบก่อนมันอาจจะยาก แต่ถ้าจีบแล้วเขามีการตอบโต้กลับมาอันนั้นก็เดินหน้าต่อได้ แต่ส่วนมากเวลาเข้าหาเขาไม่ตอบโต้กลับมาครับ (ยิ้ม)”

ดูเหมือน จิณณ์ จะอยากมีสาวมาดูแลหัวใจหลังจากที่โสดมานานหลายปีให้ชีวิตได้มีความกระชุ่มกระชวยบ้าง งานนี้พระเอกหนุ่มรีบประกาศสเปกของสาวที่จะมาเป็นเพื่อนคู่คิดของเขาให้ได้รู้ว่า

“ผมชอบผู้หญิงอายุน้อยกว่า เด็กกว่า แต่ไม่ได้แบบงุ้งงิ้งนะ จะเป็นเด็กกว่าที่มีความคิดโตจะชอบแบบนั้น สูง ขาว หมวย ฝรั่ง ได้หมด ไม่ติดสเปกตรงนี้

แต่ตอนเป็นเด็กชอบขาวหมวยนะ มาเปลี่ยนตอนเริ่มทำงานเนี่ยแหละ (หัวเราะ) พออายุจะขึ้นเลข 3 เริ่มอะไรก็ได้แล้ว เป็นอย่างนี้ทุกคนใช่มั้ย (หัวเราะ)

จริงๆ ผมชอบให้ผู้หญิงมาจีบนะ (หัวเราะ) คือความรักมันก็สำคัญพอๆ กับความเข้าใจ เพราะผมทำงานตรงนี้ ไม่ใช่ว่าผมไม่จริงจัง ผมก็อายุเท่านี้แล้ว ผมไม่ได้มาคบเล่นๆ หรอก อยากให้รู้ว่าผมโสด อันนี้จริงจังนะ (หัวเราะ) ถ้ามีเข้ามามันก็ดีครับ”

เสาร์ 5 ละครที่ จิณณ์ ตั้งใจและทุ่มเท

ละครเสาร์ 5 ละครรีเมกที่เคยโด่งดังมากๆ ในอดีต ในวันนี้ถูกกลับเอามาปัดฝุ่นและทำใหม่อีกครั้ง โดยฝีมือของ โอริเวอร์ บีเวอร์ งานนี้ จิณณ์ จิณณะ ได้เล่าความรู้สึกหลังที่ได้รับเลือกให้มาเล่นละครเรื่องนี้ให้ฟังว่า 

“ผมต้องขอบคุณช่อง 7 ที่ให้ผมมาเล่นละครของพี่โอริเวอร์ ยิ่งรู้ว่าเป็นบทเสาร์ 5 ของพ่อฉลอง ภักดีวิจิตร อีก ยิ่งรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับเล่นละครเรื่องนี้เพราะผมนับถือพ่อฉลองมาก ผมเคยเล่นละครของค่ายพ่อมาก่อน

ยอมรับว่ามีความกดดันเพราะผมกดดันตัวเองในทุกเรื่องของการแสดง ผมอยากให้ผลงานของมากถูกใจทุกคน อยากให้ทุกคนได้เห็นถึงความพัฒนาของการทำงานของผม

ผมชอบอาชีพนี้มากๆ เพราะว่าไม่มีความจำเจเลยในแต่ละวัน ผมอยากทำงานในทุกๆ วันให้มันออกมาได้ดีที่สุดกับละครทุกเรื่องที่ผมได้รับ

พอได้มาทำงานกับพี่เวอร์ คาแรกเตอร์ดูดุนะ แต่พอได้มาทำงานด้วยจริงๆ เรื่องยากไปแต่พี่เขาทำให้มันดูง่ายและเซฟมาก อธิบายชัดเจน ไม่กดดันแต่ทำให้เราทำให้ได้มากที่สุด

เพราะพี่เขาเป็นนักแสดงมาก่อนเลยเข้าใจ เลยมีมุมมองหลายๆ มุมมอง ผมเลยรู้สึกแฮปปี้มากๆ เพราะว่า ละครเสาร์ 5 เป็นละครฟอร์มยักษ์

ส่วนเรื่องเรตติ้งละครผมไม่กดดันเลยเพราะว่าละครผมเรตติ้งดีทุกเรื่อง (หัวเราะ) ละครที่ผมเล่นเรตติ้งไม่มีต่ำกว่า 5 นะ ผมเลยไม่กังวลและกดดัน แค่กังวลกับตัวเองว่าจะทำให้ตัวละครของเทิด ยอดธง ตรงกับตัวละครที่พี่เวอร์คิดไว้ได้มากที่สุดหรือเปล่า

ถามว่ากลัวการเปรียบเทียบกับเวอร์ชันเก่ามั้ยไม่เลยนะ เพราะมันเป็นคนละเรื่อง ทั้งตัวละคร เนื้อเรื่อง และหลายๆ อย่างค่อนข้างที่จะต่าง เวอร์ชันนี้เข้มข้นไม่แพ้เวอร์ชันก่อนแน่นอน

ขนาดฉากเปิดตัวผมยังยอมเล่นจริง จุดไฟเผาขาตัวเอง (หัวเราะ) ที่ผมยอมเล่นจริงเพราะอยากตั้งใจทำให้มันออกมาดีที่สุด เราไม่รู้ว่าในอนาคตเราจะอยู่จุดไหน

แต่ละครจะอยู่กับเราไปตลอด ต่อให้เรามีลูกผลงานก็ยังอยู่ แม้คนอื่นอาจจะมองว่ามันยังดูไม่เต็มที่ แต่สำหรับผม ผมรู้ว่าในตอนนั้นผมเต็มที่กับมันที่สุดแล้ว การทำอะไรเต็มที่ในทุกๆ อย่างมันย่อมดีที่สุด

และฉากเปิดตัวผมที่จุดไฟที่ขา ผมถ่ายทั้งหมด 7 เทก เพราะมีอุปสรรคเรื่องไฟ ควันไฟเข้ามา พอได้เห็นฉากนี้แล้วรู้สึกว่ามันดีมากๆ ที่เราตั้งใจทำในวันนั้น

ส่วนการร่วมงานกับพี่ทับทิม อัญรินทร์ ผมสบายใจมากที่ได้เล่นกับคนเก่ง ผมเจอพี่เขาครั้งแรกก็ขออนุญาตไม่เรียกพี่ เพราะไม่อยากมีกรอบให้ตัวเอง

และด้วยความน่ารักของเขาเลยทำให้เราคุยกันได้ทุกเรื่อง ทำให้มันไหลลื่น ฝากละครเรื่องนี้ด้วยนะครับ อยากให้ติดตาม สนุก เข้มข้นไม่แพ้เวอร์ชันเก่าแน่นอน ดราม่า บู๊ แอ็กชั่น และคอมเมดี้หน่อยๆ มีครบทุกรสชาติ

ตอนนี้เดินทางมาถึง 3 ตอนสุดท้ายกันแล้ว อย่าลืมมาติดตามบทสรุปของเสาร์ 5 ไปด้วยกันนะครับ รับประกันว่ามีเซอร์ไพรส์จนถึงตอนจบแน่นอน ฝากด้วยนะครับ”

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : Varanya Phae-araya

ช่างภาพ : วัชรชัย คล้ายพงษ์

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2351576
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2351576