บรูซ วิลลิส ป่วยโรค Aphasia ที่นำไปสู่การคืนตราตั้งตำรวจนิวยอร์ก


ให้คะแนน


แชร์

ถ้อยแถลงอย่างเป็นทางการของคนในครอบครัว ของ อดีตนักแสดงตลกที่ผันตัวเองจนกลายเป็น Megastar แถวหน้าของฮอลลีวูดได้จาก บทฮีโร่แอ็กชั่นใช้สมองมากกว่ากระสุนปืน จากแฟรนไชส์ภาพยนตร์ DieHard

มันคือ ความผิดปกติทางการสื่อสาร ซึ่งมักเป็นผลมาจากสมองได้รับความเสียหายจากภาวะเส้นเลือดในสมองแตกหรือการได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ ทำให้ผู้ป่วยมีความผิดปกติในด้านทักษะของการสื่อสารและการใช้ภาษา ไม่สามารถโต้ตอบหรือทำความเข้าใจได้ และอาจมีปัญหาทางด้านการอ่านและการเขียนร่วมด้วย

หาก “ใคร” อ่านบรรทัดเมื่อสักครู่แล้ว ยังนึกภาพของโรคนี้ไม่ออก งั้น ขออธิบายให้เข้าใจง่ายๆ แบบนี้แล้วกันว่า มันเหมือน “คุณ” เดินทางไปยังประเทศๆ หนึ่ง แล้ว “คุณ” ไม่สามารถพูดภาษาของประเทศนั้นได้ นั่นย่อมแปลว่า “คุณ” ย่อมจะไม่สามารถแสดงออกว่าสามารถเข้าใจคนอื่นๆ ได้ ซึ่งในที่นี้รวมถึงการอ่านหรือเขียนด้วย ถึงแม้ว่า “คุณ” จะยังคงรู้ตัวเองดีว่าต้องการที่จะพูดหรือสื่อสารอะไร

เอาล่ะ…“เรา” ไปกันต่อ

ปัญหาสุขภาพของ บรูซ วิลลิส เริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่?

จริงๆ แล้ว ปัญหาสุขภาพของ ผู้หมวดจอห์น แมคแคลน (John Mcclane) ถูกตั้งคำถามมาสักพักใหญ่ๆ แล้ว เนื่องจากในระยะหลังโดยเฉพาะช่วงหลังปี 2015 นักแสดงระดับ A-list อย่างเขา กลับไปเลือกรับเล่นหนังแอ็กชั่นทุนต่ำเกรดบีหลายๆ เรื่องติดต่อกัน และบางเรื่องเป็นหนังในระดับโฮมวิดีโอด้วยซ้ำไป!

โดยเฉพาะในช่วงเดือนกรกฎาคม 2021 ที่ผ่านมา OK Magazine ได้ลงข่าวกอสซิปในทำนองที่ว่า “บรูซ วิลลิส” กำลังต่อสู้กับอาการสูญเสียความทรงจำและต้องการใช้เวลากับครอบครัวให้มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับ “เหตุการณ์ดรามา” ในช่วงต้นปี 2021 ที่นักแสดงแอ็กชั่นร่างเล็กรายนี้ เดินออกจากร้านขายยาในแอลเอ โดยไม่สวมหน้ากากอนามัย ทั้งๆ ที่ในช่วงนั้นรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นรัฐที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา จนกระทั่งทำให้ คนอึดตายยากผู้นี้ ถึงกับต้องออกมา “ขอโทษต่อสังคม” ในขณะที่บรรดาคนใกล้ชิดพยายามช่วยเก็บรักษาอาการป่วยเอาไว้ โดยให้ความเห็นว่า มันเป็นแค่เพียงการ “หลงลืม” เท่านั้น

อย่างไรก็ดี หลังจากนั้นเป็นต้นมา “สื่อจอมแฉ” หลายสำนัก รายงานตรงกันว่า “บรูซ วิลลิส” เริ่มมีปัญหาการทำงานในกองถ่ายภาพยนตร์ที่เขาร่วมงานด้วยมาตั้งแต่ช่วงปี 2020 แล้ว ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ American Siege (2021), Survive the Game (2021), Cosmic Sin (2021) , และ Hard Kill (2020) โดยคนในกองถ่ายได้บอกเล่าว่า…

“ทุกคนในกองไม่ว่าจะเป็นทีมงานหรือนักแสดงต่างรู้ดีว่า บรูซ วิลลิส กำลังมีปัญหาในการทำความเข้าใจกับคนอื่นๆ จนทำให้คนในครอบครัวต้องเข้ามาช่วยดูแล และในระหว่างการถ่ายทำนั้น บรูซ วิลลิส ถึงกับต้องใช้หูฟังในการรับฟังสิ่งต่างๆ ที่ทีมงานคอยป้อนข้อมูลให้ มันจึงเป็นเรื่องยากมากขึ้นเรื่อยๆ ที่จะมีชายผู้นี้โลดแล่นอยู่บนหน้าจอภาพยนตร์ได้อีกครั้ง”

ซึ่งความยากลำบากที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้คนในกองถ่ายภาพยนตร์ต้องใช้ทั้งเวลาและร่างกายเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในเวลาที่มี บรูซ วิลลิส ร่วมแสดง และทำให้ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งถึงกับต้องจำใจยอมหั่นฉากที่มีเขาปรากฏตัว จนกระทั่ง บรูซ วิลลิส ใช้เวลาในการทำงานกับภาพยนตร์เรื่องนั้นเพียง 3 วัน รวมถึงยังได้พยายามไปถ่ายทำในสถานที่ ที่อยู่ใกล้กับบ้านพักของเขาเพื่อให้สะดวกต่อการถ่ายทำด้วย

อย่างไรก็ดี สื่อหลายสำนักมองว่า ในความเป็นจริงแล้ว “บรูซ วิลลิส” น่าจะเริ่มมีปัญหาเรื่องสุขภาพมาตั้งแต่ในช่วงปี 2013 ด้วยซ้ำไป เพราะหลังจากกลับมาสร้างชื่อได้อีกครั้งกับ ภาพยนตร์ Moonrise Kingdom ซึ่งเป็นการร่วมงานกับ ผู้กำกับจอมติสต์ อย่าง เวส แอนเดอร์สัน (Wes Anderson) ในปี 2012 แล้ว

“บรูซ วิลลิส” เริ่มมีปัญหากับอีกหลายโปรเจกต์ที่ตามมา โดยเฉพาะกับแฟรนไชส์ภาพยนตร์ The Expendables 3 หนังแอ็กชั่นรวมดาราบู๊แห่งยุค 80 จนกระทั่งถูกขับออกจากโปรเจกต์โทษฐานเรียกร้องเงินมากเกินไปเพื่อแลกกับเวลาในการถ่ายทำเพียงเล็กน้อย และยังทำให้มีปัญหากับมิตรสหายอย่าง ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน (Sylvester Stallone) ที่นั่งแท่นเป็นโปรดิวเซอร์แฟรนไชส์อีกด้วย

และอีกหนึ่งสัญญาณที่น่าจะบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพของ “บรูซ วิลลิส” นั่นก็คือ การถูกขับออกจากโปรเจกต์ Cafe Society ของผู้กำกับชื่อดังอย่าง “วูดดี้ อันเลน” (Woody Allen) โดยในครั้งนั้นหลังจากเริ่มถ่ายทำไปได้เพียงไม่กี่วัน จู่ๆ บทของ “บรูซ วิลลิส” ก็ถูกแทนที่ด้วย “สตีฟ คาร์เรล” (Steve Carell) โดยในครั้งนั้น มีการแถลงอย่างเป็นทางการว่า สาเหตุเกิดจาก “บรูซ วิลลิส” เคลียร์ตารางคิวถ่ายทำไม่ลงตัว อย่างไรก็ดีในเวลาต่อมา มีข่าวกอสซิปหลุดออกมาว่า สาเหตุที่แท้จริงของเรื่องนี้ คือ นักแสดงวัย 67 ปีรายนี้ “ไม่สามารถจดจำบทของตัวเองได้!”

ภาพยนตร์ที่เหลือของ “บรูซ วิลลิส” ก่อนอำลาแสงสปอตไลต์

White Elephant , Vendetta , Fortress 2 : Sniper’s Eye คือ 3 ภาพยนตร์เรื่องล่าสุดที่มี บรูซ วิลลิส ร่วมแสดง นั้นได้ปิดกล้องและอยู่ระหว่างขั้นตอน Post Production แล้ว อย่างไรก็ดี โปรเจกต์ Fortress 3 ซึ่งเป็นภาคสุดท้ายของแฟรนไชส์นี้ ซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอน Pre Prodution และได้มีการวางตัวให้ “บรูซ วิลลิส” เอาไว้เรียบร้อยแล้ว อาจต้องประสบปัญหาในการถ่ายทำรวมถึงอาจต้องจำใจเปลี่ยนบทภาพยนตร์ที่ไม่มีเขาเป็นจุดขายให้อีกต่อไป

เพราะในเวลานี้…ผู้หมวดจอห์น แมคแคลน ของเราทุกคน ถึงเวลาคืนตราตั้งตำรวจนิวยอร์ก เพื่อกลับไปอยู่ภายใต้อ้อมกอดที่เต็มไปด้วยความรักของคนในครอบครัวแล้ว

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/scoop/culture/2356817
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/scoop/culture/2356817