แสตมป์ อภิวัชร์ 17 ปีวงการเพลง มือใหม่สายมู บนวัดดังจนได้ออกรายการที่ญี่ปุ่น


ให้คะแนน


แชร์

กว่า 17 ปีแล้วที่นักร้องนักดนตรีหนุ่ม แสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข ได้มีโอกาสทำตามความฝัน คือการทำเพลงในแบบที่ตัวเองชื่นชอบ และมีผลงานเพลงดังๆ มากมาย อาทิ ความคิด, ให้ตายสิพับผ่า, แอบดี, มันคงเป็นความรัก, กาลครั้งหนึ่ง, โอมจงเงย ฯลฯ แต่ในวันวานเส้นทางสู่การเป็นศิลปินเดี่ยวที่ประสบความสำเร็จ แสตมป์หลงรักดนตรีเพราะมีเพื่อนชักนำ ฝึกเล่นตั้งแต่เรียนมัธยม เล่นดนตรีให้กับหลายๆ วง

บันเทิงไทยรัฐออนไลน์ชวนแสตมป์ย้อนวันวานก่อนเข้าสู่วงการเพลง และประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเดี่ยว ก่อนจะมาทำค่ายเพลง 123Records (นึง-ส่อง-ซั่ม เรคคอร์ดส์) รวมไปถึงซิงเกิลใหม่ล่าสุด “เจ้าอารมณ์” ที่ได้ ใหม่ ดาวิกา และ กลัฟ คณาวุฒิ มาแสดง

และความเป็นมือใหม่สายมู เมื่อเจ้าตัวและภรรยาไปบนวัดดังว่าขอให้ได้ไปประเทศญี่ปุ่น และได้ไปสมใจ เมื่อมีทีมงานจากรายการเพลงชื่อดังจากญี่ปุ่นติดต่อให้ไปออกรายการ ซึ่งการไปญี่ปุ่นครั้งนี้ แสตมป์บอกว่าได้เห็นสัญญาณที่ดีของอุตสาหกรรมบันเทิงไทย เพราะคนญี่ปุ่นสนใจซีรีส์วายที่ผลิตโดยคนไทยด้วย

เส้นทางศิลปินเดี่ยว

เราชวนแสตมป์พูดคุยถึงวันวานการเป็นศิลปิน ว่าเริ่มสนใจดนตรีตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาบอกว่า “เริ่มสนใจก็น่าจะช่วงประถมปลาย ชอบฟังเพลง และอยากเล่นดนตรีตอน ม.ต้น ตอนที่มีโมเดิร์นด็อกขึ้นมา ตอนนั้นก็ยังไม่ได้แต่งเพลง เล่นเพลงคัฟเวอร์ประกวดไปเรื่อย ก็มาแต่งเพลงตอนอยู่มหาวิทยาลัย ทำเพลงประกอบละครเวที พอทำเพลงละครเวที 2-3 ปี ก็เลยเริ่มหลงรักการทำเพลง ก็เลยรวบรวมรุ่นพี่มาทำวง 7thSCENE (เซเว่นธ์ซีน)

ตอนนั้นยังอยู่หลายวง เล่นกีตาร์ให้วงกล้วยไทย หลายๆ อย่างเลยครับ แล้วก็มาลงตัวที่ 7thSCENE แล้วมาลงตัวที่ศิลปินเดี่ยว หลังจากที่แต่งเพลงให้ค่ายใหญ่สักพักนึงแล้วรู้สึกว่าเออ เราน่าจะทำเพลงให้ตัวเองเป็นเพลงป๊อปนะ เลยมาทำอัลบั้มเดี่ยวที่เป็นเพลงป๊อปครับ”

เมื่อถามต่อถึงสิ่งที่ทำให้รู้สึกชื่นชอบดนตรีคืออะไร เจ้าตัวเผยว่า “ตอนนั้นสื่อมันหายากครับ มันมีแต่ฟรีทีวี แล้วมีแต่รายการแกรมมี่ อาร์เอส นิธิทัศน์ฯ พอมีเพื่อนที่ฟังเพลงฝรั่งขึ้นมาก็รู้สึกว่าเฮ้ย เท่ ก็เลยลองทำตามเพื่อน ลองขอพ่อไปร้านเทปและซื้อเพลงที่กำลังฮิตตอนนั้น เช่น Bon Jovi ก็เรียกว่ามีเพื่อนชักนำ ก็ได้รู้สึกว่าการฟังเพลงที่ไม่ได้อยู่ในทีวีมันเป็น escape ของเรา เหมือนเด็กบางคนที่ชอบเล่นเกม แต่เราชอบฟังเพลงด้วยและเสาะหาเพลงใหม่ๆ เป็นงานอดิเรกของเราครับ

ถามว่าตอนไปขอพ่อว่าไงบ้าง ตอนนั้นพ่อใจดีมากครับ พ่อก็ให้ซื้อเทปครับ ซื้ออาทิตย์ละม้วนเลยอ่ะ ม้วนนึงก็ 90 บาท ตอนนั้นก็แพงอยู่เหมือนกัน ถามว่าเขาไม่ได้ห้ามใช่มั้ย จริงๆ เขาก็ไม่ได้สนับสนุนนะครับ แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามฟัง อยากซื้อเพลงก็ฟังไป แต่ว่าตอนแรกๆ ยังไม่ค่อยอยากให้เล่นดนตรีเท่าไร ผมได้เครื่องดนตรีในขณะที่เพื่อนเล่นไปแล้ว มาได้สักตอนเรียน ม.4 ก็ใช้เวลาวิ่งตามเพื่อนให้ทันในช่วงนั้น

พอเรายังเด็ก ก็ไม่ได้คิดว่าจะเล่นเป็นอาชีพได้มั้ยครับ แต่ก็รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่เราสนใจที่สุด ผมรู้สึกว่าตอนมัธยม ดนตรีมันเหมือนตุ๊กตาที่ผมกอด มันเป็นทุกสิ่งในตอนนั้น แต่ก็ไม่ได้คิดว่าพอโตขึ้นไปแล้วเขาจะอยู่กับเรามั้ย เราก็แค่อยู่กับเขาครับ

ถามว่าตอนที่เริ่มมาทำวงเริ่มจริงจังหรือยัง โห ตอนนั้นไม่มีความฝันอื่นเลยครับ คิดว่ามีโอกาสที่ได้ทำก็จะทำสิ่งนี้ ตอนที่ทำชุดแรกก็คิดว่าถ้าทำชุดนี้ไม่สำเร็จ เราไม่สามารถต่อยอดจากชุดนี้ได้ น่าจะต้องไปทำงานอื่น ไปทำงานบริษัทแล้ว เพราะว่าฐานะทางการเงินก็ไม่ได้ดี ก็คิดอย่างนั้นในตอนนั้น ก็โชคดีที่มีเพลง “ความคิด” ขึ้นมา ทำให้เราต่อยอดได้ครับ”

จากความสำเร็จในอัลบั้มเดี่ยวชุดแรก ถามว่าเวลานั้นเป็นยังไงบ้าง เขาบอกว่า “เอาตรงๆ รู้สึกว่าดีใจมาก ดีใจที่เราได้ทำต่อมากๆ เลยอ่ะ ตอนนั้นอายุ 25-26 เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อจริงๆ ถ้านานกว่านี้ไปถึงอายุ 27-28 เราก็คิดว่าจะเลี้ยงครอบครัวยังไงนะ มันก็มีคำถามตลอดเลย แต่ว่ามาได้ในเส้นสุดท้ายพอดี เลยดีใจมากๆ แล้วก็คิดแต่ว่าเราจะต้องเดินต่อไปให้ดีที่สุด

ถามว่าคุณพ่อคุณแม่ว่าไงบ้าง เอาจริงผมไม่ค่อยได้คุยกับเขาเรื่องนี้เท่าไรครับ แต่เขาคงดีใจที่เราทำมาหากินได้น่ะ แต่เขาก็คงเป็นห่วงตลอดทางแหละ พอเราอยู่ในวงการก็มีขึ้นมีลง เขาก็คงเป็นห่วงอยู่ แต่เราก็โตมากแล้วตอนนี้ ก็คงเลิกห่วงแล้วล่ะ”

ชีวิตคนทำเพลง

นอกจากเป็นศิลปินเดี่ยวที่มีเพลงดังตั้งแต่อัลบั้มชุดแรก แสตมป์ยังเป็นนักแต่งเพลงฝีมือดีอีกคน ถามว่าชอบการแต่งเพลงเพราะอะไร เขาตอบว่า “จริงๆ ต้องเล่าว่าชอบทุกอย่างเกี่ยวกับวงการดนตรีเลยครับ ไม่ได้ชอบแค่แต่งเพลงนะ ชอบเล่นดนตรีสด ชอบเอนเตอร์เทนคน ชอบทำเอ็มวี ชอบตัดต่อเอ็มวี ชอบเล่นคอนเสิร์ต แล้วเผอิญว่าแต่งเพลงก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ผมหลงใหลทั้งหมดของมันเลยครับ”

กว่าจะเป็น 1 เพลงที่ถูกแต่งขึ้นมา ถามว่าไปได้แรงบันดาลใจ หรือมี reference จากตรงไหน แสตมป์ตอบว่า “ช่วงหลังๆ ผมมักจะได้ประโยคๆ นึงมา อย่างเพลง “เจ้าอารมณ์” ผมก็จะได้คำว่า “คนเจ้าอารมณ์” ก็จะคิดว่ามันเป็นยังไงนะ แล้วค่อยแตกว่าแนวเพลงจะเป็นแนวไหน เราจะเขียนเนื้อเพลงยังไง ทำนองจะเป็นยังไง ก็ค่อยมาตามนั้น ผมว่าผมเจอทางนี้แล้วว่ามาจากสตอรี่ที่เราอยากจะเล่า วลีบางอย่างที่มันน่าจะเป็นเพลงแล้วน่าสนใจครับ”

ส่วนความยากง่ายกว่าจะออกมาเป็นแต่ละเพลง เจ้าตัวบอกว่า “ผมว่าเป็นช่วงเวลามากกว่าครับ บางช่วงก็แต่งได้เยอะมากๆ เลย แล้วก็ชอบ บางช่วงก็แต่งได้บ้างไม่ได้บ้าง ไม่ชอบเพลงที่เราแต่งบ้าง มันก็ผีเข้าผีออกพอสมควรครับ ความยากมันไม่ได้อยู่ที่ว่าเพลงนี้แต่งยาก มันยากที่ว่าคิดออกหรือเปล่า ช่วงนี้มีอะไรโดนใจหรือเปล่า สมมติเราได้คอนเซปต์นี้มาแล้วเราทำให้มันเป็นเพลงได้มั้ย ถ้ามันได้คำนี้ประโยคนี้มาแล้วเออ…เห็นภาพทั้งหมดก็สนุกเลยครับ ถามว่าช่วงที่ตันๆ ทำยังไง ก็เครียด ดูเน็ตฟลิกซ์ หาอะไรคลายเครียดก่อน”

กับชีวิตในช่วงโควิดที่ผ่านมา แสตมป์บอกว่าก็ได้รับผลกระทบเหมือนทุกคน เล่นดนตรีสดไม่ได้ ซึ่งเป็นรายได้หลัก ก็เลยว่าง มีโอกาสได้ทำเพลงโฆษณาเยอะมาก ทำเพลงของอัลบั้มตัวเองเยอะมาก ก็เลยมีอะไรทำระหว่างทาง

ส่วนการทำเพลงภาษาต่างประเทศ แสตมป์เล่าว่า “อย่างตอนนี้ที่ทำอัลบั้มภาษาญี่ปุ่น มันเกิดจากว่าเราไปทัวร์ญี่ปุ่นแล้วมีคนสนใจที่จะโปรโมตเราในญี่ปุ่น แล้วเราก็เคยทำเพลงฟีตเจอริ่งกับคนญี่ปุ่นแล้วรู้สึกว่าเออ มันได้ผลที่ญี่ปุ่นมากกว่าที่เราจะออกเพลงตัวเองเดี่ยวๆ มันเป็นวิธีการซิกแซ็กว่าอ๋อ…ทำแบบนี้แล้วได้ผลมากกว่า งั้นเราลองทำเพลงภาษาญี่ปุ่นและร้องกับคนญี่ปุ่นดูมั้ย ก็เลยเป็นที่มาครับ

มันค่อนข้างเป็นโอกาสจับพลัดจับผลูพอสมควรครับ เป็นการแก้ปัญหาว่าโอเค เราทำเพลงไทยที่นั่นอาจจะยากไปหน่อย ลองแบบนี้มั้ย ซึ่งเราไม่รู้ว่าผลลัพธ์มันจะดีกว่าหรือเปล่า ก็กำลังทำอยู่ ส่วนเพลงภาษาอังกฤษเกิดจากการที่ผมได้เจอกับโปรดิวเซอร์คนนึงคือคริสโตเฟอร์ ชู ที่แต่งเพลง Nobody Knows กับผมครับ ก็รู้สึกว่าเข้าขากันมากเลย แล้วเราจะไปทำเพลงภาษาไทยกับเขาก็คงแปลกๆ ก็เลยทำอัลบั้มภาษาอังกฤษด้วยกัน มันก็เป็นโอกาสที่ได้เจอเขา”

เราบอกว่าเขาดูเป็นคนที่พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องไม่หยุดนิ่ง ถึงตรงนี้นักร้องหนุ่มบอกว่า “ผมก็ต้องให้น้องมาบอกถึงรู้ เราเป็นคนที่อะไรอยู่ตรงหน้าก็ทำ ถ้าถามว่ารู้สึกยังไง ถ้ามองกลับไปก็รู้สึกว่าเออ กูทำไปได้ไงวะ บ้าบอดีว่ะ (ยิ้ม) อย่างตอนทำเพลงภาษาอังกฤษ ผมเป็นคนที่ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษเลยนะ แล้วมาเจอนักแต่งเพลงซึ่งเป็นคนอเมริกา เราก็เลยทำกับเขาแล้วก็ต่อยอดกันมา ตอนที่ทำตอนนั้นก็พยายามไปเรียนภาษาอังกฤษ ไปฝึกสำเนียงตั้งแต่ต้นใหม่หมดเลยครับ ก็ทุกอย่างถูลู่ถูกังพอสมควรครับ ล่าสุดก็มีเพลงประกอบหนังเป็นภาษาอังกฤษออกมาแล้ว ผมรู้สึกว่าผลลัพธ์ปลายทางมันเกินกว่าที่เราคาดไว้ตอนต้นเยอะมากครับ”

ทำค่ายเพลงเอง

แสตมป์เผยถึงที่มาของการทำค่ายเพลง 123Records ว่า “ผมมองว่าศิลปินพอถึงอายุประมาณนึงก็ควรจะดูแลตัวเองครับ เพราะค่ายจะมีศิลปินผลัดเปลี่ยนมาใหม่ๆ เรื่อยๆ ก็รู้สึกว่าอายุเท่านี้แล้วอยากดูแลตัวเอง อยากกำหนดทิศทางตัวเอง น่าจะเป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับศิลปินอายุเท่าผม ส่วนศิลปินใหม่ๆ ก็มีผลักดันไปบ้าง แต่ว่ายังไม่ได้เปิดหลายคนมากครับ ก็มีน้องๆ ที่รู้จักไม่กี่คนเท่านั้นเอง”

หนักใจมั้ยกับการเปิดค่ายเพลงในยุคนี้ เพราะมีค่ายเยอะแยะเต็มไปหมด นักร้องหนุ่มบอกว่า “ส่วนตัวคิดว่ามันง่ายขึ้นนะ คือยุคที่มีแต่ค่ายใหญ่เป็นยุคที่ยากสำหรับเรานะ แต่ในยุคนี้ที่มันง่ายขึ้น เรารู้สึกว่าทุกคนเท่าเทียมกัน ก็เลยสบายใจครับ ของผมน่าจะเปิดมา 6 ปีแล้ว มันก็มีช่วงกระท่อนกระแท่นอยู่ แต่พอรู้ทางว่าต้องทำอะไร มันก็สบายใจ

อย่างช่วงแรกเรายังทำไม่เป็น ไม่รู้ว่าต้องไปหาสื่อยังไง ต้องทำเพลงปล่อยยังไง สตรีมมิงเพิ่งมาก็ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร ตอนนั้นเพิ่งมี Joox Spotify ในช่วงที่ผมตั้งค่าย ก็ยังเป็นสุญญากาศของตัวเองอยู่ว่าทำยังไงให้เราไปอยู่ในนั้นได้ แต่พอมันเจอทางว่าต้องทำแบบนี้ๆ ก็รู้สึกสนุกมากเลยครับ ตอนนี้ก็แฮปปี้มากครับ

ถามว่าได้เรียนรู้อะไรบ้างกับการทำค่าย ก็รู้สึกว่าโลกยุคนี้มันเปลี่ยนเร็วมาก อาทิตย์นี้เราทำวิธีนี้ได้ผล อาทิตย์หน้าก็จะมีอีกเทรนด์นึงมาให้เรา catch up ต่อแล้ว ตอนนี้ TikTok เป็นแบบนี้ เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราอัปโหลดโดยไม่ได้คิดอะไรก็อ้าว ไวรัลเฉย ก็คาดเดาอะไรไม่ได้ครับ ผมว่าก็สนุกดีถ้าเรามองว่าสนุกน่ะ สิ่งที่แบกรับมากขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนคือต้นทุน แต่ผมรู้สึกว่ามันก็สบายใจดีที่เราลงทุนเองและขาดทุนเอง เราไม่ได้รู้สึกผิดกับใครครับ”

พอถามต่อว่าปรับตัวเยอะไหม ยิ่งเปิดค่ายเองด้วย แสตมป์บอกว่า “ผมว่ามันไม่ใช่ว่าเปิด หรือไม่เปิดค่ายเอง ผมว่าพอเปิดค่ายมันยิ่งปรับตัวง่าย เพราะเราไม่ต้องขออนุญาตใครเลย คนที่ตัดสินใจร่วมกันมันลดเหลือไม่กี่คนแล้วก็โอเค พอเปลี่ยนวิธีปุ๊บ ผมว่ามันคล่องตัวดีครับ

ถามว่าชอบมั้ยที่ปรับเปลี่ยนไปตามเทรนด์ ไม่ถึงขั้นแอนตี้ แต่ไม่ถึงขั้นตามทุกวินาที สำหรับผมคืออยู่ตรงกลาง คือให้ตัวเองอยู่กับโลกปัจจุบันพอได้ แต่ไม่ถึงกับทำเพลงแล้วมีท่าเต้น TikTok ไม่ได้ทำถึงขั้นนั้นครับ แต่ก็ชื่นชมน้องที่ทำนะ แต่เราพยายามหาจุดที่ตัวเองทำแล้วไม่รู้สึกเขินอยู่ อาจจะทำคลิปสั้นๆ แต่ไม่ถึงขั้นทำชาเลนจ์เต้นกัน อาจไม่เหมาะกับร่างกายผมตอนนี้ครับ”

เจ้าอารมณ์

เราถามถึงเพลงใหม่ล่าสุด “เจ้าอารมณ์” ที่มีนักร้องลูกทุ่งสาว เปาวลี พรพิมล มาร่วมร้องฟีตเจอริ่งในเพลงด้วย ซึ่งนักร้องดังบอกว่า “ผมได้ชื่อเพลง “เจ้าอารมณ์” มาก่อน รู้สึกว่าคำว่าเจ้าอารมณ์นี่มันเล่นได้ ถ้าปกติพูดถึงคนขี้โมโห หงุดหงิด แต่พอแยกคำว่า “เจ้า” กับ “อารมณ์” ออกจากกัน มันได้อีกความหมายนึง ก็คือเจ้าตัวอารมณ์เนี่ยช่างซุกซนเหลือเกิน ก็เลยนึกถึงเพลงลูกกรุง ผมเป็นคนชอบเพลงลูกกรุงอยู่แล้วครับ ใฝ่ฝันอยากแต่งเพลงทำนองลูกกรุง ก็เลยอยากทำเพลงนี้ขึ้นมาครับ ก็ใช้คำว่า “เจ้าอารมณ์” เล่นกับคำว่า “เจ้าเอย” เป็น “เจ้าอารมณ์เจ้าเอย” ครับ

เนื้อหาก็คือมนุษย์เราต้องมีเรื่องให้ตัดสินใจตลอดเวลา ต้องใช้เหตุผลสู้กับอารมณ์ตลอดเวลา แต่จิตใจมันต้องการที่จะทำจริงๆ หลายๆ อย่างในชีวิตเลยเกิดจากการต่อสู้ระหว่างเหตุผลกับอารมณ์ ซึ่งหลายๆ ครั้งอารมณ์ก็ชนะ แล้วเรามักจะได้ผลลัพธ์ที่รู้อยู่แล้วว่ามันจะแย่ แต่เราก็เลือกที่จะทำมัน ก็เลยเป็นเรื่องสงครามระหว่างเจ้าอารมณ์กับเหตุผลขึ้นมาในเพลงนี้ครับ

ส่วนเหตุผลที่ให้น้องเปามาร้องเพลงนี้ คือผมพยายามจะหาคนร้องเพลงลูกกรุงครับ แต่ไม่ได้รู้จักใครที่เป็นรุ่นเดียวกันที่เป็นผู้หญิง ก็หาอยู่นานมาก เลยลองคิดว่าเอ๊ะ หรือเป็นคนลูกทุ่งดีนะ มันก็อาจมีเสน่ห์อีกแบบนึง ก็เลยลองถามลุลา (กันยารัตน์ ติยะพรไชย) ดูครับ ลุลาก็เลยแนะนำน้องเปามา ก็เลยลองติดต่อน้องเปาไปดู พอเขามาร้องแล้วรู้สึกว่าใช่มากๆ นักร้องลูกทุ่งจะเป็นคนที่มีการร้องที่แข็งแรงมากๆ อยู่แล้ว เสียงจะไม่มีวันพลาดเลย ตรงทุกโน้ต แต่เปาผสมผสานอย่างอื่นเข้ามาได้ มีบางท่อนที่วาร์ปให้เป็น R&B ไปเลย เปาก็ร้องได้ เราก็ตกใจว่าเขามีสไตล์นี้ด้วย ไม่เคยได้ยินมาก่อนครับ ประทับใจมากครับ”

ในส่วนมิวสิกวิดีโอที่ได้ ใหม่ ดาวิกา และ กลัฟ คณาวุฒิ มาร่วมแสดง ถามว่าทำไมถึงเลือกทั้งคู่มาร่วมงาน แสตมป์บอกว่า “เป็นไอเดียของผู้กำกับเขาครับ ตอนแรกได้พล็อตมาก่อนว่าจะเป็นเรื่องของกองถ่ายหนังที่นักแสดงต้องสู้กับอารมณ์ตัวเองกับบทที่ได้รับ ก็เลยคิดว่าถ้าได้นักแสดงจริงๆ มาเล่น มันน่าจะตอบโจทย์นี้ครับ คุณบอส ผู้กำกับ เขาก็เลยติดต่อ พอเขาไลน์มาบอกว่าได้ใหม่ ดาวิกา มาเล่นนะ เอามั้ย เราก็หืม จริงเหรอ ไม่เคยเห็นเขาเล่นเอ็มวีเลย แต่เขาก็มาจริงๆ รวมถึงน้องกลัฟด้วย ก็ดีใจมากครับ ฟีดแบ็กก็ดีมากเลยเพราะว่าแฟนๆ ต่างประเทศของทั้งคู่เยอะมาก

ส่วนเนื้อหาเอ็มวีผมก็บอกไอเดียไปว่าเป็นการต่อสู้ของการใช้อารมณ์กับเหตุผล อาจจะมีหมิ่นเหม่เรื่องศีลธรรมบ้างเล็กน้อย แต่ไม่อยากให้มันแรงมากขนาดนั้น ก็เลยเป็นการข้ามบทละครที่ได้รับจากบทรักเป็นบทฆาตกรรมครับ ตอนที่ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ ผมรู้สึกดีใจนะครับ ผมว่าที่ติดเทรนด์ทวิตเตอร์มาจากแฟนๆ น้องกลัฟกับน้องใหม่ ซึ่งเป็นคนไทยและต่างชาติ ผมดีใจที่เพลงนี้ทำเป็นเพลงลูกกรุง มีความเป็นไทยมากๆ เลย ให้แฟนๆ ของน้องๆ เขาได้ฟังเพลงที่เป็นทำนองไทยๆ แล้วรู้สึกยังไงผมอยากรู้ ก็ได้ฟีดแบ็กดีมากเลย เขาบอกทำนองสวยมากเลยนะ ภูมิใจที่ได้ทำเพลงนี้ และน้องใหม่น้องกลัฟมาเล่น นำเพลงนี้ไปสู่ต่างประเทศได้ครับ

ผมขอชื่นชมผู้กำกับเขาเก่งมากเลย นักดนตรีที่เล่นด้วยกันก็ดีมาก น้องเปาก็ร้องเพราะมาก ถ้าจะให้เลือกงานที่นำไปแสดงสักงานนึง เพลงนี้ก็ติด 1 ใน 5 ภูมิใจที่ได้ร่วมงานกับคนเหล่านี้ ถ้าถามว่าผลลัพธ์มันเกินคาดมั้ย ก็รู้สึกว่าเราได้น้องใหม่น้องกลัฟ ได้น้องบอสมา มันก็สมราคาเขาน่ะ ส่วนเอ็มวีเพลงหน้าจะยิ่งกว่านี้มั้ย จริงๆ ก็มีคนบอกว่าติดตามเอ็มวีเราอยู่นะ แต่ก็อย่าคาดหวังมากครับ เอ็มวีหน้าอาจกลับมาสบายๆ บ้าง แต่ว่าจะพยายามทำให้ดีที่สุดตลอดครับ”

บันเทิงไทยมาแรงที่ญี่ปุ่น

จากนั้นเราถามต่อถึงการไปออกรายการ “Song of Tokyo” ที่สถานี NHK หลังเซ็นสัญญากับ AVEX ค่ายเพลงชื่อดังของประเทศญี่ปุ่น และแสตมป์เป็นศิลปินต่างชาติคนแรกของรายการด้วย ซึ่งแสตมป์เล่าให้ฟังถึงความบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อให้ฟังว่า “ผมเล่าแบบนี้ได้มั้ย อาจดูงมงายมากเลย แต่ว่าก่อนหน้านี้ผมไปบนหลวงพ่อโสธรและอธิษฐานว่าผมอยากไปญี่ปุ่น ตอนนั้นก็ซื้อไข่ต้มแล้วไปบน ปรากฏว่ากลับมา 2-3 วัน NHK ก็ติดต่อมาว่าอยากได้เราไปออกรายการ เราก็โห…ขนลุกอ่ะ (หัวเราะ) จากที่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ก็เริ่มคิดว่าเฮ้ย หรือมันจะจริง (ยิ้ม)

ตอนนั้นวีซ่าก็ยังไม่เปิด แต่เขาบอกว่าเขาทำให้ทุกอย่างเลย เราก็คิดว่าโห ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ต้องไปแก้บนแล้วครับ (หัวเราะ) ก็งงที่เขาติดต่อมา แล้วเราก็เพิ่งบนมา ก็ตกใจเหมือนกัน ตื่นเต้นเพราะว่าผมเป็นแฟนรายการนี้ ผมชอบศิลปินญี่ปุ่น ก็มีศิลปินญี่ปุ่นที่ผมติดตามไปออกแล้วผมดูอยู่ตลอด มันเป็นรายการที่เผยแพร่ J-POP ไปสู่ทั้งโลก เป็นรายการที่ดูแล้วเข้าใจเพราะมีซับไตเติ้ลด้วย เราก็โห…ได้ไปออกรายการที่เราชอบก็ดีใจครับ ตอนแรกเตรียมภาษาญี่ปุ่นไป แต่ว่าไปถึงแล้วตื่นเต้น ก็เลยพูดภาษาไทย (หัวเราะ) แต่ก็พูดภาษาญี่ปุ่นปนๆ ไปครับ จริงๆ ผมก็มีไปเรียนภาษาญี่ปุ่นเพราะอยากให้เขาประทับใจ แต่พอกล้องเดินก็ตื่นเต้น ก็เลยพูดภาษาไทยค่อนข้างเยอะครับ

จริงๆ เคยไปออกรายการญี่ปุ่น 2 ครั้งแล้ว แต่เป็นรายการบันเทิงที่โบ๊ะบ๊ะหน่อย แกล้งพูดผิดมันก็ขำ แต่รายการนี้ค่อนข้างเป็นทางการมากๆ เป็นอีกโทนนึง ก็เลยพูดภาษาไทยเอาครับ พอรู้ว่าเป็นศิลปินต่างชาติคนแรกของรายการก็ดีใจครับ ตอนที่นั่งอยู่ในห้องพักก็อุ๊ย โยชิกิ (X Japan) เคยนั่งตรงนี้ เราก็ดีใจ ตอนที่ไปญี่ปุ่นก็ถ่ายรูปลงเยอะมาก เพราะอยากขิงว่าเราได้ไปญี่ปุ่นก่อนคนอื่น (ยิ้ม) ก็สนุก ไม่มีนักท่องเที่ยวเลยอ่ะ ปกติเวลาเราไป 5 แยกชิบูย่า เราจะชอบถ่ายรูปตรง 5 แยก มันจะมีฝรั่งมามุง ตรงร้านแถวนั้นก็จะเก้าอี้เต็มตลอด ปรากฏว่าไปคราวนี้ก็ว่าง เราเป็นคนเดียวที่ถ่ายรูปตรง 5 แยกเพราะเราเป็นคนต่างชาติ คือน้อยคนที่ได้ไปในช่วงนี้ครับ ก็รู้สึกว่าโล่งนิดนึงครับ ญี่ปุ่นก็ยังเป็นญี่ปุ่นเหมือนเดิม อบอุ่นดีครับ”

จากนั้นแสตมป์บอกว่า “ผมมีเรื่องจะเล่า คือไปรอบนี้ ผมบอกเลยนะว่ากระแส T-POP มาจริงๆ ผมไปกินข้าวกับเพื่อนๆ คนญี่ปุ่น ตลอด 10 ปีที่ผมไป ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยที่เมียเขาอยากมาด้วย ไม่ใช่แค่เมียนะ เพื่อนหลายกลุ่มเขาจะมีผู้หญิงติดตามมาด้วยเพราะอยากเจอคนไทย เพราะเขาอยากคุยเรื่อง ไบร์ท-วิน แล้วเขาก็ฝึกพูดภาษาไทยที่มาจากซีรีส์เรื่องคั่นกู คือกระแสไทยมาจริงๆ น่ะ สื่อที่มาสัมภาษณ์ผมก็ฝึกภาษาไทย คือเขาดู ไบร์ท-วิน มาหมดเลยอ่ะ ก็รู้สึกว่าที่นั่นคือไทยเรากำลังมาเลยอ่ะ ขอบคุณน้องๆ ด้วยนะครับ

คือพูดง่ายๆ ว่าถ้า Full House ทำให้คนไทยรู้จัก K-POP ตอนนี้ซีรีส์วายทำให้เขารู้จักประเทศไทยครับ คือไปครั้งนี้ผมสัมผัสได้เลย ก่อนโควิดตอนที่ผมไป เราก็เป็นแค่คนต่างชาติคนนึงที่ไปทำงาน แต่คราวนี้เขาดูสนใจเรามากเพราะกระแสซีรีส์วายมันบูมมากที่โน่น รู้สึกว่าคนญี่ปุ่นชอบวัฒนธรรมไทยมากขึ้นเยอะเลยครับ เป็นหมัดแรกของเราที่จะเข้าไปได้ คือมันมีคนที่ชอบซีรีส์วายมากจนกระทั่งฟังเพลงวง Scrubb ที่อยู่ในซีรีส์คั่นกู เริ่มไปหาเพลงไทยมาฟัง มันเริ่มมีกลุ่มนั้นที่ใหญ่ขึ้นครับ ผมรู้สึกว่าถ้าเราต่อยอดจากตรงนี้ได้มันก็น่าสนใจครับ”

ถามว่าแล้วแสตมป์อยากไปต่อยอดที่ญี่ปุ่นด้วยหรือเปล่า นักร้องหนุ่มตอบว่า “ถ้าไม่ได้ออกรายการ ผมก็ไปอยู่แล้วครับ เพราะผมไปบนหลวงพ่อโสธรมาด้วยว่า ขอให้ได้ไปญี่ปุ่นบ่อยๆ ถามว่ามีคุยไว้มั้ยก็มีบ้าง จะมีซิงเกิลออกในเดือน มิ.ย. เป็นซิงเกิลภาษาญี่ปุ่นออกที่นั่น เดี๋ยวจะมีหนังเรื่อง “One for the Road (วันสุดท้าย..ก่อนบายเธอ)” ไปฉายที่ญี่ปุ่น เดือน ส.ค. จะมีเวอร์ชันภาษาญี่ปุ่น และมีเพลง “Nobody Knows” เวอร์ชันภาษาญี่ปุ่นด้วยครับ”

มือใหม่สายมู

เราขอถามต่อถึงเรื่องที่สงสัย คือการเริ่มต้นเป็นสายมูเตลูของแสตมป์ว่ามีที่มายังไง เจ้าตัวเล่าว่า “เพิ่งเริ่มเอง เพราะว่าเมียผมพาไปครับ พอมันได้ผลก็เออ หรือเราต้องทำวะ (หัวเราะ) ตอนเขามาชวน จริงๆ ผมอยากไปเที่ยวฉะเชิงเทรา อยากไปเที่ยว อยากไปกินอาหารริมแม่น้ำ ก็รู้สึกว่าไม่เสียหายอะไร สนุกดี ถ้าเขาศรัทธา เราก็ไม่ขัดศรัทธาเขา แต่จริงๆ ภรรยาก็ไม่ถึงขั้นมูหนักมาก

ตอนเด็กผมเนี่ยหมอดู หรือพระนี่แหละทำนายว่าผมจะมีอายุสั้น แล้วคุณแม่ก็เลยไปฝากให้เป็นลูกของหลวงพ่อโสธร ให้ต่ออายุผม พอภรรยาผมชวนไปหาหลวงพ่อโสธร ผมก็โอเคไป เพราะมันมีเรื่องนี้สืบมาด้วยครับ นี่ก็เพิ่งมูงานนี้งานแรกเลย (ยิ้ม) พูดที่นี่ที่แรกด้วย ก็เดี๋ยวไปแก้บน เพราะเราได้มาญี่ปุ่นแล้ว ก็กะว่าจะขอไปอีก (หัวเราะ)”

ถามว่าที่ผ่านมาไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้หรือเปล่า แสตมป์บอกว่า “ก็ถ้าทักว่าดวงดีถึงจะเชื่อ ถ้าทักเรื่องร้ายๆ ก็บอกว่าเรื่องดวงไม่มีจริงหรอก (หัวเราะ) ที่ไปไหว้ก็เพื่อความสบายใจครับ เป็นกิจกรรมใหม่ครับ ผมเองก็เพิ่งเริ่ม ถามว่าแปลกใจตัวเองมั้ย พอมาคิดตอนนี้ก็รู้สึกแปลกเหมือนกัน แต่ตอนที่ทำก็ไม่รู้สึกอะไร (ยิ้ม)”

17 ปีการทำงาน

เราถามถึง 17 ปีในวงการเพลง ที่แสตมป์ อภิวัชร์ ได้มีโอกาสสร้างสรรค์ผลงาน เขาบอกว่า “17 ปีที่ออกเพลงจริงๆ แต่ถ้าเริ่มต้นก็ 20 กว่าปีแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่เป็นมือกีตาร์วงนั้นวงนี้ ถามว่า 17 ปีที่ผ่านมาเป็นยังไง ก็ทบทวนนะ แต่ไม่ได้ชื่นชมความสำเร็จของตัวเองในอดีตเท่าไร คิดแต่ว่าจะทำอะไรต่อ ก็เลยไม่ค่อยมีเรื่องนี้ในหัวเท่าไรว่าที่ผ่านมาเรารู้สึกยังไงบ้างครับ

แต่ผมว่าการไปต่อมันยากมากเลย (หัวเราะ) มันยากกว่าการอยู่ เพราะวงการก็เปลี่ยนไปเยอะ และเราก็ปรับตัวเยอะ แต่ก็สนุกขึ้นนะ ผมรู้สึกว่าการตัดสินใจที่มาทำบริหารตัวเอง เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดที่เคยทำ ก็เป็นความท้าทายนะครับ พอมาคุยกับน้องแล้วก็แบบเออ…เราอยู่มา 17 ปีแล้วนะ ก็ดีใจที่เราได้ทำสิ่งที่เรารักมาครึ่งชีวิตแล้ว รู้สึกว่าโห ครึ่งชีวิตที่เราหายใจอยู่นี่ เราได้ทำสิ่งที่เราฝันนะ ก็ดีใจครับ”

ส่วนแพลนต่อไปของแสตมป์ในวงการเพลง เจ้าตัวเผยข่าวดีว่า “24 ก.ย. 2565 จะมีคอนเสิร์ตที่อิมแพ็ค อารีนา นะครับ ฝากโปรโมตด้วยครับ ชื่อคอนเสิร์ตมีแล้วเดี๋ยวรอเปิดตัวนะครับ ไม่ได้เล่นมา 7 ปีแล้ว ถามว่าเตรียมอะไรเป็นพิเศษมั้ย ตอนนี้เตรียมตลอดเวลาเลยครับ รู้สึกคิดถึงมันตลอด ทำเองเยอะมากครับ รู้สึกว่าพอทำเองก็ได้เลือกเอง วางทุกอย่างเอง มันสนุกมากเลย คิดพล็อต คิดสคริปต์ คุยกับคนทำงานเองแล้วมันเอนจอยมากเลยครับ

ถามว่าตื่นเต้นมั้ย ไม่ได้เล่นมา 7 ปี จริงๆ ไม่ได้คิดว่าจะได้เล่นอีกเลย แต่พอมีผู้จัดเขาติดต่อมาว่าอยากจัด เราก็อยากเล่นพอดี อยากเล่นมาตลอดเลย ก็เลยไม่ได้แคร์ว่าจะเป็นยังไง จะทำให้ดีที่สุด คิดว่าแฟนเพลงที่โตมาด้วยกันเขาน่าจะตามเรามาตั้งแต่มัธยม ตอนนี้น่าจะทำงาน น่าจะได้มาเจอกันและสนุกด้วยกัน ล่าสุดผมทำเอ็มวีหลายๆ ตัว เป็นน้องๆ ที่ตามมาตั้งแต่ประถมมัธยมทั้งนั้นเลยครับ เห็นเขาเติบโตมากับเราก็เออ น่าจะเป็นวันที่เราได้มานัดเจอกันและอัปเดตว่าเป็นยังไงบ้าง

ผมรู้สึกว่าผมโตมากับเบเกอรี่ มิวสิค มันอิ่มเอมเวลาฟังเพลงที่เราฟังตอนเด็กๆ คอนเสิร์ตนี้ของผมก็จะเป็นเพลงที่เขาฟังตั้งแต่เด็กๆ และเพลงใหม่ๆ ที่ออกในช่วงนี้ ทุกอย่างมารวมกันแล้ว น่าจะสนุกมากเลยครับ มันจะมีความรู้สึกตื่นเต้นกับเพลงใหม่ และเขาอาจซาบซึ้งกับเพลงที่เขาฟังตั้งแต่เด็กๆ ด้วยครับ

จากนั้นแสตมป์ฝากถึงแฟนๆ ที่ติดตามผลงานว่า “เอาจริงผมได้ร่วมงานกับน้องๆ หลายคนซึ่งเป็นแฟนคลับเรา เห็นหน้ากัน มาดูคอนเสิร์ตตั้งแต่ใส่ชุดคอซอง โตมาเขามาเป็นคนทำแสง ทำเอ็มวี เป็นนักข่าว ก็รู้สึกดีใจที่เขายังซัพพอร์ตเราอยู่นะครับ แต่ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อายุเท่าไร ฟังเพลง “ความคิด” แล้วทำอะไรอยู่ ณ วันนี้หลายปีมากแล้ว ก็ขอบคุณที่ชื่นชอบเพลงเรา หรือเคยฟังเพลงของเรา ถึงแม้ตอนนี้อาจไม่ได้ตามแล้วก็ตาม แค่ครั้งนึงที่ฟังเพลงของผม ผมก็ดีใจมากๆ แล้วครับ ถ้าจะฝากอะไรอย่างก็คือ ถ้าวันที่ 24 ก.ย. ว่าง ขอเชิญที่อิมแพ็คด้วยนะครับ”.

ผู้เขียน : Penguin บินได้
ภาพ : 123Records
กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2417810
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2417810