เบนซ์ พรชิตา เผย มิค บรมวุฒิ ขอไปคุยกับคนอื่น น้อยใจละเลยเรื่องบนเตียง


ให้คะแนน


แชร์

แต่การกลับมาครั้งนี้ เบนซ์ เผยว่า ต้องเปลี่ยนตัวเองใหม่หมด ทั้งกลับมาแต่งตัว ลดน้ำหนัก และทวงคืนชีวิตคู่กลับมา เพราะก่อนหน้านั้น มัวสนใจแต่ลูก จนทำให้ มิค บรมวุฒิ ถึงกับแอบน้อยใจ เหมือนเป็นธาตุอากาศในบ้าน และเอ่ยปากขอไปคุยกับคนอื่นแทน 

พอกลับมาครั้งนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นแล้วหลังจากปรับฮอร์โมนได้?

“เบนซ์เริ่มจากเรื่องการแต่งตัวก่อนเลย เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้ดูอะไรที่แต่งตัวเลย ก็คือใส่เสื้อให้นม กางเกงขาสั้น อย่างมากก็กางเกงยีนส์ หน้าก็ไม่แต่ง ไม่ซื้อเครื่องสำอางเลย ผมบางทีหงอกเต็มหัวไปหมด คือเรารู้สึกว่ามันไม่ต้องทำอะไรเกี่ยวกับตัวเองเลย ทำให้ลูกอย่างเดียว มันเป็นอะไรก็ไม่รู้

คือรู้สึกว่าตอนนั้นมันไม่ใช่เวลาของเรา แต่มันต้องให้ลูกทั้งหมด พอหยุดให้นมไปสักพักนึงถึงจะเริ่มรู้สึกอยากแต่งตัว นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เบนซ์ซื้อเสื้อผ้า และมันไม่มีไซส์ ฉันตูด 42 แต่ที่เขามีอยู่คือ 38 อะไรแบบนี้ คือซื้อเสื้อไซส์ปกติมันไม่โอเค และคิดว่าถ้ากลับมาทำงานต้องมีปัญหากับพี่เสื้อผ้าแน่นอน เขาก็ต้องไปยืมเสื้อผ้าตามแบรนด์ต่างๆ แต่มันไม่มีไซส์เรา

เบนซ์ก็เริ่มเข้าใจว่ามันเครียดแล้วละ และพอเริ่มอยากสวย มันก็จะมีแรงบันดาลใจบางอย่างที่แบบเอาวะ จะผอมแล้วโว้ย จะต้องใส่ชุดนี้ให้ได้ ก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมคนเขาถึงลดความอ้วนกันได้ และเราก็เริ่มอยากกลับมาทำงานจริงๆ ให้เวลายืนข้างๆ คนอื่นและไม่ทำให้รู้สึกว่าเราตัวใหญ่มาก ก็เลยตั้งใจจะลด แต่มันก็ไม่ได้ง่ายนะ เพราะเราลดมาเยอะแล้วจาก 87 แล้วก็ลงมาเรื่อยๆ จนตอนนี้ 58 แต่มันก็ยังไม่พอ เพราะเบนซ์ขึ้นเยอะมาก ยิ่งพอเราอายุ 40 ไปแล้ว มีลูกแล้ว ความที่ตัวใหญ่มันลดยาก และมันจะค้างคา มันก็จะไม่ค่อยลง

ซึ่งพี่มิคเป็นคนมีวินัย พอพูดว่าลดน้ำหนักปุ๊บ เขาเข้ายิมเลย เขาลงไป 10 กก. และจริงๆ พี่มิคเขาอยากลดอยู่แล้ว และเบนซ์ก็อยากลดตั้งนานแล้วแหละ แต่ลดไม่ลง (หัวเราะ) แต่พี่มิคพอเขาเห็นเบนซ์ตั้งใจ เขาก็เลยทำให้ดูว่ามันลดได้นะ เขาก็คอยช่วย แต่มันเป็นวิธีที่เราไม่ชอบ เบนซ์ไม่ชอบวิ่ง

คือที่บ้านก็จะมีลู่วิ่ง และมีดัมพ์เบลอะไรของเขา ก็ไปเดิน ไปวิ่งได้ แต่เขามีวินัยไง ตื่นแต่เช้าก็ไปเดิน เขาไม่วิ่งนะ เขาบอกหัวใจทำงานหนักไป ก็เดินให้เหงื่อออกพอ อย่าเหนื่อยเกินไป เขาก็บอกให้เบนซ์เดินสิ ไม่ชอบวิ่งก็เดิน แต่เบนซ์เวลาที่ต้องอยู่กับที่ หันไปไม่เจอใคร มันไม่มีความสุข ทำไม่ได้ ทุกวันนี้มันยังบ่นเบนซ์อยู่เลยนะ แต่เราไม่ชอบไง เราเป็นแนวไปแอโรบิก ไปพิลาทีส โยคะ เป็นโรคไม่ชอบทำอะไรคนเดียว ถ้าให้วิ่งบนลู่เนี่ยแป๊บเดียวก็ไม่เอาแล้ว

แต่ก็พยายามทานอาหารช่วงเวลาที่โอเค เบนซ์กินเช้าหลังส่งลูกไปโรงเรียน แล้วก็ยาวมาตอนช่วงบ่ายสองครึ่งช่วงไปรับปรางค์กลับจากโรงเรียน เบนซ์ก็จะกินช่วงนี้อัดเข้าไปเลย พอตอนเย็นก็ไม่กินแล้ว อย่างมากก็ผลไม้หรือน้ำเต้าหู้เข้าไปหน่อยนึง แล้วก็นอน ซึ่งมันก็ช่วยได้เลย เพราะเราไม่ได้กินช่วงเย็นแล้ว ไม่ได้กินหนักแล้ว แต่สมัยก่อนคือกิน 2-3 ทุ่มแล้วก็นอน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะผอม แต่พอทำแบบนี้มาสักพักมันก็ช่วย และถ้าออกกำลังกายมันก็น่าจะดีกว่า (หัวเราะ)”

พอเราน้ำหนักลงเราก็แฮปปี้ พี่มิคก็แฮปปี้ด้วย?

“นางก็แฮปปี้ แต่นางก็อยากให้เราไม่ได้ตายเร็ว คืออยากให้แข็งแรงด้วย ไม่ใช่ว่า 50 ตามลูกไม่ไหวแล้วเหรอ กูแก่ไปเลย คือมันก็ไม่โอเค นางก็อยากให้แบบว่าถ้าลูกไปเล่นโรลเลอร์โคสเตอร์ ก็กรุณาไปเล่นกับลูกด้วยได้มั้ย คือเขาก็อยากให้เราแข็งแรง ไม่ใช่ไม่มีแรงวิ่ง ลุกเดินก็จะไม่ไหวอะไรแบบนั้น

นางอยากให้รู้สึกว่าลูกยังเล็กอยู่เลย ก็อยากให้เราดูแลตัวเอง ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อลูกนะ เขาก็พยายามบิลด์ให้เราตั้งใจลด และให้เราแข็งแรงด้วย ก็ตั้งใจจะทำแล้วนะ (หัวเราะ) เดี๋ยวรอลูกเปิดเทอมก่อน ตอนนี้ลูกปิดเทอม ก็ให้เวลาอยู่กับลูกเต็มๆ พอลูกเปิดเทอมก็จะไปออกกำลังกายจริงจัง”

เขาชมมั้ยว่าเราสวยสดใสขึ้น?

“เบนซ์ว่าเขาแฮปปี้ที่เบนซ์แฮปปี้ เพราะก่อนหน้านี้ผู้หญิงพอมันไม่แต่งตัว หน้าก็ไม่แต่ง เยิน มันคืออาเจ็ก อาม่าที่ไม่ดูแลตัวเอง แล้วอีเมียคนที่เคยสวยมันไปไหนแล้ววะ (หัวเราะ) ก็สงสารนางอยู่นะ ตอนจีบก็ว่าสวย แต่ตอนนี้ทำไมมึงเป็นอย่างนี้วะ ก็เข้าใจเลยว่าตรรกะนี้คือเรื่องจริง เราต้องดูแลตัวเอง

พอฮอร์โมนตรงนั้นมันหายไป เราก็เริ่มสนุกขึ้น ชวนเขาไปทำนั่นทำนี่ คือเริ่มกลับไปเป็นเหมือนเดิม เริ่มต่อล้อต่อเถียง เริ่มเล่นมุกตลก พูดทะลึ่ง นางก็จะขำ บอกว่าเอาอิตัวนี้กลับมาได้มั้ย (ยิ้ม) ก็จริง เพราะตรงนี้เราหายไปเลย เพราะเมื่อก่อนเบนซ์ก็ตลกลามกทะลึ่งเล่นกันอยู่สองคน เขาก็จะเฮฮา ทุกอย่างมันก็ดี และพอเห็นเขามีความสุข ลูกแฮปปี้ด้วย เราก็สดใส ชีวิตมันก็ดีจริง เบนซ์ว่าองค์ประกอบโดยรวมมันทำให้เราดูสดใส มันช่วยเยอะเลยแหละ”

พอเราสวยสดใสแบบนี้พี่มิคมีมาสะกิดๆ บ้างมั้ย?

“สะกิดไม่ค่อยได้ผลเท่าไรนะ (หัวเราะ) เคยพูดกับพี่มิคว่า ไม่รู้ว่าตอนที่หมอผ่าคลอด หมอเอาต่อมไปด้วยหรือเปล่า เพราะไม่ค่อยโอเคเท่าไร (หัวเราะ) สงสารนาง แต่อย่างน้อยก็ได้อยู่ด้วยกัน ได้สนใจเขา อันนี้สำคัญนะ เพราะก่อนหน้านี้เขาเคยพูดกับเบนซ์ว่า เขาเหมือนเป็นธาตุอากาศอยู่ในบ้าน

นางน่าสงสาร เรามัวแต่มองลูก นางก็น้อยใจ บอกว่ามิคจะไม่คุยด้วยแล้วนะ มิคจะไปคุยกับคนอื่นแล้วนะถ้ามิคมีปัญหา ห้ามโกรธนะ เพราะยูไม่ฟัง เพราะไม่เห็นเขาเลย เราก็รู้สึกแย่นะ แต่ก็อธิบายกับเขาว่าก็ทำหน้าที่แม่อยู่ไง แต่พี่มิคเป็นคนโอเคคนนึงเลย ต้องบอกว่าเป็นพ่อที่ดีคนนึงเลยที่เข้าใจว่าโดยธรรมชาติเราไม่ใช่คนแบบนั้น เขาก็รอนะ”

ความกุ๊กกิ๊กสามีภรรยาไม่มีเลยเหรอ?

“ไม่มีเลย ศูนย์ คือตอนนี้เบนซ์จะเริ่มแหย่เขาแล้ว ถึงจะไม่ได้ทำการบ้าน แต่ก็จะแหย่นาง คือทำให้มันตลกๆ เบนซ์ว่าแค่นี้มันก็ดีแล้วนะ เราก็ให้ความสนใจเขาเยอะขึ้น ล่าสุดไปดูหนังกัน 6 ปีไม่ได้ดูหนังกันเลยตั้งแต่คลอด เพิ่งไปดูหนังครั้งแรกด้วยกันสองคน ปกติไม่เคยไปไหนเลย กินข้าวยังไม่เคยไปกันเลยสองคน

แต่ปริมร้องไห้จะเป็นจะตาย เหมือนแม่ออกไปแล้วจะไม่กลับมา (หัวเราะ) ก็ต้องบอกเขาว่า ปริม แม่ไปดูหนังเดี๋ยวก็กลับมาแล้วลูก พ่อก็เครียด คือเขาก็จะรู้สึกว่า เราไม่ได้ทำอะไรกันเลย จนลูกรู้สึกว่าเราไปไหนด้วยกันไม่ได้อีกแล้ว เราทำอะไรแล้วเหมือนเป็นความผิด เราก็เลยบอกว่าไม่ได้แล้วละ ถ้าเราจะไปก็ต้องไป แล้วเดี๋ยวเขาก็จะเข้าใจเองว่า มันเป็นเวลาที่พ่อแม่ต้องอยู่ด้วยกันบ้างนะ แค่นี้นางก็แฮปปี้แล้ว

ยอมออกไปดูหนัง ยอมทิ้งลูกไปด้วย คือเขาก็จะรู้สึกว่าได้ทำอะไรที่เขาอยากทำบ้าง เบนซ์ก็รู้สึกว่าดีนะ เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนเบนซ์จะไม่ไป (หัวเราะ) คือไปทำไม อยู่กับลูก ยูก็ไปคนเดียวก็ได้หรือไม่ก็ไปดูกับคนอื่นไปอะไรแบบนี้”

แต่บางคู่เรื่องกุ๊กกิ๊กของสามีภรรยาก็เห็นว่าสำคัญนะ?

“สำคัญ อย่างคู่พี่ชายกับวิกกี้เขาถึงขั้นลงปฏิทิน อันนั้นเขาก็สวีตจริง แต่ของเราไม่มี (หัวเราะ) พี่มิคเขาก็มีมาคุยแหละ เบนซ์แค่รู้สึกว่าบ้านเบนซ์มันไม่มีจังหวะที่สามารถจะทำอะไรได้เลย มันเป็นบ้านที่คือห้องนอนแล้วห้องรับแขกเลย ทำอะไรไม่สะดวกเลยค่ะ เพราะเสียงลูกก็อยู่ใกล้ๆ ไม่มีความพอดี (หัวเราะ)

รู้สึกว่าไม่มีความสบายใจเลยที่จะทำอะไร แต่ก็คุยกันนะ ก็บอกเขา พี่มิคเขาก็โอเคนะ ความรู้สึกเขาคือแค่ให้คุยกับเขา สนใจเขา รู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้นะ ถามเขาหน่อยว่าเหนื่อยมั้ย กินอะไรมั้ย พี่มิคเขาก็โอเคอยู่”

แสดงว่าเคยมีคุยกันจริงจังถึงปัญหาตรงนี้?

“มีค่ะ พี่มิคซีเรียสเลย คุยจริงจังเลยว่าถ้าไม่มีโอเคจะต้องให้ทำยังไง แล้วถ้าพ่อออกไปข้างนอก พ่อไปคุยกับคนอื่นได้มั้ยอะไรแบบนี้ เบนซ์ก็สงสารเขานะ เราก็คุยกันจริงจังเลยว่า พ่อเข้าใจใช่มั้ยว่ามันเป็นแบบนี้ เขาก็บอกว่า พ่อเข้าใจ แต่พ่อไม่เข้าใจ (ยิ้ม) คือเขาเข้าใจในส่วนนี้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เหมือนเดิม เราก็เข้าใจเขาทุกอย่างเลย ก็คุยกันจริงจังว่ามันเป็นอย่างนี้ๆ แต่บ้านเบนซ์ดีอย่างคือคุยแล้วเคลียร์ คุยกันแล้วจบ”

เราแอบหวั่นมั้ยว่า ถ้าวันนึงเขาเกิดทำอย่างที่พูดจริงๆ?

“เอาจริงๆ ไม่หวั่นเลย เพราะเบนซ์ว่า เขารักลูกมากพอที่เขาจะไม่ทำอะไร คือเบนซ์รู้จักพี่มิคนะ พี่มิคเป็นคนที่รักครอบครัวและเขาก็รักลูก เบนซ์คิดว่าเขารู้แหละว่าอะไรทำได้ไม่ได้ และถ้ามันไม่โอเคก็คุยกัน เบนซ์เป็นอย่างนี้ประจำ ถ้าอันไหนที่เบนซ์รู้สึกว่ามันไม่โอเค ก็จะคุยเลย ซึ่งมันเป็นเรื่องดี บ้านเราไม่ค่อยตีกัน จะคุยกันแล้วเข้าใจ ก็คุยกันรู้เรื่องค่ะ รอไปก่อน (หัวเราะ)”

ตกลงแล้วจะจบที่ลูก 3 คนมั้ย?

“อยากให้จบมากเลยเนี่ย เบนซ์บอกให้เขาไปทำหมันนะ เพราะเราติดง่ายมาก ก็ไปทำหมันซะเพื่อความปลอดภัย พี่มิคพูดว่าก่อนจะให้กูไปทำหมัน มึงให้กูทำการบ้านก่อนมั้ย (หัวเราะ) มึงข้ามตรงนั้นไปเพื่อ คือมึงไม่มีวันมีลูกโอเคมั้ย จบนะ ไม่ต้องทำหมัน คุยกันก็นั่งหัวเราะกันอยู่สองคน ตกลงต้องทำหรือไม่ต้องทำก็คุยกันอยู่สองคน จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทำหมันเลย คุยกันอยู่ว่ารอตอนไหนดีถึงจะไปทำได้ (หัวเราะ)”

ตกลงยังไม่ปิดอู่?

“ปิดเถอะ 3 คนก็ไม่ไหวแล้ว ไม่มีตังค์จะเลี้ยงลูกแล้ว ถ้าท้องอีกต้องหยุดงานอีกนะ ก็ทำงานหาเงินก่อน ถ้าท้องอีกก็หยุดอีกยาวเลย คงไม่มีแล้วแหละ พอก่อน (หัวเราะ)”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2438795
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2438795