“เบนซ์-พรชิตา” ไร้อารมณ์กุ๊กกิ๊ก! สงสาร “มิค” ของขาด สามีหัวร้อนเลยไล่ทำหมัน


ให้คะแนน


แชร์

เริ่มจากการคัมแบ็กงานพิธีกรครั้งนี้?

“ดีใจที่ทางไทยรัฐทีวีติดต่อมาเพราะเบนซ์พูดกับพี่มิคตลอดว่าอยากทำพิธีกรก่อน เพราะละครเรายังไม่พร้อมใช้เวลาเยอะไป และรู้สึกว่าตอนนี้ฮอร์โมนเริ่มกลับมาปกติ ก่อนหน้านี้ความรู้สึกเรียบๆงงๆ ตอนนี้เริ่มเข้าที่ กลับมาร่าเริง สนุกสนาน บ่นพี่มิคเยอะขึ้น พร้อมรับรายการแล้ว และด้วยความที่รายการนี้เข้ากับเรา ดูสนุกสนาน มหาชน คุณป้าคุณลุงต่างจังหวัดเข้าถึงง่ายเรารู้สึกคิดถึง เป็นตัวเราเองจริงๆ รู้สึกว่าคนดูน่าจะคิดถึงเราบ้าง อาจจะจำเราได้จากรายการนี้อีกครั้งหนึ่งเพราะหายไปนานจริงๆ”

กลับมาครั้งนี้ดูมีชีวิตชีวาขึ้น?

“เบนซ์เริ่มจากเรื่องการแต่งตัวก่อนเลย เพราะก่อนหน้านี้ไม่แต่งตัวเลย ก็คือใส่เสื้อให้นม กางเกงขาสั้น หน้าก็ไม่แต่ง ไม่ซื้อเครื่องสำอางเลย ผมบางทีหงอกเต็มหัวไปหมด คือเราทำให้ลูกอย่างเดียว รู้สึกว่าตอนนั้นมันไม่ใช่เวลาของเรา พอหยุดให้นมไปสักพักนึงถึงจะเริ่มรู้สึกอยากแต่งตัว นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เบนซ์ซื้อเสื้อผ้า แต่มันไม่มีไซส์เรา พอเริ่มอยากสวยมันก็จะมีแรงบันดาลใจแบบเอาวะ จะผอมแล้วโว้ย ต้องใส่ชุดนี้ให้ได้ และเราก็เริ่มอยากกลับมา ทำงานจริงๆ ก็เลยตั้งใจจะลด แต่มันก็ไม่ง่ายนะ เพราะเราลดมาเยอะแล้วจาก 87 กก. ลงมาเรื่อยๆจนตอนนี้ 58 กก. แต่มันก็ยังไม่พอ เพราะเบนซ์ขึ้นเยอะมาก ยิ่งพอเราอายุ 40 ไปแล้วมีลูกแล้ว ความที่ตัวใหญ่มันลดยาก ซึ่งพี่มิคเป็นคนมีวินัย พอพูดว่าลดน้ำหนักปุ๊บ เค้าเข้ายิมเลยลงไป 10 กก. เบนซ์ก็อยากลดตั้งนานแล้วแหละ แต่ลดไม่ลง (หัวเราะ) แต่พี่มิคพอเห็นเบนซ์ตั้งใจก็เลยช่วย แต่เบนซ์ไม่ชอบวิ่งลู่วิ่งที่หันไปไม่เจอใคร มันไม่มีความสุข เราเป็นแนวไปแอโรบิก ไปพีลาทีส โยคะ แต่ ก็พยายามทานอาหารช่วงเวลาที่โอเค กินเช้าหลังส่งลูกไปโรงเรียน แล้วก็ยาวมาตอนช่วงบ่ายสองครึ่งช่วงไปรับปรางที่โรงเรียน เบนซ์ก็จะกินช่วงนี้อัดเข้าไปเลย พอตอนเย็นก็ไม่กินแล้ว ซึ่งมันก็ช่วยได้ และถ้าออกกำลังกายมันก็น่าจะดีกว่า (หัวเราะ)”

เค้าชมมั้ยว่าเราสวยสดใสขึ้น?

“เบนซ์ว่าเค้าแฮปปี้ที่เบนซ์แฮปปี้ เพราะก่อนหน้านี้ผู้หญิงพอมันไม่แต่งตัว หน้าก็ไม่แต่ง เยิน เมียคนที่เคยสวยมันไปไหนแล้ววะ (หัวเราะ) ก็สงสารนางอยู่นะ ตอนจีบก็ว่าสวย แต่ตอนนี้ทำไมเป็นอย่างนี้ เข้าใจเลยว่าตรรกะนี้คือเรื่องจริง เราต้องดูแลตัวเอง พอ ฮอร์โมนแม่ตรงนั้นมันหายไป เราก็เริ่มสนุกขึ้น ชวนเค้าไปทำนั่นทำนี่ คือเริ่มกลับไปเป็นเหมือนเดิม เริ่มต่อล้อต่อเถียง เริ่มเล่นมุกตลก พูดทะลึ่ง นางก็จะขำ บอกว่าเอาอิตัวนี้กลับมาได้มั้ย (ยิ้ม) ก็จริง เพราะตรงนี้เราหายไปเลย เพราะเมื่อก่อนเบนซ์ก็ตลกลามกทะลึ่งเล่นกันอยู่สองคน เค้าก็จะเฮฮา ทุกอย่างมันก็ดี และพอเห็นเค้ามีความสุข ลูก แฮปปี้ด้วย เราก็สดใส ชีวิตมันก็ดีจริง เบนซ์ว่าองค์ประกอบโดยรวมมันทำให้เราดูสดใสมันช่วยเยอะเลยแหละ”

พอเราสวยสดใสแบบนี้พี่มิคมีมาสะกิดบ้างมั้ย?

“สะกิดไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่นะ (หัวเราะ) เคยพูดกับพี่มิคว่าไม่รู้ว่าตอนที่หมอผ่าคลอด หมอเอาต่อมไปด้วยหรือเปล่า เพราะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ (หัวเราะ) สงสารนาง แต่อย่างน้อยก็ได้อยู่ด้วยกัน ได้สนใจเค้า อันนี้สำคัญนะ เพราะก่อนหน้านี้เค้าเคยพูดกับเบนซ์ว่าเค้าเหมือนเป็นธาตุอากาศอยู่ในบ้าน นางน่าสงสาร เรามัวแต่มองลูก นางก็น้อยใจ บอกว่ามิคจะไม่คุยด้วยแล้วนะ มิคจะไปคุยกับคนอื่นแล้วนะถ้ามิคมีปัญหา ห้ามโกรธนะ เพราะยูไม่ฟัง เพราะไม่เห็นเค้าเลย เราก็รู้สึกแย่นะ แต่ ก็อธิบายกับเค้าว่าก็ทำหน้าที่แม่อยู่ไง แต่พี่มิคเป็นคนโอเค ต้องบอกว่าเป็นพ่อที่ดีคนนึงเลยที่เข้าใจว่าโดยธรรมชาติเราไม่ใช่คนแบบนั้น”

ความกุ๊กกิ๊กสามีภรรยาไม่มีเลยเหรอ?

“ไม่มีเลย ศูนย์ ตอนนี้เบนซ์จะเริ่มแหย่เค้าแล้ว ถึงจะไม่ได้ทำการบ้าน แต่ก็จะแหย่นาง คือทำให้มันตลกๆ เบนซ์ว่าแค่นี้มันก็ดีแล้วนะ เราก็ให้ความสนใจเค้าเยอะขึ้น ล่าสุดไปดูหนังกัน 6 ปีไม่ได้ดูหนังกันเลยตั้งแต่คลอด เพิ่งไปดูหนังครั้งแรกด้วยกันสองคน ปกติไม่เคยไปไหนเลย กินข้าวยังไม่เคยไปกันเลยสองคน แต่ปริมร้องไห้จะเป็นจะตาย เหมือนแม่ออกไปแล้วจะไม่กลับมา (หัวเราะ) ก็ต้องบอกว่า ปริม แม่ไปดูหนังเดี๋ยวก็กลับมาแล้วลูก พ่อก็เครียด เค้าก็จะรู้สึกว่าเราไม่ได้ทำอะไรกันเลยจนลูกรู้สึกว่าเราไปไหนด้วยกันไม่ได้อีกแล้ว เราทำอะไรแล้วเหมือนเป็นความผิด เราก็เลยบอกว่าไม่ได้แล้วล่ะ ถ้าเราจะไปก็ต้องไป แล้วเดี๋ยวเค้าก็จะเข้าใจเองว่ามันเป็นเวลาที่พ่อแม่ต้องอยู่ด้วยกันบ้างนะ แค่นี้นางก็แฮปปี้แล้ว ยอมออกไปดูหนัง ยอมทิ้งลูกไปด้วย คือเค้า ก็จะรู้สึกว่าได้ทำอะไรที่เค้าอยากทำบ้าง เบนซ์ก็รู้สึกว่าดีนะ เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อนเบนซ์จะไม่ไป (หัวเราะ) ยูก็ไป คนเดียวก็ได้หรือไม่ก็ไปดูกับคนอื่นไปอะไรแบบนี้”

แต่บางคู่เรื่องกุ๊กกิ๊กของสามีภรรยาก็เห็นว่าสำคัญนะ?

“สำคัญ พี่มิคเค้าก็มีมาคุยแหละ เบนซ์แค่รู้สึกว่าบ้าน เบนซ์มันไม่มีจังหวะที่สามารถจะทำอะไรได้เลย มันเป็นบ้านที่คือห้องนอนแล้วห้องรับแขกเลย ทำอะไรไม่สะดวกเลยค่ะ เพราะเสียงลูกก็อยู่ใกล้ๆ ไม่มีความพอดี (หัวเราะ) แต่ก็คุยกันนะ ก็บอกเค้า พี่มิคเค้าก็โอเคนะ ความรู้สึกเค้าคือแค่ให้คุยกับเค้า สนใจเค้า รู้ว่าเค้าอยู่ตรงนี้นะ ถามเค้าหน่อยว่าเหนื่อยมั้ย กินอะไรมั้ย พี่มิคเค้าก็โอเคอยู่”

แสดงว่าเคยมีคุยกันจริงจังถึงปัญหาตรงนี้?

“มีค่ะ พี่มิคซีเรียสเลย คุยจริงจังเลยว่าถ้าไม่มีโอเคจะต้องให้ทำยังไง แล้วถ้าพ่อออไปข้างนอก พ่อไปคุยกับคนอื่นได้มั้ยอะไรแบบนี้ เบนซ์ก็สงสารเค้านะ เราก็คุยกันจริงจังเลยว่า พ่อเข้าใจใช่มั้ยว่ามันเป็นแบบนี้ เค้าก็บอกว่า พ่อเข้าใจ แต่พ่อไม่เข้าใจ (ยิ้ม) คือเค้าเข้าใจในส่วนนี้ แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เหมือนเดิม เราก็เข้าใจเค้าทุกอย่างเลย ก็คุยกันจริงจังว่ามันเป็นอย่างนี้ๆ แต่บ้านเบนซ์ดีอย่างคือคุยแล้วเคลียร์ คุยกันแล้วจบ”

เราแอบหวั่นมั้ยว่าถ้าวันนึงเค้าเกิดทำอย่างที่พูดจริงๆ?

“เอาจริงๆไม่หวั่นเลย เพราะเบนซ์ว่าเค้ารักลูกมากพอที่เค้าจะไม่ทำอะไร คือเบนซ์รู้จักพี่มิคนะ พี่มิคเป็นคนที่รักครอบครัวและก็รักลูก เบนซ์คิดว่าเค้ารู้แหละว่าอะไรทำได้ไม่ได้ และถ้ามันไม่โอเคก็คุยกัน เบนซ์เป็นอย่างนี้ประจำ ถ้าอันไหนที่เบนซ์รู้สึกว่ามันไม่โอเค ก็จะคุยเลย ซึ่งมันเป็นเรื่องดี บ้านเราไม่ค่อยตีกัน จะคุยกันแล้วเข้าใจ ก็คุยกันรู้เรื่องค่ะ รอไปก่อน (หัวเราะ)”

ตกลงแล้วจะจบที่ลูก 3 คนมั้ย?

“อยากให้จบมากเลยเนี่ย เบนซ์บอกให้เค้าไปทำหมันนะ เพราะเราติดง่ายมาก ก็ไปทำหมันซะเพื่อความปลอดภัย พี่มิคพูดว่าก่อนจะให้กูไปทำหมัน มึงให้กูทำการบ้านก่อนมั้ย (หัวเราะ) มึงข้ามตรงนั้นไปเพื่อ คือมึงไม่มีวันมีลูกโอเคมั้ย จบนะไม่ต้องทำหมัน คุยกันก็นั่งหัวเราะกันอยู่สองคน ตกลงต้องทำหรือไม่ต้องทำก็คุยกันอยู่สองคน จนตอนนี้ก็ยังไม่ได้ทำหมันเลย (หัวเราะ)”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2443867
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2443867