ฐิสา วริฏฐิสา สู้พิสูจน์ตัวเอง ลบคำสบประมาท ปมหน้าตาและฝีมือการแสดง


ให้คะแนน


แชร์

โลดแล่นสร้างผลงานให้แฟนๆ ได้มีความสุขมานานถึง 11 ปีแล้ว สำหรับนางเอกสาวสวย ฐิสา วริฏฐิสา ลิ้มธรรมมหิศร ที่ตอนนี้เธอขึ้นแท่นเป็นนางเอกแถวหน้าของช่อง 7 ไปแล้ว ด้วยฝีมือการแสดงที่ฐิสาตั้งใจจะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง 

และตอนนี้ ฐิสา กำลังมีผลงานละครออนแอร์เรียกเรตติ้งอยู่อย่างเรื่อง สายเลือดสองหัวใจ ที่เป็นการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งกับ มิกค์ ทองระย้า งานนี้บอกเลยว่าถูกใจแฟนละครเป็นที่สุด 

เพราะระยะเวลาที่ ฐิสา ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงมาถึง 11 ปี ซึ่งในช่วง 2-3 ปีแรกที่เธอก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง ต้องเจอคำสบประมาทเรื่องหน้าตาและการแสดงอยู่ไม่น้อย

ซึ่งต้องยอมรับว่าในช่วงนั้นฐิสาต้องพิสูจน์ตัวเองเป็นอย่างมากว่าเธอนั้นไม่ได้มีดีแค่ที่หน้าตา แต่ยังมีความตั้งใจในการที่จะทำงานในเส้นทางบันเทิงอีกด้วย 

ชีวิตเดินมาไกลกว่าที่คิด

วันนี้ เราเลยจะมาอัปเดตเรื่องราวชีวิตและให้ฐิสาเล่า ตลอดระยะเวลา 11 ปีในวงการบันเทิง ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ชีวิตโตขึ้น แฮปปี้ มีความสุข และมีจุดหมาย เป้าหมายอย่างไร ซึ่งฐิสาเล่าให้เราฟังว่า 

“สำหรับ 11 ปีในวงการบันเทิงมันก็นานมากๆ นะคะ ตอนนั้นมันก็มีหลายๆ ความรู้สึกปนๆ กันค่ะ ทั้งความรู้สึกสนุกกับการทำงาน หรือบางวันที่คิดว่าทำไมมันเหนื่อยขนาดนี้ เรียกว่าผ่านมาหมดแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกหมดแพชชั่น หมดไฟ เราก็ผ่านจุดนั้นมาแล้ว พอมาถึงตอนนี้ เรารู้สึกค่อนข้างจะอยู่กับปัจจุบันมากขึ้น สิ่งที่ผ่านมา เราก็ได้เรียนรู้มากขึ้นทุกอย่าง ไม่ใช่แค่เรื่องความรักนะคะ ทุกๆ เรื่อง

เรารู้สึกว่าเราคาดหวังน้อยลง คือทำแต่ละวันไปให้เรารู้สึกโอเคมากที่สุด กับโอกาสที่เราได้รับเราก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุดในแต่ละวัน”

จากนั้น เราถาม ฐิสา ต่อว่าแล้วจากนี้ไป ฐิสามีเป้าหมายชีวิตของตัวเองอย่างไร งานนี้นางเอกสาวสวยก็ได้บอกกับเราตรงๆ ว่า 

“บอกตรงๆ ว่าฐิสาไม่เคยตั้งเป้าหมายว่าจะต้องอยู่จุดนี้ ได้แบบนี้ หรือจะต้องอยู่แบบนี้ คือไม่เคยคิดว่าจะต้องเป็นแบบโน้นแบบนี้เลย คิดแค่ว่าถ้ายังมีโอกาสได้ทำงาน ถ้ายังมีคนอยากเห็นเราอยู่ เราก็อยากทำต่อไปเรื่อยๆ ให้เต็มที่ที่สุด กับสิ่งที่เราได้รับมา (ยิ้ม)

อยากบอกว่าทุกวันนี้ชีวิตของฐิสามาไกลเกินฝันมากกว่าค่ะ เพราะไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาทำงานตรงนี้ด้วยซ้ำ ในความเป็นตัวเองตั้งแต่ตอนเด็กถึงตอนนี้ ก็ไม่คิดว่าจะทำงานนี้ได้ตั้งแต่แรก

เพราะตัวตนของเราคือไม่ชอบเจอผู้คน ไม่ชอบการแสดงออกเลย แล้วพอได้มาทำงานตรงนี้ได้ ฐิสาว่าตัวเองมาไกลมากจริงๆ ค่ะ (ยิ้ม)”

ก่อนที่ ฐิสา จะเล่าย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เธอนั้นได้โอกาสเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงแรกๆ ให้ฟัง ด้วยรอยยิ้มเมื่อต้องเล่าถึงช่วงเวลาเป็นน้องใหม่ให้ฟัง

“ตอนที่ได้มาทำงานหน้ากล้องแรกๆ เวลาจะออกไปทำงานแต่ละครั้ง ต้องขึ้นเวที บอกเลยว่าใจเต้นเหมือนใจจะหลุดเลยค่ะ มือไม้สั่น

แต่อย่างที่บอกค่ะว่า ด้วยประสบการณ์ พอเราโตขึ้นเราก็เรียนรู้ ปรับตัวได้มากขึ้น อย่างทุกวันนี้เวลาที่ต้องไปทำงานแล้วเจอคนเยอะมากๆ เราก็ยังมีความตื่นเต้นอยู่เหมือนเดิมค่ะ (หัวเราะ)

เพียงแต่เราสามารถรับมือกับความรู้สึกนั้นได้มากขึ้น แก้สถานการณ์ด้วยการยิ้มไว้ก่อนค่ะ หรือไม่ก็มองไปไกลๆ ก่อน แล้วค่อยโฟกัส สิ่งสำคัญคือต้องมีสติด้วยนะคะ”

เรียกว่าจากความรู้สึก กล้าๆ กลัวๆ ในตอนแรกที่เข้ามาในวงการ วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้วใช่หรือไม่ ฐิสาหัวเราะและเล่าต่อว่า 

“เรียกว่ามันก็ทำให้เรารู้สึกว่าโตขึ้นเยอะนะ มีโอกาสที่ได้ทำงานตรงนี้ซึ่งคนที่ไม่มีโอกาสได้ทำงานตรงนี้อาจจะไม่รู้สึกเหมือนเรา ไม่ได้พบเจอในสิ่งที่เราได้พบเจอ ไม่ได้ลองทำในสิ่งที่เราได้ลองทำ

อย่างเล่นละครบู๊ เตะต่อย คือในชีวิตเราก็ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาวิ่งหนีระเบิดในป่า มันเป็นประสบการณ์ที่คนข้างนอกอาจจะหาไม่ได้ค่ะ (ยิ้ม)”

แต่ถ้าถามถึงเป้าหมายของการเป็นนักแสดง เราเป็นคนที่ไม่เคยคิดว่าจะต้องไปอยู่จุดนั้นจุดนี้ ถ้าข้างหน้ามีทางให้เราไป ก็จะไปต่อเท่านั้นเลยค่ะ ไม่คิดเยอะค่ะ”

หมดแพชชั่น

เพราะ ฐิสา ได้บอกเอาไว้ว่า เคยมีช่วงเวลาท้อหรือหมดไฟในการทำงาน มันเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วฐิสาทำให้ตัวเองกลับมามีแพชชั่นในการทำงานอีกครั้งได้อย่างไร นางเอกสาวเล่าให้เราฟังว่า 

“ช่วงที่ท้อหรือหมดไฟ มันจะมาเป็นช่วงๆ ค่ะ ต้องบอกว่าไม่ใช่แค่ชีวิตการทำงานของเราหรอก แต่น่าจะเป็นทุกคน คือมันก็จะมีช่วงที่รู้สึกว่า มันยากจังเลยที่จะผ่านไป

หรือมันก็คงจะต้องมีวันที่เจอกับปัญหาบ้างแหละในการทำงาน อาจจะพูดไม่ได้ว่าเรามีความสุขกับทุกวันจริงๆ มันต้องมีวันที่สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ปนๆ กันไป

มันอาจจะเป็นช่วงที่รู้สึกว่าปัญหามันเยอะจังเลย แล้วพอมันเกิดขึ้นก็คงจะเหนื่อย หรือท้อบ้าง แต่ถ้าให้บอกเป็นจุดคงบอกไม่ได้ว่าจุดไหน ส่วนตัวฐิสาเป็นคนที่ค่อนข้างเก็บความรู้สึกด้วย เป็นคนที่ไม่ค่อยพูดว่าอันนี้เราไม่โอเค”

ตอนที่ต้องเจอเรื่องที่เราไม่โอเค แรกๆ แน่นอนก็เสียใจ แต่ก็ต้องปล่อยให้มันผ่านไปคือไม่ใช่แค่เราคนเดียวหรอกที่เจอความรู้สึกแบบนี้

อย่างคำวิจารณ์ก็ไม่ใช่แค่เรา ที่เขาจะสามารถวิจารณ์เราได้ แต่เมื่อได้รับคำวิจารณ์มาก็จะเก็บมาทบทวนค่ะว่า เราเป็นอย่างนั้นมั้ย

ถ้าในเรื่องของการทำงาน ก็พร้อมที่จะปรับและพัฒนาต่อไป แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เป็นแบบนั้น ก็จะปล่อยผ่านไป จะไม่เก็บมาคิดให้ปวดหัว เพราะถ้าเก็บเอาไว้คนที่จะเสียใจก็คือตัวเราเอง ส่วนคนวิจารณ์คือเขาวิจารณ์แล้วผ่านไป แต่ก็ยังไม่มีคำวิจารณ์ไหนที่ทำให้ฐิสารู้สึกว่าไม่ไหวนะคะ”

เมื่อมันมีช่วงที่ท้อ และหมดไฟ แล้วเคยมีความรู้สึกที่ทำให้ ฐิสา ไม่อยากไปต่อในวงการบันเทิงบ้างหรือเปล่า ซึ่งนางเอกสาวก็บอกเราว่า 

“ถ้าความรู้สึกที่ไม่อยากไปต่อ ยังไม่เคยมีขนาดนั้นนะคะ หรืออาจจะเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ตามอ่านทุกอย่างมาก อย่างเวลามีผลงานเราก็ตามอ่านฟีดแบ็กบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับอ่านทุกเม็ด ดังนั้นเลยเป็นแบบเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง”

กำลังใจของฐิสา 

จากเมื่อก่อนมักจะได้รับคำวิจารณ์ในทางลบเยอะๆ พอวันที่ฐิสาได้รับคำชมมากขึ้น ด้วยฝีมือที่พัฒนาขึ้น และความเข้าใจในการทำงาน มันให้กำลังใจฐิสาอย่างไรบ้าง นางเอกสาวบอกกับเราว่า 

“มันก็เหมือนเป็นอีกกำลังใจหนึ่งแล้วกันนะคะ ในการทำงานต่อไป คือในทุกงานเราตั้งใจอยู่แล้วล่ะ อยากให้ออกมาดี แต่ผลตอบรับหลังจากที่ออกมามันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เรามองว่าได้ใช้ใจทำ ตั้งใจไปแล้ว เพราะทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราคนเดียว มันขึ้นอยู่กับภาพรวมหลายๆ อย่างมาก ไม่ว่าจะออกมาอย่างไร คือเราได้ตั้งใจไปแล้ว ถ้าฟีดแบ็กที่กลับมาดี ก็เหมือนกำลังใจให้เราทำงานต่อไป

เราไม่ได้คาดหวังว่า แบบเรื่องนี้จะต้องได้เรตติ้งเท่านี้นะ แม้กระทั่ง สายเลือดสองหัวใจ ที่กำลังออกอากาศอยู่ ก็ไม่ได้คิดว่าผลจะต้องออกมาอย่างนั้นอย่างนี้นะ สิ่งที่รู้สึกคือ อยากให้คนดู ดูแล้วชอบละครเรื่องนี้มากกว่า ชอบในสิ่งที่เราได้ทุ่มเทไปมากกว่าค่ะ (ยิ้ม)”

ถ้าให้ฐิสาพูดถึงการทำงานของตัวเอง จากวันแรกที่อาจจะเจอกับคำวิจารณ์ จนมาถึงวันนี้ คิดว่าตัวเองทำมันได้ดีมากน้อยไหน ฐิสา ตอบคำถามนี้ของเราว่า 

“เหมือนแต่ละงานฐิสาก็ตั้งใจเต็มที่อยู่แล้ว พอผลออกมาก็จะคิดเสมอว่าเราได้เต็มที่ไปแล้วตอนที่ทำงาน ดังนั้นผลที่ออกมาถ้ามีส่วนไหนที่เรายังสามารถพัฒนา หรือปรับปรุงได้อีกเราก็จะทำค่ะ

อย่างการทำงานในตอนนี้ ก่อนการทำงานเราก็จะมีเวิร์กชอปกัน เรามองว่าการทำการบ้านของการทำงานละครเราหนักขึ้น มีการพูดคุยกับทั้งตัวละครที่เราต้องเล่น กับผู้กำกับ ภาพรวมของทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

สมัยเราเด็กๆ ตอนนั้นฐิสาอาจจะยังไม่เข้าใจ ยังทำการบ้านไม่เป็น แต่พอฐิสาโตขึ้น ก็เข้าใจมากขึ้น ปรับตัวได้มากขึ้นค่ะ (ยิ้ม)”

นางเอกรุ่นพี่ 

ตอนนี้ได้มาเป็นนางเอกรุ่นพี่ของช่อง 7 แล้ว ความรู้สึกกดดันมากน้อยแค่ไหน ต้องปรับตัวอย่างไรบ้างหรือเปล่าในวันนี้ที่เป็นพี่ มีน้องๆ เข้ามายกมือไหว้ ฐิสาหัวเราะและตอบเราว่า 

“ไม่ได้รู้สึกว่ากดดันค่ะ รู้สึกว่า แก่ แค่นั้นเลย (หัวเราะ) จริงๆ มันเป็นเรื่องปกตินะคะ คือเอาจริงๆ ในปีหนึ่งๆ ก็จะมีคนใหม่ๆ เข้ามา หรือมีบางคนที่เฟดออกไป มันเป็นเรื่องปกติของวงการนี้อยู่แล้ว

และไม่ใช่แค่ในวงการนี้ค่ะ ทุกอาชีพมันก็จะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว เราไม่ได้เอามาคิดมากหรือกดดันหรอก จะรู้สึกแค่ตอนที่เด็กๆ มาไหว้มากกว่า แบบ สวัสดีค่ะ พี่ฐิสา เราก็จะรู้สึกว่า แต่ก่อนเราที่ไหว้คนอื่น แต่ตอนนี้น้องๆ มาไหว้เราเท่านั้นเลย (หัวเราะ)”

โตแล้วเซ็กซี่ได้

และ ฐิสา เองนั้นต้องเข้าวงการตั้งแต่อายุน้อยๆ และเมื่อเวลาผ่านไป จากเด็กสาวก็ได้เติบโตเป็นสาวเต็มตัว ซึ่งอาจจะมีการเปลี่ยนแนวการแต่งตัว ดูเซ็กซี่ขึ้น งานนี้นางเอกสาวยิ้มและตอบเราว่า 

“อาจจะเป็นไปตามวัยด้วยค่ะ แต่ถ้าไลฟ์สไตล์ปกติก็จะเหมือนเดิมค่ะ คือแต่งตัวชิลๆ เรียบง่ายอยู่แล้ว พวกเสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ คือชอบแต่งตัวแล้วคล่องตัวมากกว่า เราเป็นคนลุยๆ มากกว่า

แต่ถ้าในมุมของการทำงาน เราก็ดูความเหมาะสมตามวาระโอกาสมากกว่าค่ะ ไม่ได้ที่จะเปลี่ยน แบบจะต้องเซ็กซี่เลย แต่ในยุคนี้ฐิสามองว่าหลายๆ คนเริ่มจะเปิดใจกับการแต่งกายมากขึ้น มันก็อาจจะกล้าแต่งอะไรได้มากขึ้น

คนภายนอกอาจจะติดภาพว่าฐิสาเป็นคนเรียบร้อย ซึ่งอาจจะเรียบร้อยแต่ไม่ได้เรียบร้อยใช่มั้ยคะ (หัวเราะ) คือไม่อยากนิยามตัวเองเลยว่าเรียบร้อย เพราะเราก็ไม่ใช่คนเรียบร้อย แต่ว่าเป็นคนนิ่งๆ เรียบๆ มากกว่า เรียบร้อยแบบเรียบร้อย ไม่ใช่ค่ะ คือเราเป็นคนกลางๆ มากกว่า”

ถามว่าฐิสามีความเซ็กซี่เพิ่มขึ้น จริงๆ อย่างไปทะเล ฐิสาก็ใส่ชุดว่ายน้ำนะ เพียงแต่ถ่ายแล้วเก็บไว้ดูคนเดียว หรือเพื่อนที่ไปด้วยกันได้ดูเท่านั้นแหละ (หัวเราะ)

ก็มีบ้างค่ะที่ลงรูป แต่ก็จะมีลิมิตของตัวเอง อีกอย่างคือยังไม่กล้าพอที่จะลง แต่เราไม่เคยเอาไปเปรียบเทียบกับคนอื่นนะคะ ต้องบอกว่าเป็นความสบายใจของแต่ละคน

และฐิสาไม่ได้กังวลเรื่องฟีดแบ็กที่จะกลับมานะคะ แต่กังวลแค่ว่า รูปนั้นสวยมั้ยเท่านั้นเลย (หัวเราะ) สำหรับในอนาคตอาจจะมีค่ะ อยู่ที่ตอนนั้นเรามั่นใจที่จะลงแล้วมั้ย ถ้ามั่นใจก็อาจจะลงค่ะ (ยิ้ม)

จากนั้น ฐิสา ยอมรับแบบเขินๆ ว่าตัวเองนั้นชอบซื้อชุดว่ายน้ำ ไปทะเลก็จะเอาชุดว่ายน้ำไปทุกรอบ ทูพีซก็มีทุกรอบ และเธอก็ใส่จริงๆ แต่จะมีแค่เพื่อนๆ ที่ไปด้วยเท่านั้นที่จะได้เห็น

ผลงานเรื่องล่าสุด 

สำหรับละครเรื่องล่าสุดของ ฐิสา อย่างเรื่อง สายเลือดสองหัวใจ เราอยากให้ฐิสาเล่าถึงการทำงานเรื่องนี้ให้ได้ฟังว่าสนุกและท้าทายตัวเองมากแค่ไหน ซึ่งฐิสาก็เล่าให้ฟังว่า 

“สำหรับสายเลือดสองหัวใจนะคะ ใครที่เป็นแฟนละครแนวสืบสวนสอบสวนน่าจะชอบค่ะ เพราะเรื่องนี้จะมีไฮไลต์คือการตามหาฆาตกรตัวจริง และจะมีการพลิกไปพลิกมาให้คนดูคอยลุ้นว่า

สุดท้ายแล้วฆาตกรตัวจริงคือใครกันแน่ นอกจากแนวนี้ก็ยังมีเรื่องความรักขอคู่พระนาง ให้ได้ลุ้นอีก เพราะพระเอกเป็นฝาแฝดใช่มั้ยคะ

คนดูจะลุ้นว่า ใครจะคู่กับโจ หรือ เจ (มิกค์ ทองระย้า) มีหลายๆ พาร์ตรวมกันให้คนดูได้ติดตาม นอกจากเรื่องของการสืบสวนสอบสวน

ในส่วนของการแสดงเรื่องนี้ค่อนข้างยากเลยค่ะ ด้วยความที่เรื่องมีตัวละครแฝด ดังนั้นการทำงานจะมากกว่าปกติเป็น 2 เท่า เพราะเราต้องเล่น 2 รอบ ไม่ใช่แค่ตัวแฝดนะคะ รวมถึงนักแสดงร่วมที่ต้องเล่นกับแฝดด้วย

คือเราต้องเล่นกับ 2 ตัวละครจะมีความยากทั้งการแสดง ทีมงานการถ่ายทำก็ยากค่ะ มันเลยจะใช้เวลานานกว่าปกติ แล้วยิ่งในเรื่องเป็นแนวสืบสวนสอบสวน ที่ค่อนข้างละเอียด เรียกได้ว่าให้เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจริงๆ เข้ามาสอนวิธีการทำงานอย่างไรให้ถูกต้องมากที่สุด ก็เลยจะยากตรงนี้ค่ะ

ส่วนการที่ได้กลับมาร่วมงานกับ มิกค์ ทองระย้า เป็นการทำงานที่ง่ายเลยค่ะ พอรู้ว่าเป็นมิกค์ คือสนิทกันมากอยู่แล้ว พอมาเป็นในเรื่องของการทำงาน เราก็จูนกันง่าย จะเล่นฉากยากๆ ก็จูนกันได้เร็ว บางทีมีฉากที่เรารู้สึกว่าจะต้องตกลงกันก่อน คุยกันก่อน พอมาถ่ายกับเพื่อนสนิทก็เลยง่าย

ส่วนฉากกุ๊กกิ๊กในเรื่องมีเยอะมั้ย เรื่องนี้อาจจะไม่ได้มีฉากเลิฟซีนอะไรมาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีฉากกุ๊กกิ๊กให้คุณผู้ชมได้ฟินนะคะ มีค่ะ ถามว่าเข้ากับมิกค์ยากมั้ย ไม่ยากค่ะ เพราะพอเราสนิทเราก็เลยจะสบายใจที่จะเล่น”

และต้องยอมรับว่า ตอนนี้คนกลับมาจิ้นคู่ฐิสากับมิกค์อีกครั้ง รู้สึกอย่างไรบ้าง แอบกดดันมั้ยที่โดนจับจิ้น และมีบางคนอยากให้เป็นคู่จริงนอกจอด้วย งานนี้ ฐิสา ตอบว่า 

“ต้องขอบคุณแฟนๆ ค่ะ ที่ยังติดตามกัน ต้องบอกว่าที่เขาจิ้นกันเนี่ยต้องขอบคุณมากๆ เลย เพราะก่อนหน้านี้ถึงแม้ว่าเราจะเคยเล่นละครมาด้วยกันก็จริง แต่ก็ไม่ได้เล่นคู่กันนะคะ แล้วเราก็ห่างหายกันมานานมากๆ พอเรื่องนี้ได้มาคู่กัน ต้องขอบคุณแฟนๆ ที่เขายังติดตาม และซัพพอร์ตอยู่ค่ะ”

ก่อนที่ ฐิสา จะชวนแฟนๆ ละคร สายเลือดสองหัวใจ ให้ติดตามชมละครทุกตอนอย่างต่อเนื่อง เพราะเนื้อเรื่องก็สนุกเข้มข้น 

เรื่องฝาแฝดมีความแตกต่าง เรื่อง CG ตัดต่อที่ดูค่อนข้างเนียน เหมือนมิกค์เป็นคนละคนกันจริงๆ นักแสดงทุกคนและทีมงานตั้งใจและเต็มที่กับละครเรื่องนี้เพื่อมอบความสนุกให้แฟนๆ ละครของช่อง 7 ที่น่ารักของพวกเราค่ะ”  

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

กราฟิก : Sathit Chuephanngam, Chonticha Pinijrob

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2446678
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2446678