ทนายตั้ม โต้ค่ายเพลงกรณี พอร์ส Yes Indeed มาวัดกันใครแม่นข้อกฎหมายกว่า


ให้คะแนน


แชร์

แต่หลังจากนั้นค่ายเพลง EXP Entertainment ได้แต่งตั้ง ทนายนิด้า ศรัณยา หวังสุขเจริญ เป็นทนายความคดีนี้ และได้แถลงข่าวชี้แจงถึงเรื่องนี้เช่นกัน ก่อนจะส่งหนังสือชี้แจงอีกครั้งผ่านทางเฟซบุ๊ก ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้

“จากกรณีข่าว “บิดาของนายนรากร อิสระวรางกูร” หรือ “พอร์ส” ได้จัดทำหนังสือบอกเลิกความยินยอมในการที่ “พอร์ส” เซ็นสัญญาเป็นศิลปินในสังกัด

บริษัท เอ็กซ์พีเรียนซ์ เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ขอเรียนชี้แจงให้ทุกท่านทราบว่า บริษัทได้ทำสัญญาจ้างขับร้องและนักแสดงกับ พอร์ส นรากร โดยได้รับความยินยอมจากบิดาโดยถูกต้องตามกฎหมายแล้ว สัญญาดังกล่าวมีผลสมบูรณ์ และไม่สามารถบอกล้างอีกได้นับตั้งแต่บิดาได้ให้สัตยาบันในการทำสัญญาโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว

บริษัทขอยืนยันว่า บริษัทมิได้ปฏิบัติผิดสัญญาหรือกระทำการใดอันเป็นการขัดขวางการเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน หรือทำให้นายนรากรได้รับความเสื่อมเสียตามที่อีกฝ่ายหนึ่งได้กล่าวอ้างแต่ประการใด สัญญาจ้างขับร้องเพลงและนักแสดงระหว่างบริษัทกับ พอร์ส นรากร จึงมีผลผูกพันนับแต่วันที่ 11 มิถุนายน 2564 จนถึงวันที่ 11 มิถุนายน 2567 ซึ่งเป็นระยะเวลาตามที่ระบุไว้ในสัญญา การบอกเลิกสัญญาของบิดาของพอร์ส นรากร จึงไม่มีผลตามกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ปฏิเสธการบอกเลิกการให้ความยินยอมดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ดังนั้น บริษัทจึงจัดทำประกาศฉบับนี้ขึ้นเพื่อยืนยันที่จะยึดถือสิทธิและหน้าที่ตามสัญญาที่ได้กระทำไว้กับ พอร์ส นรากร นับแต่วันเริ่มทำสัญญาจนถึงวันที่สิ้นสุดระยะเวลาตามสัญญาทุกประการ

บริษัทขอยืนยันในปณิธานและแนวทางการดำเนินงานของบริษัท ที่ตั้งใจจะสร้างสรรค์ผลงาน สนับสนุนศิลปินในทุกๆ ด้าน และปฏิบัติตามสัญญาอย่างยุติธรรมมาตลอด

อนึ่ง หากผู้จัดงานหรือผู้ว่าจ้างประสงค์จะจ้างพอร์ส นรากร ซึ่งเป็นศิลปินในสังกัดของบริษัท ทางบริษัทขอแจ้งให้ท่านติดต่อว่าจ้างผ่านทางบริษัทเท่านั้น หากบริษัทพบว่ามีการกระทำใดเป็นการละเมิดและอาจก่อให้บริษัทได้รับความเสียหาย ทางบริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

ด้วยความเคารพอย่างสูง
บริษัท เอ็กซ์พีเรียนซ์ เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด”

ล่าสุด ทนายตั้ม ษิทรา ก็ได้โพสต์ข้อความตอบโต้ค่ายเพลงดังกล่าว โดยบอกว่า “เอกสารฉบับนี้ไม่มีผลแล้วครับ เพราะน้องพอร์สได้บอกเลิกสัญญาและบิดาได้บอกเลิกการให้ความยินยอมที่เคยให้ไปแล้ว จึงถือว่าในเบื้องต้นสัญญาสิ้นสุดลงแล้ว และคู่สัญญาไม่มีพันธะใดๆ ต่อกันอีกแล้ว

หากค่ายต้องการบังคับตามสัญญา จึงมีทางเดียว คือ ต้องนำคดีไปยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อใช้อำนาจเท่านั้นนะครับ ดังนั้น ณ ปัจจุบันน้องพอร์สสามารถรับงานเองโดยอิสระได้ และบุคคลภายนอกที่จ้างน้องพอร์สก็จ้างต่อไปได้โดยถือเอาเหตุยกเลิกสัญญาของน้องพอร์สเป็นที่ตั้งครับ

ป.ล.ไม่ใช่การบอกเลิกสัญญากันง่ายๆ อย่างที่บางคนเข้าใจ กรณีนี้คือการที่ผู้เยาว์ทำสัญญาแล้วเสียเปรียบ ผู้ปกครองแม้จะเคยให้ความยินยอมแล้วก็สามารถบอกเลิกการให้ความยินยอมได้ เพราะกฎหมายมุ่งคุ้มครองไม่ให้ผู้ใหญ่เอาเปรียบเด็ก และสามารถบอกเลิกได้ฝ่ายเดียวโดยไม่ต้องให้อีกฝ่ายตกลงก่อน ถ้าค่ายมั่นใจว่าสัญญาที่ทำกับน้องพอร์สไม่เป็นการเอาเปรียบเด็ก ผมขอท้าให้เปิดสัญญา และหากข้องใจในเรื่องกฎหมายก็ฟ้องมาได้เลย ผมพร้อมเสมอ จะได้วัดกันว่าใครแม่นข้อกฎหมายกว่ากัน!!”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2457386
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2457386