เอ็ม อภินันท์ รถเกือบตกเขาที่ญี่ปุ่น ระทึก ติดอยู่กลางป่ากับครอบครัว


ให้คะแนน


แชร์

เอ็ม อภินันท์ รถเกือบตกเขาที่ญี่ปุ่น ระทึก ติดอยู่กลางป่ากับครอบครัว แทบกุมขมับ ลั่น เสียใจ ประกันห่วงรถ มากกว่าคน 7 ชีวิต

ทริปญี่ปุ่นกับครอบครัวที่แสนจะระทึก สำหรับครอบครัวของ เอ็ม อภินันท์ ประเสริฐวัฒนกุล ที่เดินทางไปเที่ยวต่างแดน เช่ารถขับชมวิว แต่แล้วเกิดเจอเรื่องราวไม่คาดคิด ด้วยสภาพอากาศที่ควบคุมไม่ได้ หิมะตกหนัก จึงทำให้รถเสียหลัก ต้องจอดรถกลางทาง

โดย เอ็ม อภินันท์ เล่าว่า “ขอแอบแชร์ประสบการณ์กับทุกคนนะครับ เมื่อเรามาญี่ปุ่น และเจอสถานการณ์หิมะตกอย่างหนัก จึงทำให้ถนนลื่น รถเสียหลักไถลไปชนราวกันตกที่ขอบถนน รถบุบนิดหน่อย แต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก ขับต่อได้สบาย (และเราก็ซื้อประกันไว้แล้วด้วย) เราเลยไปเที่ยวกันต่อ

แต่ว่า…พอขากลับ หลังจากที่หิมะตกติดต่อกันหลายชั่วโมง หิมะบนถนนก็เริ่มแข็งตัว จากหิมะที่คลุมเต็มถนนเลยกลายเป็นถูกเคลือบไปด้วยแผ่นน้ำแข็งแทน ทีนี้หล่ะ พอขับไปขับมาสักพัก รถก็เริ่มควบคุมไม่ได้ หมุน 180 องศา แล้วก็มาจอดข้างทางของอีกฝั่งแบบพอดีเป๊ะ ข้างทางก็เป็นเหวอีกต่างหาก

โชคดีที่รถหยุดเองทั้งๆ ที่ไม่ได้แตะฟุตบาทเลย ไม่งั้น…อาจจะตกเขาไปแล้วก็ได้ ตอนนั้นนะ บทสวดมนต์ต่างๆ นี่ มาเป็นชุดเลยจ๊ะ ทีนี้ก็เลยโทรหากู้ภัย กู้ภัยคุยอังกฤษไม่ได้ โทรหาตำรวจ ซักพักตำรวจก็มา แต่ตอนนั้นตำรวจก็ทำอะไรมากไม่ได้ เราต้องโทรหาบริษัทรถเช่า และโทรหาประกันเอง ดูว่าเค้าจะว่ายังไง ก็โทรไปเรื่อยๆๆๆ…

จากที่คิดว่าไม่มีอะไรมาก แค่เอารถมาลาก หรือยกไป หรือหาโซ่มาใส่ล้อให้ แค่นั้นก็จบ ที่ไหนได้ มันไปวุ่นตรงที่ว่า รถมันมีรอยชน เค้าเลยไม่เชื่อว่าเราจะไม่มีคู่กรณี คงจะกลัวว่าเราจะชนแล้วหนีมาอะไรประมาณนั้นหล่ะมั้ง เราก็พยายามบอกว่า เรื่องนั้นหน่ะเอาไว้ก่อนมั้ย พาพวกเราที่ติดอยู่กลางป่ากลางเขา หิมะล้อมรอบตัว ออกไปก่อนได้มั้ย ค่อยไปเคลียร์กันอีกทีข้างล่างในเมืองก็ได้….

ในระหว่างรอประกันทำเรื่อง ตำรวจก็ช่วยเรียกรถลากมาให้ก่อน รถลากมามองๆ ดูแล้วก็กลับไป ซักพักประกันโทรมาบอกว่า รถลากบอกว่าลากไม่ได้ เพราะหิมะเยอะเกินไป เพราะฉะนั้นพวกเราต้องหาทางเอารถกลับไปเอง เราก็เลยขอกลับลงไปกับตำรวจแล้วทิ้งรถไว้ได้มั้ย ประกันก็ไม่ยอม นางบอกว่ารถตำรวจไม่ใช่ taxi และสถานีตำรวจไม่ใช่โรงแรม

เฮ้ยยยย ไม่ได้จะไปนอนที่นั่นซะหน่อย เรามีที่พักแล้ว พูดเท่าไหร่ก็ไม่ยอมฟัง พูดซ้ำๆ อยู่อย่างเดียวว่าเราต้องเฝ้ารถไปเรื่อยๆ ทั้งคืน จนกว่าหิมะจะละลาย แล้วค่อยเอารถไปคืน บอกว่าเรามีเด็กเล็ก นางก็ไม่ยอม!!!! โอ้ยยยย นี่มันกลางป่า หิมะตก และอุณหภูมิ 0 องศานะเฟ้ยยยยย

พอประกันพูดว่าต้องเฝ้ารถทั้งคืนจบปุ๊บ สาวน้อยทั้งสองของเราก็ร้องไห้จ้าาาเลย เด็กๆ ก็กลัวอ่ะนะ ก็แน่สิ นั่งรออยู่บนรถมา 3 ชั่วโมง จากสว่างยันมืด แถมอยู่กลางป่ากลางเขาแบบนี้…..สุดท้ายตำรวจก็เห็นใจ ยอมพาพวกเราลงมาส่งในเมือง ซึ่งดูเหมือนจะหักหน้าเจ๊ประกันคนนั้นด้วย เพราะตอนหลังนางโทรกลับมาบ่นว่า ดีนะที่ตำรวจช่วยเรา ทั้งๆ ที่ไม่ควรต้องช่วย

เราต้องขอบคุณตำรวจให้มากๆ นะจ้าาาาา แม่คู้ณณณ เราอ่ะซาบซึ้งในความช่วยเหลือของคุณตำรวจมากๆ อยู่แล้ว มาอยู่ด้วยตลอด 3-4 ชั่วโมง ไม่ไปไหนเลย คุยกันก็ไม่รู้เรื่อง ก็พยายามกันสุดชีวิต ดีที่ระหว่างนั้นยังมีเซนเซปาล์ม @palm_instinct คอยช่วยเป็นล่ามข้ามประเทศให้ ไม่งั้นคงวุ่นกว่านี้อีกหลายเท่า

สรุป ความช่วยเหลือทั้งหมดนี้มันควรจะเกิดขึ้นทันทีที่ตำรวจมาถึงด้วยซ้ำ เรื่องมันจะจบภายในครึ่งชั่วโมงแรกเลยแหล่ะ ถ้าเจ๊ประกันไม่ห่วงรถ มากกว่าห่วงคน ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเค้าจะเห็นว่ารถคันนึงมันมีค่ามากกว่าชีวิตคน 7 คน แอบเสียความรู้สึกมากมาย”

ด้านคนบันเทิงรวมถึงชาวโซเชียลต่างเห็นใจ อ่านไปลุ้นไป บางคนที่เคยเจอเหตุการณ์คล้ายๆ กัน ก็ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์ของตนเอง อีกทั้งคอมเมนต์ให้กำลังใจ “เข้าใจเลย พระคุ้มครองให้ทุกคนปลอดภัยนะคะ” , “หิมะถ้ากลายเป็นน้ำแข็งนี่ลื่นสุดๆ เดินยังต้องระวังค่อยๆ ย่องเอา ถ้ายังเป็นหิมะก็จะเดินได้แบบนุ่มๆ คนไม่เป็นอะไรก็ดีมากแล้วค่า” , “เจ้ประกันทำให้ความน่ารักของคนญี่ปุ่นในสายตาเราลดลงไปเลย” , “งืออออ ไม่เป็นไรคือโชคดีมากแล้ว”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7534547
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_7534547