“จูเนียร์-ฟลุ๊คจ์” กอดคอเม้าท์ “คุณได้ไปต่อ” ฟินทุกเม็ด เลิฟซีนปากเปื่อยทุกอีพี


ให้คะแนน


แชร์

สาดความจิ้นให้มันหมีได้ฟินจิกหมอนมาทุกอีพี สำหรับ จูเนียร์-กาจบัณฑิต ใจดี และ ฟลุ๊คจ์-พงศภัทร์ กันคำ ในซีรีส์แนวโรแมนติก-ดราม่าเรื่อง “คุณได้ไปต่อ” (To be continued) ทางช่อง 3 ที่เดินทางมาถึงครึ่งเรื่องแล้ว เลยต้องชวน 2 หนุ่มหล่อที่กินกันไม่ลง ระหว่าง จูเนียร์-ฟลุ๊คจ์ ที่กลายเป็นเพื่อนสนิทซี้ปึ้ก มาเม้าท์มอย ผลัดกันยิงมุก ผลัดกันแซวกันยับ

เริ่มจากเรื่องนี้ฟลุ๊คจ์เล่นกับจูเนียร์ครั้งแรก ตอนแรกที่มองภาพเค้าเป็นยังไงในสายตาของเรา

ฟลุ๊คจ์ “เจอกันวันแรกเป็นวันแคสติ้งเลย พอเจอหน้าเค้าทำหน้าเก๊กอยู่ ไม่รู้แอ็กอะไร มีคิดแวบตอนแรกคิดเหมือนกันว่าเราจะเข้ากันไม่ได้ เค้ามาแนวนิ่งๆ ตัวใหญ่ๆ”

จูเนียร์ “วันนั้นผมมาเต็มมาก ทั้งชุดหน้าผมเลย แล้วผมเคยผ่านการเข้าห้องแคสห้องนี้มาก่อน ก็อ่อๆคนนี้เหรอที่มาแคส (หันไปมองหน้าฟลุ๊คจ์ด้วยสายตาจิกๆ)”

ฟลุ๊คจ์ถึงขั้นพูดลอยๆ

“ขออนุญาตถีบเก้าอี้จูเนียร์ได้มั้ย (หัวเราะ)”

มีการทำลายกำแพงทำให้สนิทกันได้อย่างรวดเร็ว

ฟลุ๊คจ์ “มันเร็วมาก พอรู้อายุเท่ากัน นิสัยคล้ายๆกันมันแป๊บเดียวเอง เวิร์กช็อป คุยกันทีสองทีก็สนิทกันแล้ว”

ฉากต้นเรื่องเลยเราได้ใส่ชุดนักเรียนด้วย มันทำให้ความทรงจำเก่าๆผุดออกมายังไงบ้าง

ฟลุ๊คจ์ “มีครับ จะเป็นซีนที่ลงเขา ผมนึกถึงบรรยากาศขับมอเตอร์ไซค์ไปเที่ยวกับเพื่อนน้ำตก มันนึกถึงตอนนั้นครับ”

จูเนียร์ “ผมไม่มีอย่างนั้น ไม่มีน้ำตก จะนึกถึงโดดเรียน ไปเตะบอลพลาสติก คือในเรื่องการเตะบอลด้วยเลยทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์นั้นขึ้นมา”

ฟลุ๊คจ์ได้ทีขยี้ต่อ

“ที่โดดเรียน ครูอะไรนะ”

จู รีบแก้ตัว “ในเรื่อง (หัวเราะ)”

กับซีนใส่ชุดนักเรียนแถมเป็นกางเกงขาสั้นด้วยเขินมั้ย

ฟลุ๊คจ์ “หน้าผมก็ได้ด้วยครับ (หัวเราะ) ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าหน้าผมจะได้หรือเปล่า แถมโดนแซว ฟลุ๊คจ์ตอนใส่หมวกกันน็อก หน้าผมจะเหมือนเข็มหมุดที่ปัก GPS หัวแหลมๆกลมๆทรงนั้นเลย”

จูเนียร์ “ส่วนของผม ใส่หมวกกันน็อกจะเป็นแปะยิ้มครับ”

เล่นเรื่องนี้คาแรกเตอร์ไหนมันยากสุด

ฟลุ๊คจ์ “ของผมจะเป็นบทหมอนี่แหละครับ มันยากด้วยศัพท์แพทย์ด้วย ความรู้สึกด้วย เวลาจะต้องแจ้งข่าวโรคร้ายๆหรือสูญเสีย รู้สึกมันยาก อธิบายไม่ถูก เวลาใส่เสื้อกาวน์ รู้สึกมือเย็นครับ ทำอะไรไม่ถูก ถึงขั้นถามต้องก้าวขาข้างไหนก่อน ต้องถือแฟ้มคนไข้ยังไง เป็นบทไกลตัวไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่”

กระแสซีรีส์ปังมีแฟนๆพร้อมเป็นคนป่วยอยากมาหาคุณหมอจิกัน

ฟลุ๊คจ์ “ครับ มีหาข้อ อ้างลางานมาหาหมอเป็นแถวเลย (หัวเราะ) อ่านแล้วสนุกดี คิดได้ไง เราจะทำคนอื่นเสียคนหรือเปล่านะ”

จูเนียร์ “ก็มีซีนดราม่าบางอันเพราะดราม่าแต่ละอันไม่เหมือนกัน บางอันเราไม่เคยสัมผัสอย่างเช่น คนที่เราชอบแต่เขาทิ้งของเราไป เราต้องรู้สึกเสียใจ ขนาดไหน เราต้องเศร้าเบอร์ไหน ยากตรงดราม่ามาก”

กับฉากเลิฟซีนผ่านฉลุยกันเลยใช่มั้ย

จูเนียร์ “สนุกครับ บรรยากาศกองสนุกมาก”

ฟลุ๊คจ์ “ใช่ๆ มันไม่ได้เครียดอะไร ไม่ต้องทำให้ได้ขนาดนั้น จูบกันทั้งเรื่อง จูบปากเปื่อยอยู่นะ (หัวเราะ) มีซีนนึงถ่ายที่เชียงใหม่ เมนูคั่วกลิ้งแต่เช้าเลย แล้วอยู่บนดอยไม่มีห้องน้ำให้แปรงฟันด้วย”

ถือว่าเป็นเลิฟซีนเผ็ดแซ่บของแทร่เลยสิ

ฟลุ๊คจ์ “ใช่ครับ กลิ่น (ปาก) เหม็นด้วยครับ (หัวเราะ)”

กว่าจะถึงวันนี้เราผ่านอุปสรรคอะไรๆมาเยอะรู้สึกยังไงบ้าง

ฟลุ๊คจ์ “คือจริงๆไม่ได้เป็นไปตามสิ่งที่เราคิดเยอะ ผิดหวังเยอะครับ มันก็จะเป็นโอกาสของแต่ละคนไม่เหมือนกัน นึกถึงกีฬาล่อเป้ามา เขาไม่ยื่นมาในระยะที่เราชกได้เราชกไปก็ไม่โดน ผมคิดแบบนี้ ให้กำลังใจตัวเอง แต่ละช่วงจังหวะชีวิตของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน มีช่วงที่ท้อหนักๆช่วงโควิดด้วยแหละก็ไม่มีงานกันทุกคน พ่อปิ๊ก ฌาณฉลาด (ผู้จัดการส่วนตัว) เขาก็จะคอยสอนเพราะเราเป็นเด็กต่างจังหวัดไม่มีประสบการณ์การใช้ชีวิตในเมือง เขากลัวเถลไถล”

ถ้าวันนี้เราไม่ได้เป็นนักแสดงเรามองอาชีพสำรอง

ฟลุ๊คจ์ “ยังไม่ได้มองเรื่องนั้นเลย ตั้งแต่เข้าวงการมามีสิ่งใหม่ๆ เข้ามาอยู่เรื่อยๆ เรายังไม่ได้ปักใจทำอะไร สิ่งที่เข้ามาอยากเลือก รอให้เรามีความรู้กับสิ่งนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้อยากแสดง อยากทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ประสบความสำเร็จก่อน ตอนนี้อาชีพนักแสดงเป็นอาชีพหลัก อาชีพเดียวของผมเลย”

จูเนียร์ล่ะ เราผ่านอะไรๆมาหลายปีกว่าจะมี ชื่อเสียงระหว่างทางมีท้อ มีนอยด์มั้ย

จูเนียร์ “ไม่มองที่ผ่านมาเป็นอุปสรรคเลยครับ ผมจะมองมันเป็นประสบการณ์ชีวิตทุกอย่าง ก่อนที่ผมจะได้เข้ามาในวงการบันเทิงผมมีแพลนชีวิตตั้งแต่แรกจะทำงานทางด้านที่เราเรียนมานะ ตอนนั้นมีความคิดวงการบันเทิงเป็นโอกาสหรืออุปสรรคกันแน่ที่ทำให้เราไม่ได้ไปเรียนต่อด้วยซ้ำ จนเราตัดสินใจได้จริงๆ มันไม่ใช่อุปสรรคแต่มันเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ชีวิตเลย ถ้าผมไปเรียนผมก็ได้ประสบการณ์แค่เรียน ซึ่งผมจะเรียนเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ประสบการณ์ในวงการบันเทิง ถ้าไม่เอาตอนนั้น อาจจะไม่มีทางได้ประสบการณ์แบบนี้อีกแล้ว”

แสดงว่าตอนนี้ไม่เสียใจที่ตัดสินใจเลือกทางนี้

“ไม่เสียใจครับ ตอนนี้ผมจริงจังกับอาชีพนักแสดง จากที่ผมเคยติดลบกับวงการบันเทิง ไม่ชอบกลัว ไม่อยากเข้า ไม่มีอะไรที่อยากทำ จนค่อยๆ ซึมเข้ามา สนุก ถ่ายละครเครียดจังแต่สนุก เล่นได้ยิ่งเพิ่มความสนุก อยากท้าทาย อยากเก่งกว่าเดิม แต่ละเรื่องที่เล่นเหมือนได้พัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆเลย ยิ่งเราย้อนไปดูผลงานเรื่องอื่นๆที่เคยเล่นมา อ้อ เล่นอะไรไว้จะเป็นแบบนี้ทุกๆเรื่องเลยครับ”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/novel/news/2769426
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/novel/news/2769426