โดย เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ผู้เป็นเจ้าของค่ายเพลงก็ได้ออกมาชี้แจงว่า ได้มีการจ่ายเงินไปให้แล้ว 10,000 บาทก่อนที่จะถ่ายเอ็มวี และต่อมาก็ได้โทรมาทวงขอแบ่งเงินจากยอดวิว 30% จากรายได้ด้วยคำพูดที่ไม่เหมาะสม แต่ตนเองก็ไม่ได้ให้ เพราะไม้ได้ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก

และ เจนนี่ ก็บอกอีกว่า ถึงแม้จะไม่ได้ตกลงกันไว้ แต่ตนเองก็ได้โอนเงินไปให้น้อง 20,000 บาท แต่น้องก็ได้โอนเงินกลับมาคืน เนื่องจากไม่สบายใจที่จะรับ

และด้าน เก้า เกริกพล ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเรื่องนี้ผ่านทางไลฟ์สด โดยบอกว่า เรื่องนี้สิ่งที่ตนเองไม่ชอบมากที่สุดเลยก็คือ เรื่องที่พ่อตัวเองโดนอยู่ตอนนี้ที่เอาพ่อมาพูดไม่ดี ทำให้พ่อโดนโจมตีมาก และด่าไปถึงตระกูล เลยทำให้ตนเองไม่ค่อยโอเค 

แรกๆ ที่ไปร่วมงานคือ เจนนี่ ได้มาขอให้ฟีดเจอริ่งเพลง 2 รอบ แต่ไม่ได้ไป จากนั้นก็ได้ไปออกรายการด้วยกันเลยทำให้ได้สนิทกันเป็นพี่น้อง จนกระทั่งได้ไปฟีดเจอริ่งเพลงกับ ลิลลี่ น้องสาวของ เจนนี่ นอกจากนี้ เก้า ได้ยืนยันว่าเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องจริงทุกอย่าง จะพาไปสาบานที่ไหนก็ได้หมด

เงิน 10,000 นี้ เจนนี่ได้โอนเงินเข้ามาจริงๆ แต่เค้าบอกว่า โอนให้ไว้กินขนมและค่าเดินทางไปอัดเสียง แต่ไม่ใช่ค่าตัว เพราะเค้าโทรมาบอกว่าเป็นค่าเดินทางที่โอนมาให้ ตนเองดีใจมากในตอนนั้น และมองว่าเป็นคนจริง หลังจากนั้นก็ขาดการติดต่อกันไป 

จากนั้นก็ได้ไปเจอกันที่ จ.พัทลุง มีเจนนี่ ตนเอง และแม่ เค้าพูดว่าพี่จะไม่เอาเปรียบน้อง พี่จะดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่าง พี่เคยโดนเอาเปรียบมาก่อน พี่รู้ว่ามันเป็นยังไง แม่จึงพูดไปว่า ที่โอนมาให้ 10,000 บาท มันมากไปมั้ย เค้าบอกไม่เป็นไรให้น้องกินขนม แล้ววันไปถ่ายเอ็มวีค่อยว่ากันอีกที

กระทั่งวันถ่ายเอ็มวี เค้าสั่งให้แต่งตัวตามที่กำหนด ซึ่งตนไปซื้อเสื้อผ้าทั้งหมด 6,000 บาท เป็นเสื้อผ้าแบรนด์เนม จ่ายค่ากิน ค่าที่พัก ค่าเดินทางเองทั้งหมด จนต้องควักเงินตัวเองอีก 2,000 บาท รวมค่าใช้จ่าย 12,000 บาท แต่ก็คิดว่าช่วยๆ กันไป

เจนนี่ ยังพูดเรื่องส่วนแบ่งกับแม่ของตน หลังจากอัดเสียงร้องเสร็จ และรอไปถ่ายเอ็มวี ว่าจะแบ่งค่าเพลงในยูทูบให้ 70/30 ซึ่งตนก็ให้ใจเค้าไป โดยไม่เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร

หลังจากเพลงลงยูทูบก็ติดชาร์ตอันดับ 1 ยอดวิวหลายล้าน จึงได้ไปแสดงความยินดีกับเค้า พร้อมบอกว่าเพลงน่าจะถึง 100 ล้านวิวแน่นอน แต่เค้าบอกว่าเพลงนี้ไม่ใช่ของตนเอง แต่เป็นของลิลลี่ ซึ่งตนเองก็โอเค เพราะมันเป็นเพลงของเค้า

ต่อมาก็ได้ไปขอร้องเพลง เลิกคุยทั้งอำเภอ เป็นเวอร์ชั่นชาย เอาไปลงในยูทูบของตัวเอง แต่เค้าไม่ให้ ก็คิดว่าไม่เป็นไร เพราะมันเป็นสิทธิ์ของเค้า แต่คำสัญญาที่ให้ไว้ก่อนหน้านี้ทำไมถึงกลับคำ ตอนนั้นเค้ายังไม่ทำค่ายเพลง เราเลยไม่ได้ทำสัญญา มีแต่สัญญาใจ จากนั้นก็โดนต่อว่าว่าทำไมเพิ่งมาพูดตอนนี้ ทั้งที่จริงตนส่งหนังสือไปยื่นที่บ้านแล้ว ตั้งแต่เพลงดังใหม่ๆ แต่ฝ่ายนั้นเค้าไม่สนใจ

ส่วนเรื่องคอนเสิร์ต หลายคนสงสัยว่าทำไมถึงไม่ร้องกันด้วย หยิ่งรึเปล่า ค่าตัวแพงรึเปล่า เค้าตกลงจะให้ 3,000 บาทต่องาน ซึ่งตอนนั้นตนมาอยู่กรุงเทพฯ แล้ว เงินจำนวนนี้แทบไม่คุ้มกับค่าเดินทางและไปเล่นคอนเสิร์ต ตนจึงไม่ไป แถมเวลาไปออกรายการก็ได้มารายการละ 500 บาท แต่ 2 รายการหลัง พ่อโทรไปคุยว่า 500 บาทมันน้อยเกินไป แค่ค่าแท็กซี่ก็หมดแล้ว นี่จึงเป็นที่มาของประเด็น น้องเก้า 500

ส่วนเรื่องที่พ่อตนเองได้โทรไปขอส่วนแบ่ง 30% ด้วยคำพูดที่ไม่เหมาะสมนั้น เก้า ได้ชี้แจงว่า ตอนนั้นตนเองก็อยู่ด้วยและได้ยินหมดทุกคำพูด ทางนั้นถามกลับมาว่า “พ่อต้องการเท่าไหร่” ซึ่งคำพูดนี้ตนเองคิดว่ามันไม่เหมาะสมที่ควรพูดกับผู้ใหญ่

จากนั้นก็ได้โชว์หลักฐานการโอนเงิน 20,000 บาท ที่ฝ่ายนั้นโอนมาให้ แต่ตนเองได้โอนกลับไปเพราะรู้ว่าทางนั้นเค้าไม่ได้ให้ด้วยใจ พร้อมกับถามกลับว่า ถ้าพ่อไม่โทรไป พี่เค้าจะคิดถึงตนเองบ้างมั้ย ที่จริงตนเองก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรเรื่องนี้มาก แต่เรื่องที่พ่อตนเองต้องมาถูกด่านั้นยอมไม่ได้

และ เก้า ได้ยืนยันว่า ตนเองไม่เคยรู้จักกับเพจหนึ่งเลย หลังมีคนกล่าวหาว่าเอามาเป็นสื่อกลางในการด่าพี่เค้า 

ในขณะที่ เนเงิน เจตริน ศรีสังข์ แฟนหนุ่มของ เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น ก็ได้ออกมารีโพสต์ข้อความที่ถูกนักร้องรุ่นน้องแฉ โดยระบุว่า “เสียใจมากที่เคยสงสาร เจอกันครั้งแรก รถไม่มีไฟหน้า ผมขับตามจนถึงบ้าน ผมไม่อยากพูดไรมาก เดี่ยวจะหาว่ารังแกน้องอีก แต่ก็แอบผิดหวังเหมือนกัน” ซึ่งแฟนๆ ที่ติดตามต่างก็ได้เข้ามาให้กำลังใจ เนเงิน และคนในค่ายเพลง ได้หมดถ้าสดชื่น กันเป็นจำนวนมาก.