"Klear" ขอบคุณอดีตเจ็บปวด ให้เพลงเคียงข้างแฟนๆ ทำหน้าที่มากกว่าเสียงเพลง


ให้คะแนน


แชร์

ณัฐ “ทุกคนก็ต้องเจอความเจ็บปวด ถ้าไม่เจอก็คงไม่ได้ก้าวต่อไป”

10 เพลงความมืดเจ็บปวดหลายเรื่องราว?

แพท “10 เพลง พอเราทำเป็นอัลบั้ม ทำให้เราทำเพลงได้หลากหลายขึ้น เราทำ 10 เพลงพร้อมกันไปด้วยกัน ทำให้เราคิดกว้างขึ้น ให้มันทำหน้าที่ของมันดูแลคนที่อยู่ในสถานการณ์ 10 แบบได้ยังไงบ้าง โดยที่ทั้ง 10เพลงอยู่ใต้ร่มของคำว่า Grow In The Dark ต่อให้เป็นเรื่องเจ็บปวดแต่สุดท้ายเราก็จะหาความหมายที่จะเติบโตจากสิ่งนั้นได้ยังไง”

ณัฐ “ทางดนตรีอัลบั้มนี้ทุกคนต้องฝึกจิตครับ คืออย่าเล่นเยอะ คือเราลงในรายละเอียด เอาความพอดี ลงไปที่เพลง ไม่ต้องใส่เทคนิคเยอะ มันยากเพราะเราไม่ชิน แต่พอทำแล้วมันทำให้ภาพรวมเพลงกลมกล่อมขึ้น เพลงมันสื่อสารได้มากกว่า”

แพท “เหมือนได้พัฒนาทางความคิดนะ เราคิดเยอะขึ้นแต่ทำให้น้อยลง และอัลบั้มนี้สำหรับแพทเป็นอัลบั้มที่เขียนเพลงสนุกที่สุดในชีวิต ใช้ทุกกระบวนท่าในการทำงานมา 10 กว่าปี”

ก่อนความเจ็บปวดทำให้เติบโต จากประสบการณ์แต่ละคน เวลาช่วงที่อยู่ในความดาร์กนั้นๆ ชีวิตดาวน์ขนาดไหน?

แพท “มันเริ่มจากพยายามหาทางออกว่าเราไม่อยากทุกข์ในความมืด พอรู้ว่าเราจะอยู่ในที่ดาร์ก เราก็จะมองหาว่าเราจะเรียนรู้อะไรเสมอ” คี “ถ้าจะหาวิธีออกจากมันคือการหาคนระบาย ผมว่าเป็นวิธีที่ทำให้ความอึดอัดใจมันออกไป”

ณัฐ “ถ้าเจ็บถ้าเหนื่อยก็ร้องไห้ไปไม่ใช่เรื่องผิด หาคนปลอดภัยไว้ใจอยู่ข้างๆ”

นัฐ “ถ้าเจอปัญหาหรือล้มก็บอกตัวเองว่าอย่าหยุด ทำต่อไป”

แพท “เราอยากกระจายความคิดนี้ออกไปว่าอย่าไปหนีความเจ็บ ความเสียใจ แค่อยู่กับมันเดี๋ยวมันจะดีขึ้นเอง อย่างที่แฟนๆมองว่าเราเป็นที่ปลอดภัยคือเราอยากเป็นสิ่งนั้นให้กับทุกคน พวกเค้าอ่อนแอกับเราได้ร้องไห้เสร็จแล้วเดี๋ยวเข้มแข็งเอง”

ที่ผ่านมาเลยได้เห็นหลายๆครั้ง มีแฟนๆ ออกมาร้องไห้หน้าเวทีเพราะอินกับเพลงของวง?

แพท “เป็นธรรมชาติของพวกเราด้วยว่าอยากให้เป็นเพื่อนกับคนดูไม่ได้อยากเป็นคนไกลตัว จับต้องไม่ได้ วันนี้เลยรู้สึกว่าเราสื่อไปถึงคน เวลาเราแสดงถ้าเห็นคนร้องไห้ก็ลงไปหา จริงๆแฟนๆสนิทกับพวกเราไปแล้วผ่านเสียงเพลง เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราจะทำตอบแทนคือถ้าเค้ารู้สึกแย่เราก็เข้าไปปลอบ เพราะเราคือคนสนิทกันแล้ว”

ความประทับใจที่ทำให้รู้ว่าแฟนๆใช้เพลงเราเป็นที่ปลอดภัย?

แพท “มีตลอดเวลาเลยค่ะ บางคนมีเรื่องที่ไม่ได้บอกใครเลย แล้วเค้า Inbox มาเล่าให้ฟังในเพจวง เราก็ดีใจที่เราทำหน้าที่ได้มากกว่าเป็นแค่เสียงเพลง หรือศิลปิน”

ณัฐ “เวลาเราไปเล่นที่ต่างๆได้เจอแฟนๆบอกว่าเพลงเราช่วยเค้าในช่วงเวลาต่างๆ เราก็รู้สึกว่าเพลงเรามีประโยชน์ต่อคนอื่นจริงๆ”

การเดินทางของวงเคลียร์ล่ะ ช่วงมืดมนเจ็บปวดอยู่ช่วงไหนและผ่านมายังไง?

แพท “จริงๆชีวิตวงก็ตามชื่ออัลบั้มเลยนะ อัลบั้ม “Stay Alive” คือดาร์กสุดแล้วไม่ได้อยากมองโลกบวก คิดแค่ว่าเอาชีวิตให้รอด ไม่ได้คิดว่าจะได้ออกอีก อัลบั้มที่ 2 “Brighter Day” รู้สึกว่าชั้นหลุดพ้นจากความทุกข์แล้ว รู้สึกอยากมองโลกมุมบวกบ้าง พออัลบั้มที่ 3 “The Storyteller” เป็นอัลบั้มที่เรารู้สึกเริ่มมีความสุขกับคนดู เริ่มรักคนดู เราเลยเป็นตัวแทนในการเล่าเรื่องของเค้า มาอัลบั้มที่ 4 “Silver lining” มันคือความหวัง เวลาฟ้าครึ้มแล้วเราเห็นแสงขอบเมฆ เราอยากให้คนโฟกัสที่มุมบวก พอมาถึงอัลบั้มนี้ “Grow in the dark” เราอยากให้ทุกคนกลับมามองความมืดและเห็นมันเป็นของดีที่มันขัดเกลาเรา”

ณัฐ “อย่างพวกเราอุปสรรคมันมีเข้ามาตลอดอยู่แล้วแต่ดีที่ว่าเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน มีปัญหาก็ต้องเคลียร์ให้จบ” แพท “แพทมองว่าการทะเลาะคือเพื่อไปต่อ เพื่อปรับทัศนคติ แพทว่าถ้าเรารักในเป้าหมายมากพอ เราก็ไปต่อได้อยู่ดี”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1924657
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1924657