"เราก็มีหัวใจนะ" เต้ย จรินทร์พร กับความเจ็บจากเรื่องที่คนไม่รู้จริง


ให้คะแนน


แชร์

“ยุพิน ในทุ่งเสน่หา เป็นอะไรที่สนุกมาก แต่คุณเปี๊ยก ในคลื่นชีวิต เป็นอะไรที่เครียดมาก เพราะว่ายาก (หัวเราะ) ในตอนนั้นเต้ยไม่เข้าใจในบทของคุณเปี๊ยก เพราะตอนนั้นเต้ยอายุ 25 ความคิดความอ่านของช่วงอายุมันต่างกัน เต้ยไม่เข้าใจทำไมต้องหึงสามีขนาดนั้น

ซึ่งตอนที่เล่นเรื่องนี้ก็เกิดคำถามเยอะมาก แต่เต้ยก็รักบทคุณเปี๊ยกนะ แต่อาจจะไม่รู้จักเขาขนาดนั้น ก็เป็นพวกชอบความเพอร์เฟกต์แหละ (หัวเราะ) แต่อย่างทุ่งเสน่หา ก็เป็นอีกบทที่เต้ยก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเมื่อเล่นไปเรื่อยๆ ก็เริ่มอินไปเอง รักตัวละครนี้ อินกับตัวละครไปเลย”

บททดสอบของชีวิต

แม้ชีวิตของ เต้ย จรินทร์พร จะถูกสว่างไปด้วยความน่ารัก สดใส แต่ใครจะรู้ว่าภายใต้ชีวิตที่ดูสดใสของเธอนั้น ในช่วงชีวิตหนึ่งก็มีความดราม่าเข้ามาเป็นบททดสอบในชีวิตของเธอเช่นกัน และเป็นบททดสอบชีวิตที่หนักหน่วงไม่น้อย ซึ่งเต้ยเล่าให้เราฟังว่า 

“การอยู่ในวงการนี้สิ่งที่ยากสำหรับเต้ยก็คือ เรื่องข่าว ก่อนหน้านี้เต้ยมีข่าวน้อย แต่ด้วยความที่เป็นคนแคร์คน มันก็เลยยากมากเวลาที่เจอคนเข้าใจเราผิด คือเต้ยอยากให้คนรัก ไม่อยากให้คนเกลียด พอมีคนไม่เข้าใจเรา ก็จะจ๋อย และตอนที่จ๋อยหนักๆ ก็คือเป็นตอนที่คบ อาเล็ก ธีรเดช

ช่วงแรกๆ มีคนมาโจมตีเยอะมาก หาว่าเราคบเพื่อนของแฟนเก่า คือคนอื่นเข้าใจว่า อเล็กซ์ เรนเดลล์ และ อาเล็ก ธีรเดช เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ว่าจริงๆ แล้วเขาไม่สนิทกันเลย ปีนึงเจอกันตามงานช่องแค่นั้น เขาไม่ได้สนิทกันจริงๆ แต่คนจะตีความไปว่าเขาเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน แล้วเต้ยก็ไปคบกับเพื่อนในกลุ่มเดียวกัน นั่นเป็นสิ่งที่คนคิด แล้วเต้ยก็จะโดนพูดให้เสียๆ หายๆ ถูกว่าในทางที่ไม่ค่อยดี ซึ่งตอนนั้นเต้ยจ๋อยหนักเลย

ความจ๋อยนั้นเป็นอยู่เกือบ 2 ปี นานเนอะ (ยิ้ม) เวลาคนมาด่า มาว่า ทำไมเป็นแบบนั้น ทำไมเป็นแบบนี้ เต้ยเข้าใจและไม่โกรธเลย ทุกคนมีสิทธิ์คิดแบบนี้ได้ แต่ก็อยากจะบอกว่า คนทุกคนก็มีหัวใจนะคะ เต้ยยอมรับว่าเสียใจ น้อยใจ ว่าทำไมเขาต้องมองเราแบบนี้ด้วย แต่ว่าเข้าใจว่าเขามีสิทธิ์ที่จะคิดแบบนั้น แบบนี้ เพราะเขาไม่ได้รู้จักเราขนาดนั้น 

แต่เต้ยขอบคุณมากๆ ที่ผ่านช่วงเวลานั้นที่มีเรื่องราวเหล่านั้นเข้ามาในชีวิต มันทำให้เต้ยได้ผ่านอีกหนึ่งบททดสอบสำคัญของชีวิตเต้ยมากๆ เพราะเต้ยแคร์คนอื่น มันทำให้เต้ยหลุดออกจากบททดสอบนี้ไม่ได้สักที จนวันนึงที่มาเจอเรื่องนี้ และได้กำลังใจที่ดีจากคนรอบข้าง แล้วมันทำให้เต้ยคิดได้ว่า เขาไม่รู้หรอกว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง เจออะไรมาบ้าง

ถึงแม้เต้ยจะเลิกกับเล็กไปก็ยังมีคนมาคอมเมนต์อย่างนี้ อย่างนู้น อย่างนั้น วันนั้นเต้ยคุยกับตัวเอง ถ้าเขาจะมาเข้าใจเราผิด หรือว่ามองอะไรแบบไหน มันเป็นเรื่องของเขา เป็นการตัดสินใจที่จะมองเราแบบนั้นก็ไม่เป็นไร แต่เรารู้ตัวเองดีมากๆ ว่าเราตั้งใจทำอะไร เราผ่านการคิดมาเยอะแค่ไหนแล้ว ลองคบลองคุยว่าจะเข้ากันได้หรือไม่ได้ แล้วเราก็รักกัน

และทุกวันนี้มันก็ยังเป็นความรู้สึกที่ดีเหมือนเดิม เต้ยไม่ค่อยชอบเลิกกับใครแล้วต้องมาเกลียดกัน ไม่ได้เป็นคนอย่างนั้น ถ้าจะบอกว่าเลิกกันด้วยดีแล้วคนไม่เชื่อ ไม่เข้าใจเราก็ปล่อยเขาไป เพราะเขาอาจจะเจออะไรมาในรูปแบบอื่น ก็เป็นเรื่องของเขาแล้ว แต่ว่าเรารู้ดีอยู่ว่าเราเป็นอะไร”

เมื่อเราถามต่อว่า ถ้าวันนั้นเต้ยยังก้าวผ่านเรื่องแคร์คนอื่นมากๆ ของตัวเองไม่ได้ วันนี้เต้ยเองจะเป็นยังไงนะ จะยังสดใสร่าเริงแบบนี้ได้รึเปล่า ซึ่งนางเอกสาวก็ตอบเราด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า 

“ตอนนั้นเรามัวแต่ให้ความสำคัญกับการแสดงความคิดเห็นของคนอื่น จนมันทำให้เราไม่มีความสุขเลย เราจะมีความรัก หรือจะใช้ชีวิตอย่างไร ถ้ามัวแต่กังวลว่าใครจะคิดยังไง เขาจะเข้าใจเรามั้ย จนมันไม่มีความสุข จนวันนึงคิดได้ว่า ทำไมเราต้องมาใช้ชีวิตอยู่บนความคาดหวังของใครด้วย เราอยู่กับความรู้สึกนี้มาจนเราน่วม (ยิ้ม)

ทำไมเราต้องเหนื่อยขนาดนี้ และตัวเราก็เริ่มคิดได้เอง ว่าทำไมเราต้องมีลมหายใจใช้ชีวิตอยู่อย่างไม่มีความสุขด้วย เพราะฉะนั้นเต้ยก็เลยคิดว่า เราจะเอาชีวิตเราไปแขวนอยู่กับความคิดของคนอื่นทำไม ทั้งๆ ที่เราก็รู้ตัวเองดีว่าเราไม่ได้ทำอะไรอย่างที่เขาว่าหรือกล่าวหาเราจริงๆ เพราะฉะนั้นก็ไม่เป็นไร อันนี้คือเต้ยเข้าใจจริงๆ นะ ไม่ได้พูดแค่ให้ดูเป็นมุมบวก และถ้าวันนั้นเคยว่าเต้ยก็กลับมารักกันเถอะนะ (ยิ้ม)” 

จากนั้น เต้ย จรินทร์พร เล่าให้เราฟังว่า ไม่ใช่ว่าเธอเพิ่งจะมาโดนคนในโลกโซเชียลวิจารณ์อย่างรุนแรงในช่วงนี้ แต่เต้ยโดนวิจารณ์แบบนี้มาตั้งแต่เมื่อ 15 ปีก่อนนู้น สมัยที่กลุ่มคนในอินเทอร์เน็ตยังเป็นกลุ่มคนเล็กๆ ซึ่งตอนนั้นที่โดนวิจารณ์ก็รู้สึกว่ามันรุนแรงแล้วสำหรับเด็กที่อายุเท่านั้น

แต่ในวันนี้มันก็เกิดขึ้นเหมือนเดิม แต่ว่ามันมีความรุนแรงกว่ามากประมาณ 100 เท่าเห็นจะได้ เพราะทุกคนใช้มือถือเล่นอินเทอร์เน็ตหมด แต่เต้ยมองว่าการที่ทุกคนมีมือถือเล่นโซเชียลมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย คนจะไหลไปกับกระแสแค่ไหน จะดึงสติในการเสพข่าวได้มั้ย ต้องพิจารณาข่าวก่อนเชื่อรึเปล่า ต้องอ่านให้จบนะ ซึ่งเรื่องแบบนี้มันแล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคน 

มาถึงตรงนี้ เรายิงคำถามต่อทันทีว่า เพื่อนๆ ในแก๊งเฟอร์บี้ให้กำลังใจอย่างไร เพราะแก๊งนี้มักจะโดนอะไรแบบนี้เหมือนกัน ซึ่ง เต้ย จรินทร์พร ตอบกลับเราทันทีเหมือนกันว่า

“จริงๆ เราไม่ค่อยได้พูดอะไรกันในเรื่องแบบนี้เท่าไรนะคะ เวลาเราอยู่ด้วยกัน เราจะเล่นสนุกกัน เพราะเราทำงานตรงนี้เหมือนกัน เรารู้อยู่แล้วว่าการมาทำงานในวงการบันเทิงมันจะต้องเจอคนมาวิจารณ์แรงๆ ในเรื่องชีวิตส่วนตัว มันเป็นอีกเรื่องที่เราจะต้องเรียนรู้ และเป็นอีกหนึ่งบททดสอบของตัวเองให้ก้าวผ่านจุดนี้ไปให้ได้ ถ้าผ่านไปไม่ได้ชีวิตเราจะไม่มีความสุขเลย”

อยากตอบแทนสังคม

เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้ แต่ใครจะรู้ว่า เต้ย จรินทร์พร ยังมีอีกหลายหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ไหนจะเรื่องครอบครัว งาน และอีกบทบาทที่ท้าทาย คือ การทำอะไรตอบแทนสังคม ซึ่งเต้ยเล่าถึงการเข้ามาทำอะไรให้กับประเทศที่ตัวเองอยู่ว่า 

“เต้ยรู้สึกโชคดีในชีวิตที่ได้มาทำงานอยู่ตรงนี้ มีเสียงที่ดังพอที่จะทำให้คนหันมาฟังและคิดจะทำตาม และรู้สึกว่าอยากจะทำอะไรที่มันเป็นประโยชน์ให้คนรอบข้างได้ ให้สังคมได้ แต่ก็ต้องดูว่ามันเป็นเรื่องอะไร แล้วดันมาเจอเรื่องช้าง เรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นเรื่องที่เราอิน ก็เลยได้ทำ พอได้ทำแล้วมันแฮปปี้มาก แต่ในการที่เราทำตรงนี้มันก็ไม่ได้ง่าย เพราะเราต้องบริหารองค์กรให้มันเดินไปได้ ก็จะมีความยากและความท้าทายอีกอย่างนึง

พอมาลุยทำตรงนี้ก็มันดีนะคะ การทำงานแสดงเราก็ต้องมีความรับผิดชอบในหน้าที่ของการเป็นนักแสดง แต่การทำธุรกิจก็เหมือนกับว่าต้องมีความรับผิดชอบต่อบริษัท มันแตกต่างกัน เครียดมากเหมือนกัน แต่คนที่เครียดหนักคืออเล็กซ์ค่ะ (ยิ้ม) เต้ยเป็นผู้ถือหุ้น เวลามีอะไรก็จะเข้าประชุม ช่วยกัน และคอยซัพพอร์ตในองค์กร รับรู้ทุกปัญหาในองค์กร คอยแก้ปัญหา”

ก่อนจะจากกัน เราไม่พลาดที่จะเปิดโอกาสให้ เต้ย จรินทร์พร ได้เป็นขายงานละครเรื่องล่าสุด ความทรงจำสีจาง ของเธอด้วย ซึ่งเต้ยก็พร้อมมาก และบอกผ่านเราไปถึงแฟนๆ ว่า “ละครเรื่องนี้เป็นละครรักโรแมนติกดราม่า และเป็นอีกบทที่ท้าทายเต้ยมาก ในเรื่องนี้ร้องไห้เยอะมาก

ไม่รู้ว่าคนดูจะเสียน้ำตาเยอะแค่ไหน แต่น่าจะอินไปกับเรื่อง มันเป็นเรื่องที่คุณตู่ ปิยวดี พล็อตขึ้นมาเอง เป็นชีวิตมนุษย์จริงๆ รสนำเป็นความรัก และยังมีดราม่า แต่ก็มีความุ้งมิ้ง สนุกสนานในเรื่องนี้ด้วย 

และเรื่องนี้ เต้ยได้เล่นกับ เต้ย พงศกร เต้ยเขาตั้งใจทำงานมาก ทำการบ้านมาดีสุดๆ เวลาเล่นเราสองคนรับส่งอารมณ์กันได้เยอะมาก และเต้ยรู้สึกโชคดีที่ได้ร่วมงานกับ เต้ย พงศกร แต่เบื้องหน้าแม้จะตั้งใจทำงาน แต่เบื้องหลังเขาก็ชอบแกล้งเต้ยมากๆ แรกๆ เจอกัน ทำเป็นเรียบร้อย หลังๆ เริ่มแกล้งสารพัดเลยค่ะ (หัวเราะ)

แม้ละครเราดูจะเป็นแนวโรแมนติกดราม่า แต่เบื้องหลังกองเราสนุกสนานมากๆ อยากให้ติดตามชมกันเยอะๆ นะคะ รับรองเรื่องนี้แฟนๆ จะได้เห็นเต้ยในอีกลุคนึง กับการเป็นเจ้ากระต่ายตัวเล็กๆ ฝากทุกคนด้วยนะคะ พวกเราทุกคน นักแสดงและทีมงานตั้งใจกันมากค่ะ”

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา

ช่างภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย

กราฟิก : Jutaphun Sooksamphun

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1932652
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1932652