ย้อนวันวาน "สิงโต ปราชญา" กับความฝันที่จะทำเพื่อพ่อให้ได้สักวัน


ให้คะแนน


แชร์

จากพี่ว้ากสุดโหดในรั้วมหาวิทยาลัย สู่พี่ว้ากตัวร้ายในซีรีส์ดัง

“ถ้าพูดแบบเปิดใจเลย ไม่มีโกหกเลย คือตอนนั้นแม่ไม่สบาย เรารู้สึกว่าต้องใช้ค่าใช้จ่ายเยอะ แล้วที่บ้านเราไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้น เรารู้สึกว่าอยากจะได้สวัสดิการมาใช้ในการรักษาในอนาคต ถ้าเกิดว่าพ่อแม่มีปัญหาอะไร เราจะได้ใช้สวัสดิการได้ แล้วอีกอย่างตอนเด็กๆ เรารู้สึกว่า นักเรียนนายร้อยเค้าดูสมาร์ท เท่ แล้วรู้สึกว่าเท่จัง

ถามว่าชอบมั้ย จริงๆ ถ้าพูดกันตามตรง สิงไม่ชอบการปฏิบัติตามคำสั่งที่เราไม่รู้สึกว่ามันเห็นผลอะไร คือเราไม่ได้รู้สึกเห็นด้วย หัวสิงจะมีแบบคัดค้านในหัว ทำตามแต่อาจจะคัดค้านในหัว เราไม่ชอบเลยทำไมต้องทำไมแบบนั้นแบบนี้ เราจะเป็นคนชอบตั้งคำถาม ทำไมต้องทำแบบนั้นแบบนี้

สิงก็ได้ไปสอบนายร้อยนะครับ แต่ว่าถือเป็นโชคดีของเราที่ตอนนั้นเราสอบไม่ติด ต้องยอมรับว่าการสอบเข้าโรงเรียนนายร้อยยากมากพอสมควร แล้วรู้สึกว่ามันใช้เรื่องการคำนวณ วิชาวิทย์ คณิต ฟิสิกส์ ซึ่งเป็นวิชาที่สิงอ่อนมาก แต่สิงถนัดเรื่องภาษา แต่ถ้าจะใช้ภาษาอย่างเดียวเข้าสอบ มันก็ไม่ได้ รู้สึกว่าขาดอีกไม่กี่คะแนนก็จะติดแล้ว แต่อีกใจก็รู้สึกว่าดีแล้วที่เราไม่ติด

ถามว่าในใจเราเสียใจมั้ยที่สอบไม่ติด สิงไม่เสียใจนะครับ เราแค่อยากเข้าไปลองสอบดู แต่ตอนประกาศผลสอบ อาจจะมีเสียใจบ้างเพราะว่าเราคาดหวัง ไม่มีสิ่งใดที่เราทำแล้วไม่คาดหวัง คือเราก็คาดหวังบ้าง แต่พอเรามองย้อนกลับมาเราก็รู้สึกว่าเราไม่เสียใจเลย มันให้อะไรเราเยอะเหมือนกัน”

ค้นหาตัวเองเรื่องการเรียน ก่อนตัดสินใจซิ่ว

“พอสอบนายร้อยไม่ติด ก็กลับมาเรียนเหมือนเดิม แล้วก็เข้ามหาวิทยาลัยตามปกติเลยครับ ตอนนั้นผมเรียนที่ ม.เกษตรศาสตร์ ครับ แต่ตอนนั้นสิงเรียนได้ประมาณปี 4 ก็ตัดสินใจซิ่วออกมา เพราะเราไม่เก่งเรื่องการคำนวณ แต่ที่เลือกเรียนด้านเศรษฐศาสตร์

เพราะในช่วงนั้นผมเอาคะแนนด้านภาษาและหลายๆ ด้านยื่นเข้าแล้วติดก็เลยเรียน เหมือนรุ่นที่ผมเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เขาใช้คะแนน GAT PAT และโชคดีที่สิงทำคะแนน GAT ไว้สูงมาก แล้วยื่นกับคะแนนอื่นๆ โดยรวมแล้วก็ผ่านเกณฑ์เข้าคณะเศรษฐศาสตร์ ม.เกษตร ครับ”

“ถามว่าเราชอบคณะนี้มั้ย บอกตามตรงว่าเราเรียนไปมากกว่า พอเข้ามหาวิทยาลัยกลายเป็นเด็กกิจกรรม เพราะว่าตอนมัธยมเราเป็นคนที่ไม่สนกิจกรรมเลย เรียน เล่นบาส 2 อย่าง สิ่งที่ทำให้สิงตัดสินใจซิ่วออกมาก็คือ

สิงคิดไว้ตั้งแต่ตอนช่วงปี 3 แล้วครับ คือเราติดตัวรายวิชาภาคที่เกี่ยวกับการคำนวณ และมันใช้วิทยาศาสตร์ เคมี เข้ามาเยอะมาก เป็นเศรษฐศาสตร์ที่เรียนสายวิทย์ด้วย ก็คือเรียนเคมี พวกเกี่ยวกับทรัพยากรต่างๆ จากปกติเราก็ไม่ชอบคำนวณอยู่แล้ว เราก็ไม่ชอบวิทย์อยู่แล้ว พอมารวมกันมันก็หนักสำหรับเรา แล้วบวกกับติดวิชาภาคด้วย ถ้ายังติดตัวนี้ก็จะไม่สามารถไปต่อตัวอื่นได้ เลยตัดสินใจซิ่วดีกว่า”

“พอซิ่วมา สิงไปเรียนที่ ม.กรุงเทพ ครับ คณะนิเทศศาสตร์ แฮปปี้มากครับ ถามว่าเหนื่อยมั้ย เหนื่อยมากครับ เพราะเป็นช่วงที่สิงเริ่มทำงานในวงการบันเทิง เราต้องเรียนควบคู่ไป และเป็นโอกาสของสิงด้วยเป็นช่วงที่เราบูมขึ้นมา แต่เราก็ไม่อยากทิ้งตรงนี้ไป เพราะเป็นความฝันของเรา”

“แม้ว่าจะเลิกกองดึกขนาดไหน ตอนเช้าเราก็ต้องตื่นไปเรียนครับ อาจจะติดจากว่า ตอนเรียนที่ ม.เกษตร กิจกรรมเยอะแค่ไหนการเรียนต้องไม่ทิ้ง แล้วอาจจะติดจากเวลาการเข้าห้องเรียน มันจะมีคะแนนต่างๆ ที่สามารถเอาไปช่วยคะแนนจากสอบได้ คือเราไม่ใช่คนเรียนเก่งแต่อยากเรียนจบ เลยต้องพาตัวเองให้เข้าเรียนให้ได้นะ เข้าไปมีความรู้หน่อยนะ จะได้เอาไปสอบได้ แต่ ม.กรุงเทพ เขาไม่ได้เน้นสอบ เขาเน้นทุกอย่างปฏิบัติจริงหมด สอบก็คือสอบปฏิบัติ ตอนนี้เรียนจบเรียบร้อยแล้วครับ รอรับปริญญาปีหน้าครับ”

“ตอนที่จะซิ่ว สิงก็บอกพ่อว่า ขอซิ่วไปเรียน ม.กรุงเทพ นะครับ พ่อก็บอกว่า มีความสุขมั้ย ถ้ามีความสุขก็ทำไป เป็นประโยคพื้นฐานที่เวลาตัดสินใจอะไรก็จะไปถามพ่อ พ่อเขาก็จะตอบประโยคนี้กลับมา ว่าเรามีความสุขมั้ย พ่อเขาจะเป็นคนที่แบบว่าอะไรคือความสุขเรา ก็จะเป็นความสุขเขาด้วยเหมือนกัน ถ้าทำแล้วมีความสุขทำไปเลย

มันจะมีประโยคหนึ่งที่พ่อเคยบอกว่า พ่อไม่ได้อยู่กับเราไปทั้งชีวิต ต่อไปเราต้องอยู่คนเดียว เพราะฉะนั้นอะไรที่เรามีความสุข เลือกทำแล้วมีความสุขก็ทำไป”

มีความฝันอยากซื้อบ้านอยู่กับคุณพ่อ 

“ตอนที่เข้ามาทำงานในวงการบันเทิง สิงว่าถ้าคุณแม่ยังอยู่ เขาน่าจะเชียร์หนักมาก เพราะก่อนสิงเข้าวงการ แม่ก็จะเป็นคนที่คอยดูแลเรื่องภาพลักษณ์เรา แค่เรารู้สึกว่าเราอยากลองทำงานนายแบบ แม่ก็จับเราขัดตัวด้วยขมิ้น มะขามเปียก เพราะว่าช่วงที่แม่ยังอยู่ เป็นช่วงที่สิงเรียน รด. อาจจะเกรียมมาก คือเราไม่สนเรื่องการดูแลตัวเองเลย

เราไม่ได้คิดว่าจะเข้ามาทำงานในวงการบันเทิง แต่ว่าแม่จะมีความคิดว่า ไม่ได้ ต่อให้ไม่ได้ทำงานในวงการบันเทิง แต่ว่าภาพลักษณ์ บุคลิกเป็นสิ่งสำคัญ แม่ก็จะดูแลตั้งแต่ตอนนั้น โชคดีที่แม่ดูแลตั้งแต่ตอนนั้น พอขึ้นมหาวิทยาลัยมาทุกอย่างเริ่มดีขึ้น ผิวเราเริ่มใสขึ้น แม้ว่ามันจะไม่ได้ขาว แต่ว่ามันไม่กร้าน หน้าเราที่เคยเป็นสิว ก็โอเคขึ้นจากที่พาเราไปดูแลรักษา ที่บ้านเขาสนับสนุนเรื่องการดูแลให้พาร์ทนี้

แต่พ่อก็เหมือนเดิมเลย ทำตามแม่ แม่ว่าไงพ่อทำตาม แต่คุณแม่เสียไปก่อนที่สิงจะเข้าวงการบันเทิง เขายังไม่ทันได้เห็นเราอยู่ในจุดนี้เลย ตอนคุณแม่เสียคือยังไม่ได้เริ่มแคสต์งานเลยครับ”

“ตอนแรกสิงวางแผนไว้ว่าอยากจะซื้อบ้านอยู่กับพ่อ แต่พอคุยกันไปมา ต่อให้เราซื้อบ้าน พ่อก็จะไม่ย้าย พ่อเขาอยู่บ้านแถวปากคลองตลาดครับ คือเหมือนกับว่าพ่อเขาก็อยู่คนเดียว แล้วสิงอยู่ที่คอนโดเพราะต้องทำงานและไปเรียนที่ ม.กรุงเทพ ถ้าเราอยู่บ้านมันจะเดินทางลำบากในเรื่องของการทำงาน แล้วก็ไปเรียนไกลกว่าเดิม พ่อเป็นคนไล่สิงให้มาอยู่คอนโด จะได้ไม่ต้องนอนดึกหรือตื่นเช้าเกินไปในวันที่ต้องไปเรียน

ที่เขาไม่อยากย้ายมาอยู่กับสิง พ่อเขาให้เหตุผลว่า การที่เขามาอยู่ตรงนี้ เขาอยู่มาหลายสิบปีแล้ว ทุกคนตรงนี้รู้จักและทักทายเขา เขาพูดคุยกับคนนั้นคนนี้ได้ เขาไม่เหงา เขากลัวว่าซื้อบ้านใหม่แล้วเขาย้ายไปเขาจะเหงาเวลาเราไปทำงาน

เขากลัวว่าถ้าไม่มีใครคุยด้วย เขาจะเป็นอัลไซเมอร์ เขากลัวตรงนี้(ยิ้ม) ซึ่งเราคิดตามแล้วมันก็จริง เพราะในช่วงที่เราที่เราทำงานแล้วใครจะอยู่กับพ่อ เพราะว่าบ้านที่อยู่ตอนนี้ สิงโอเคกับการที่พ่ออยู่คนเดียว เพราะว่าทุกคนรู้จักพ่อหมด บริเวณบ้านที่พ่อเขาอยู่มันเป็นตลาดเหมือนเป็นคอมมิวนิตี้เล็กๆ ที่พ่อเขาอยู่มานานแล้ว และทุกคนรู้จักพ่อ ถือว่าพ่อเป็นผู้อาวุโสที่คนในตลาดรู้จักและทักทายตลอด

เวลาผมกลับไป เดินไปกินข้าวกับพ่อ เดินเหมือน ส.ส. เลย ยกมือไหว้ตลอดทางเลย บางคนเขาก็ไม่รู้ครับว่าผมเป็นดารา เขารู้แค่ว่าผมเป็นลูกของลุงรอด อารอด(หัวเราะ) ทุกคนจะรู้จักในฐานะลูกพ่อ เขาก็จะชมว่า ตัวใหญ่กว่าพ่อแล้วนะ โตกว่าพ่อแล้วนะ”

“แพลนต่อไปที่ผมอยากทำให้พ่อคือซื้อบ้านครับ แต่อาจจะไม่ถึงว่าพาเขามาอยู่ อาจจะพามาค้างสักวันสองวัน เป็นแบบว่าซื้อไว้เป็นของของเราก่อน ให้มันเป็นสินทรัพย์ของเราก่อน จริงๆ ผมไม่ค่อยอยากพูดว่าจะทำตรงนั้นตรงนี้หรือจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะกลัวว่าพอถึงเวลาแล้วเราจะทำไม่ได้ แล้วต้องมานั่งบอกว่าเราไม่ทำแล้วนะ แต่แพลนจริงๆ แล้วก็ยังอยากซื้ออยู่”

ยังมีงานร่วมกับคู่จิ้น คริส พีรวัส อยู่เรื่อยๆ

“ตอนนี้ก็ยังทำงานร่วมกันเหมือนเดิม ยังมีอีกหลายงานที่ทำงานร่วมกัน เราเริ่มสนิทกันจริงๆ ตอนเวิร์กช็อป Sotus ด้วยกัน แต่รู้จักกันมาตั้งแต่ ม.เกษตร แล้ว ก็มีปรึกษางานกันบ้าง คือเราเรียนคณะเดียวกัน มาแคสต์ด้วยกัน ตอนนี้ก็ยังทำงานในพาร์ทที่คู่กัน และในพาร์ทที่แยกกัน แต่ว่าเป็นโปรเจกต์ร่วมกันก็มี

แต่ช่วงนี้ของสิงจะมีโปรเจกต์ทำงานร่วมกับคนอื่นเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เขามาเชงเม้ง คู่กับน้องโอม ภวัต ครับ แล้วก็มีเล่นคู่กับนางเอกคนแรก น้องแพท ชญานิษฐ์ ครับ ในเรื่อง Turn Left Turn Right”

“ถามว่าเคยมีแฟนคลับงอนมั้ยว่าผมไม่เล่นคู่คริส ถ้าช่วงแรกๆ ก็จะมีนะครับ เพราะว่าเขาก็อยากให้มีซีรีส์คู่กับคริสต่อไปเรื่อยๆ แต่ถ้าพูดในแง่ของการทำงานแล้ว เราไม่สามารถคู่กับคนๆ เดียวได้ตลอด 5 ปี เราต้องเปลี่ยนไปคู่กับคนอื่นบ้าง พัฒนาความสามารถการแสดงกับคนอื่นบ้าง แต่ถ้าในอนาคตจะมีงานไหนที่คู่กัน หรือไม่จำเป็นต้องคู่กัน แต่ทำงานในเรื่องเดียวกัน ก็ไม่ได้ติดครับ”

“ถามว่าเคยมีทะเลาะกับ คริส มั้ย คือโอเคแทบจะไม่ได้เถียงกันเลย แค่แบบว่าความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องของการทำงานบางอย่างบ้าง มีปรึกษากัน แต่ส่วนใหญ่แทบจะไม่เถียงกันเลย เพราะว่าถ้าไม่สิงไปตามคริส คริสก็จะไปตามสิง บางครั้งเหตุผลไม่ตรงกันเราก็จะคุยกัน ปรับกัน ถ้าความเห็นตรงกันเราก็จะเบนไปตามกันครับ เพราะฉะนั้นตั้งแต่ทำงานมาด้วยกัน ก็จะไม่มีการทะเลาะกันเลยครับ”

“เราก็ยังมีแฟนมีตติ้งที่เลื่อนมาจากตอนโควิด และยังไม่ได้ไปเลย เพราะตอนนี้ยังไม่สามารถบินไปเมืองนอกได้เลยครับ แต่เราก็ยังมีโปรเจกต์ที่ทำร่วมกันครับ ทำร่วมกับพี่น้องคู่จิ้นของเราก็คือ พี่อ๊อฟ-พี่กัน พี่เต-พี่นิว แล้วก็ คริส-สิงโต ครับ ก็คือ 3 คู่ทำงานร่วมกัน สนุกมากครับ แล้วก็ยังมีคอนเสิร์ต แฟนโทเปีย ครับ ใกล้แล้ว วันที่ 21-22 พ.ย. ครับ”

ขอบคุณแฟนคลับที่ยังรักกันเหนียวแน่น 

“ก็ถามว่ารู้สึกเป็นรุ่นพี่ขึ้นมั้ย รู้สึกเป็นรุ่นพี่แล้วครับ เพราะผ่านมา 5-6 ปีแล้ว น้องที่เข้ามาทำงานในวงการบันเทิง บางคนก็จะมีเข้ามาปรึกษาบ้าง มาพูดคุยบ้าง เราก็เลยเริ่มรู้สึกว่า เราก็คงเป็นรุ่นพี่ในวงการบันเทิงของน้องๆ แล้ว”

“และแฟนคลับยังรักเหนียวแน่นเหมือนเดิมครับ แฟนคลับทั้งไทยและจีน และยังมีอีกหลายประเทศเลย ล่าสุดทางซีรีส์เพิ่งจะไปออนแอร์ที่ญี่ปุ่นครับ จริงๆ ก็มีแฟนคลับที่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว แต่หลังๆ มามีเพิ่มมากขึ้นครับ ขยายมากขึ้น”

“แฟนคลับเขาเซอร์ไพรส์ผมเยอะมาก จนบางทีเราแอบเกรงใจ เคยพูดกับแฟนคลับหลายรอบแล้วว่า ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้งบมากมายไปกับการแสดงความรักในรูปแบบนี้ แค่อยู่ด้วยกัน ดูแลกันในแง่ของการซัพพอร์ตผลงานชิ้นงานเรา คือมันไม่ต้องใช้เม็ดเงินมากมายเลย แค่นั้นก็ดีใจแล้ว แต่เค้าก็ยังเต็มใจทำให้เรา(ยิ้ม) เหมือนตอนนั้นสิงพูดออกไป เขาบอกว่าไม่อยากให้เราพูดแบบนี้ เพราะว่าเขาเต็มใจ แฟนคลับทุกๆ กลุ่มเต็มใจ”

“บอกเลยว่าครั้งแรกที่เห็นหน้าเราอยู่บนบิลบอร์ดรถไฟฟ้า รู้สึกเขินครับ คือบางทีผมก็รีบ เลยต้องมีขึ้นรถไฟฟ้าบ้าง บางทีไม่รู้เลยว่า ขบวนที่เป็นหน้าเราจะผ่านมามั้ย ถ้ามันผ่านมาแล้วทุกคนก็จะพุ่งสายตามาที่เรา เราก็จะรู้สึกเขิน(ยิ้มเขิน) จริงๆ อยากดูรถไฟฟ้าที่เป็นรูปตัวเองนะครับ แต่บางทีก็มีชำเลืองดูก่อนว่าเป็นรูปเรามั้ย ถ้าไม่ใช่เป็นรูปเรา เราก็เดินตามปกติ แต่ถ้าเป็นรูปเรา ก็เขินมาก

เคยมีเหมือนกันที่มีคนจำเราได้ มีแบบจำเราได้ 1 คน ทุกคนก็จะหันมามองหมด มันจะกลายเป็นเป้าสายตา ช่วงนั้นเราทำตัวไม่ถูก จะทำตัวยังไงดีน้า”

“ขอฝากผลงานของสิงด้วยครับ ตอนนี้มีเรื่อง คนละทีเดียวกัน ออนแอร์วันศุกร์ครับผม ทางช่อง GMM25 แล้วก็ยังมี FRIEND ZONE 2 DANGEROUS AREA นะครับ ก็ออนแอร์อยู่ กำลังเร่งถ่ายเหมือนกัน เหลืออีกแค่นิดเดียวครับ ช่วงท้ายๆ ของเรื่อง ออนแอร์ทุกวันศุกร์ครับ แล้วก็ยังมีคอนเสิร์ต แฟนโทเปีย ที่รวมศิลปินพี่น้องจากค่ายต่างๆ เยอะแยะมากมายเลยครับ อยากให้ทุกคนมาเชียร์ครับ ไม่ได้มีแค่สิง แต่ยังมีอีกหลายๆ คนเลย มาดูได้ในวันที่ 21-22 พ.ย. ครับ

ขอบคุณแฟนๆ ทุกคนเลยนะครับผม ไม่ว่าตอนนี้คุณจะติดตามเราอยู่ หรือว่าตอนนี้อาจจะไม่ได้เจอกันตามงานบ่อยๆ แล้ว เพราะว่าทุกคนอาจจะมีภาระเพิ่มมากขึ้น เช่นมีน้องๆ หลายคนที่เรียนจบแล้ว ต้องไปเรียนต่อ เขาก็จะส่งข้อความมาบอกสิงทางโซเชียลบ้าง ต่อให้เราไม่ได้เจอกัน ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม เข้ามาทักทายได้ครับ

แต่สิ่งที่อยากบอกคือขอบคุณที่ซัพพอร์ตเรามาตลอด ให้กำลังใจเรามาตลอด ผ่านช่วงเวลาที่ไม่ได้ง่ายเสมอไป ไม่ได้ราบรื่นทุกอย่าง 4-5 ปีที่ผ่านมา มันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ มันก็มีฝ่าฟันเหมือนกัน ขอบคุณมากๆ ที่อยู่ด้วยกันมาจนทุกวันนี้ครับ”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1951100
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1951100