ไข่มุก เดอะวอยซ์ เหลิงจัดฟุ่มเฟือยจนเงินเก็บหมด ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่


ให้คะแนน


แชร์

เป็นอีกหนึ่งสาวที่มีความสามารถมากทั้งร้องเพลงและเล่นละคร สำหรับ ไข่มุก เดอะวอยซ์ หรือ ไข่มุก รุ่งรัตน์ ที่ชีวิตต้องดิ้นรนทุกอย่าง เพื่อให้ได้เงินมาช่วยแม่เลี้ยงดูครอบครัว แต่เมื่อประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงจากการประกวดกลับใช้เงินมือเติบ ภายในระยะเวลาไม่กี่ปีเงินหมดจนแทบจะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ งานนี้เจ้าตัวมาเล่าให้ฟังทุกประเด็นผ่านทางรายการ คุยแซ่บSHOW ว่า

กว่าจะมาเป็นนางเอกดาวรุ่ง ชีวิตผ่านอะไรมามาก?
“ตอนเด็กมีพ่อแม่พี่น้อง 5 คนในบ้าน แต่ว่าพ่อไม่ได้อยู่ด้วยจะมาบ้างเพราะว่าทำงาน เดือนละครั้งที่เจอพ่อ เสาหลักของบ้านคือแม่ หนูกับแม่จะช่วยหาเงิน หนูเห็นแม่ลำบากมาตั้งแต่เด็กเลยอยากจะทำอะไรก็ได้ที่ช่วยแม่หาเงินได้ รับจ้างล้างจาน

ข่าวแนะนำ

พอตอนประถมก็เริ่มไปรำครูพาไปก็ได้เงินมา บางทีก็ได้ติ๊บด้วย พอมัธยมเรารู้ว่าร้องเพลงได้เงินเยอะกว่าก็เลยร้องเพลง จนได้เงินเพิ่ม บางวันก็รับ 2 งาน รวมติ๊บด้วยวันนึงก็ 3-4 พัน ทำเกือบทุกวัน เราคิดว่ามันได้เร็วและเรามีเวลาแค่ช่วงเลิกเรียนด้วยจะไปทำงานประจำก็ไม่ได้”

เห็นแม่ลำบากมาแต่เด็กทำให้เราเป็นผู้ใหญ่เกินวัย?
“ใช่ค่ะ ถ้าชีวิตหนูนิยามสั้นๆ ว่าทำไมถึงมีวันนี้หนูตอบคำเดียวคือแม่ ตั้งแต่อนุบาลหนูร้องเพลงวันเด็ก ร้องเต้นมีเวทีที่ไหนหนูจะขึ้นเพื่อเอาเงินรางวัลนั้นไปให้แม่ เงินจากพ่อได้บ้างไม่ได้บ้าง จังหวะที่พ่อกับแม่เลิกกันด้วยมีปัญหา

ตอนแรกเราก็โกรธตอนที่แม่ท้องน้องแล้วพ่อหายไป อันนี้มันเป็นอีกอย่างที่ทำให้รีบโตเพื่อหาเงินให้แม่ให้ได้ เพราะว่าเรามีน้อง หนูอยากมีน้องมาก เราเลี้ยงน้องตั้งแต่วันแรกเลย”

เราก็หาเงินได้ แต่พอจะเข้ามหาวิทยาลัยทำไมถึงไม่มีเงิน?
“มันไม่ได้มีทุกเดือนค่ะ ช่วงที่หนูร้องเพลงจะเป็นช่วงปีใหม่ งานบวช งานสงกรานต์ พอแม่ไม่มีเงินส่ง เราก็คิดว่าเราเรียนไม่เก่งจะไปสอบที่ไหนได้ เลยทำพอร์ตยื่นเรียนทุน 100% ก็ไปเล่าให้แม่ฟังแม่ดีใจมาก

แต่เราไม่น้อยใจที่ไม่มีเงินเรียน เราเข้าใจแม่ หลังจากรู้ว่ามีที่เรียนแล้ว แต่ในระหว่างเรียนจะเอาตังค์ไหนใช้ เพราะว่าหลังจากที่ไปประกวดรายการนึงก็ชนะ แต่เรามีปัญหาครอบครัวต้องใช้ตังค์”

เข้ามหาวิทยาลัยได้ไปเซ็นสัญญากับค่ายใหญ่?
“เราแข่งรายการจบก็มีงานกับที่นั่น มีไปโชว์ตัวโน่นนี่ เรียนด้วยทำงานด้วยต้องมาอยู่หอค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น ไปรับร้องเพลงเพราะต้องใช้เงินทั้งนั่งบีทีเอสไปเรียนวันนึงหลายร้อย

มีช่วงนึงที่เราไม่มีแล้วเราไม่กล้าบอกแม่เพราะแม่ก็จะต้องไปยืมคนอื่นมาให้ เลยให้เพื่อนบอกครูให้หน่อยว่าเรามีงานแต่จริงๆ คือนอนอยู่ห้องไม่มีเงินไปเรียน”

อะไรที่ผลักดันให้เราไปประกวดเดอะวอยซ์?
“ช่วงนั้นเป็นเวลา 1 เดือนที่เราลำบากมากๆ มีพี่มาขอเบอร์บอกว่าเราเสียงดีให้ไปร้องแทน เจอเจ้าของร้านบอกว่าทำไมไม่ไปเดอะวอยซ์ จนเราคิดว่ามันไกลตัวมากเลยเราก็ไม่ได้เสียงดีอะไร

จนมาถึงวันสุดท้ายที่เปิดออดิชั่นพี่เขาก็โทรหาหนูถามว่าไปหรือยัง เราก็คิดทำไมไม่ลองดู ซึ่งคิดว่าถ้ารายการนี้ไม่ประสบผลสำเร็จจะไม่ประกวดแล้ว จะไปหางานประจำให้ได้เงินแน่ๆ คนที่ดูถูกเราก็เยอะแบบไม่ได้หรอก ไม่ดังหรอกจะไปสู้อะไรเขาได้”

ไปประกวดไม่ชนะ แต่มีงานเข้ามาเยอะ?
“ใช่ค่ะ เราอยากกินอะไรที่เราไม่ได้กิน พาแม่ไปกินอยากได้อะไรก็ได้ ซื้อ ตอนนั้นมีเป็นล้านแต่หมดไวมาก มีเรื่อยๆ เราก็ใช้เรื่อยๆ อะไรที่ไม่จำเป็นซื้อก็ซื้อ เสื้อผ้าทีสิบยี่สิบชุด เราก็แบบเดี๋ยวมันก็มีงานเรื่อยๆ เดือนหน้าก็มี เราหวังพึ่งน้ำบ่อหน้าเสมอ

จนมาสามปีเรามาถามตัวเองว่าทำไมงานน้อยลง เราก็ซอฟต์ลง แต่ก็ซื้อรถดาวน์ไป 500,000 ราคามัน 2 ล้าน แต่ตอนนี้ขายรถแล้วค่ะ หนูขับไม่เป็นแล้วหนูกลัวมันพัง

เราก็เริ่มเรียนรู้แล้วงานก็ไม่ได้มีเหมือนเดิม แล้วเงินมันหายไปมากแล้ว มีก้อนนึงที่เหลือมีค่าโน่นนี่ที่ต้องจ่ายที่เราสร้างไว้ทั้งรถทั้งคอนโด งานน้อยมากๆ จนพอแค่จ่ายหนี้ เอาเงินก้อนสุดท้ายที่เหลือดาวน์บ้าน”

เหลือ 7,000 ทั้งตัว?
“ใช่ค่ะ ตอนแรกบ้านไม่มีแอร์ ไม่มีผ้าม่านเลย ตอนนี้ด้วยการใช้เงินที่ไร้สาระของเรา มีพี่คนโน้นคนนี้ที่สอนเรา เรารู้สึกว่าทำไมไม่ลองทำดู เพราะเขาก็บอกว่าเข้าวงการใหม่ๆ เขาใช้เงินฟุ่มเฟือยมากและเขาก็รู้ว่าเราใช้เงินยังไง เลยสอนให้ทำวิธีมีเงินเก็บ ไม่อยากให้เหลิงค่ะ”

อ่านเพิ่มเติม…

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1978293
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1978293