“ในวันที่เปิดตัวว่าคบกับ เดเมียน เขื่อนไม่ได้เลือกที่จะ come out ครับผม เขื่อน come out เพราะว่ารูปคู่กับคุณเดเมียนมันหลุดออกมา จริงๆ เป็นคนที่เชยเรื่องเทคโนโลยีมาก และคุณเดเมียนก็เชยเหมือนกัน เวลาอัปเฟซบุ๊กก็จะกดอัปไปทั้ง 300-400 รูปเลย แต่บังเอิญรูปที่คุณเดเมียนกดอัปมันมีรูปคู่เราหลุดออกมา ซึ่งเป็นรูปที่ชัดเจนว่าเราคู่กันนะ เพราะมีรูปครอบครัวเราทั้งคู่อยู่ด้วยกัน แต่เราก็เลือกที่จะไม่โทษใคร และไปต่อ เลยโอเคที่จะพูดว่า นี่คือ เดเมียน พวกเราแฮปปี้มากครับ”

“ถ้าไม่มีรูปคู่กันหลุดออกมาในวันนั้น วันนี้เขื่อนก็ไม่สามารถตอบได้เหมือนกัน เพราะว่าไม่รู้ แต่เราเชื่อเรื่องความเท่าเทียม เขื่อนเป็นเฟมินิสต์เต็มตัว เป็น LGBTQ เต็มตัว ฉะนั้นวันที่เขื่อนออกมาบอกคนอื่นนั้น ก็ต้องเป็นวันที่เขื่อนรู้สึกปลอดภัยด้วยเช่นกัน เพราะกว่าเขื่อนจะโตมาได้ในวันนี้ เขื่อนค่อนข้างโดน Hate Speech โดน Cyberbully โดนคนตัดสินค่อนข้างเยอะมาก 

ทุกวันนี้เราใส่กระโปรงก็ยังมีคนเข้ามา ส่งข้อความมาบอกเราว่า ทุเรศ วิปริต อุบาทว์ เพราะฉะนั้นกว่าจะเจอพื้นที่ที่รู้สึกว่าเป็นตัวเองได้ ใช้เวลาเยอะมาก เพราะเขื่อนเปลี่ยนใครไม่ได้ เขื่อนห้ามเค้าไม่ได้ เขื่อนว่า Hate Speech พวกนี้ เพียงแค่หนึ่งประโยคสามารถทำร้ายหรือเปลี่ยน หรือจบชีวิตคนบางคนได้เลยนะครับ 

แต่ก่อนเขื่อนเลือกที่จะมองข้ามไป แต่พอโตขึ้นเรารู้สึกว่าถ้าเราเลือกที่จะมองข้ามมันไป ก็เหมือนเป็นการซัพพอร์ตพวกความคิดเหล่านั้น เขื่อนไม่สู้กับเค้านะ แต่เราจะบอกเค้าว่า เราไม่โอเค มันคือการปรักปรำ หวังว่าสักวันหนึ่งคุณจะเปิดใจ” 

“ในวันที่ตัดสินใจแต่งงานนั้น เขื่อนรักคุณเดเมียนมากนะครับ ทุกวันนี้ก็ยังรักอยู่ เพราะฉะนั้นในวันที่ตัดสินใจคือ เขื่อนเลือกแล้วว่า อยากใช้ชีวิตกับคนๆ นี้ เพราะหลายๆ อย่างที่เราคิด หรือมุมมองในชีวิต หรือสิ่งที่เราต้องการสู้ มันตรงกันมากเลยครับ ก็เลยตัดสินใจว่าจะเซ็น Civil Partnership กันครับ

แต่จะพูดว่าแต่งงานก็ไม่ใช่ พูดว่าแต่งงานก็ไม่ใช่ ก็คือเราจด Civil Partnership กัน เป็นการเซ็นแบบคู่ชีวิต เพราะถ้าแต่งงานเป็นสมรส เราเลือกที่จะไม่แต่งงานแบบ Marriage ที่อังกฤษ เพราะว่าเมืองไทยก็ยังไม่ถูกกฎหมาย ที่ไอร์แลนด์เหนือตอนนั้นก็ยังไม่ถูกกฎหมาย แต่ตอนนี้ถูกกฎหมายแล้ว เราสนับสนุนความเท่าเทียมตรงนี้มาก ก็เลยจดเป็นที่มีอยู่ก่อนที่ ไอร์แลนด์เหนือก็คือ Civil Partnership ครับ

“ปัญหาชีวิตคู่ เป็นคำถามที่ยากนะ ทุกวันนี้เขื่อนก็ถามตัวเองบ่อยนะว่าเกิดอะไรขึ้น พอได้มาอยู่ด้วยกันในฐานะคู่ชีวิต หลายๆ อย่างที่เป็นรายละเอียด เล็กๆ น้อยๆ คิดไม่ตรงกัน ค่อนข้างมาก ทำให้เกิดปัญหาหลายๆ อย่างค่อนข้างเยอะ ทำให้อยู่ด้วยกันแล้ว ไม่สบายใจ อยู่ด้วยกันไม่ได้

เขื่อนให้เกียรติ เดเมียนมาก วันที่เลือกที่จะอยู่ด้วยกัน เราตัดสินใจกันสองคน เพราะฉะนั้นวันที่เราแยกกัน หรือตัดสินใจแยกกัน ก็เป็นการตัดสินใจของคนสองคนเหมือนกัน”

“วันที่เราตัดสินใจแยกทางกัน ตัดสินใจยากมากครับ เหมือนเอาความฝันเขื่อนมาขยี้ๆ โยนทิ้ง แล้วก็จุดไฟเผา อย่างนี้ครับ เพราะเขื่อนเชื่อมากเลย ว่านี่คือทางชีวิตที่เขื่อนอยากไป เขื่อนอยากทำงานเรื่อง Mental Health อยากมีคู่ชีวิต เขื่อนอยากมีลูก เพราะฉะนั้นในวันที่เขื่อนเดินออกมา เขื่อนเชื่อว่า ไม่ได้ใช้อารมณ์ แต่เราใช้เหตุผล แล้วก็กลั่นกรองทุกอย่างออกมา ดีที่สุดเท่าที่คนๆ หนึ่งจะทำได้ 

มันยากมาก เพราะว่าเขื่อนไม่ได้อยู่เมืองไทย มันไม่ใช่ที่ของเรา แล้วก็ Mental Support ก็น้อย เหมือนเราเอาตัวเองไปอยู่ในที่ๆ หนึ่ง ที่แทบจะยังไม่มีเพื่อนด้วยซ้ำครับ ฉะนั้นในวันที่เดินออกมา ยากมากครับ แต่ในสิ่งหนึ่งที่คุณตา กับคุณแม่สอนเขื่อนมาตลอดคือ เราต้องมีความซื่อสัตย์กับตัวเอง ให้เกียรติตัวเอง

เพราะฉะนั้นวันที่เดินออกมา สำหรับเขื่อนมันก็คือมันไปต่อไม่ได้แล้วจริงๆ ครับ ซึ่งคุณแม่รับรู้ตลอดครับว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะคุณแม่เป็นหนึ่งในไม่กี่คน ที่เขื่อนรู้สึกปลอดภัย ที่จะคุย จะแชร์ เขื่อนรู้สึกอยากที่จะเป็นคนที่อ่อนแอ อยากให้คนเข้ามาช่วย อยากให้คนได้ฟังเรา เขื่อนรู้สึกว่าเขื่อนไม่ค่อยอินกับตรงนี้ของตัวเอง

เพราะเขื่อนวางบทบาทของตัวเองตั้งแต่เด็กว่า เขื่อนทำอะไร ต้องทำให้คนอื่นก่อน เพราะฉะนั้นเรื่องครอบครัว เรื่องเพื่อน เรื่องเรียน แล้วก็เรื่องคู่ชีวิต เขื่อนเอาคนนั้นไปก่อน ฉะนั้นในชีวิตเขื่อน จะมีไม่กี่คนที่เขื่อนรู้สึกปลอดภัย รู้สึกเป็นตัวของตัวเอง ที่ทุกคนเห็นได้ ก็คือคุณแม่

ในวันที่เราเดินออกมาคุณแม่น่ารักมากเรื่องนี้ ประทับใจคุณแม่มาก โทรบอกคุณแม่ เขื่อนตัดสินใจแล้วนะครับ เขื่อนไปต่อไม่ได้แล้วแม่ เขื่อนเลือกที่จะเดินออกมา อันนี้ต้องแฟร์นะครับ เขื่อนไม่ได้เลือกที่จะออกมาคนเดียวนะครับ เราสองคน เขื่อนกับคุณเดเมียนเลือกที่ตัดสินใจร่วมกัน

คุณแม่บอกกลับไทยลูก กลับบ้าน แม่ไม่ถามเลยว่า เกิดอะไรขึ้น แม่ไม่หาเหตุผล ไม่ต้องรู้ว่าเหตุผลอะไร จำได้ว่าตอนคุณแม่บอกว่า กลับบ้าน เขื่อนนิ่ง แบบตัวชา หน้าชา เลยเพราะว่า เอาอย่างไรดี เราเพิ่งมา แล้วมีหน้าที่หลายอย่างมาก เขื่อนก็เงียบไปพักหนึ่ง แล้วก็บอกคุณแม่ว่า ไม่ได้แม่ เขื่อนไม่ได้มาอังกฤษเพื่อจะมาใช้ชีวิตคู่อย่างเดียว เขื่อนมาที่จะเรียนปริญญาเอกด้วย คือเลือกที่จะไปต่อ เขื่อนอยากให้แม่ไว้ใจว่า เขื่อนทำได้ เขื่อนขอเลือกที่จะอยู่ต่อ ที่จะทำตรงนี้ให้เรียบร้อยมากที่สุด ก่อนที่จะก้าวต่อไปครับ”

“มุมมองความรักตอนนี้เปลี่ยนไปมากๆ มากแบบ มากจนน่ากลัว พูดยากมากเลยเพราะว่า ความรักสำหรับเขื่อนตอนนี้มันไม่ใช่แค่คนสองคนที่ ปิ้งกัน มีความสุขจัง Endorphin Sex Hormone พุ่ง นึกออกมั้ย มันไม่ใช่อย่างนั้นแล้วครับ

เขื่อนต้องการคนที่มีอุดมการณ์ตรงกับเขื่อน ไม่ต้องตรงมากก็ได้ แต่เป็นพอที่จะอยู่ด้วยกันได้ Fight for same Cause เพราะว่าเชื่อเรื่องที่เราเชื่อเหมือนกัน และต้องเป็นคนที่ เขื่อนว่าเขื่อนจัดการกับหลายๆ อย่างในตัวเอง ไม่ได้เรียบร้อยนะครับ แต่เขื่อนอยู่ในขั้นตอนการจัดการ

เพราะฉะนั้นคู่ชีวิตเขื่อนๆ ก็อยากเลือกคนที่ค่อนข้างพร้อมระดับหนึ่งด้วยครับ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขื่อนจะบอกก็คือ ถ้าเกิดมองเรื่องความรัก
อาจจะมีเกณฑ์ที่มากขึ้น ที่ตอนเด็กๆ ไม่ได้คิด

ตอนนี้เขื่อนอยากเข้าสู่ช่วงชีวิต ที่เขื่อนสามารถไปกับใคร แล้วไปพร้อมกันได้ เขื่อนเลือกที่จะไปพร้อมกัน ไม่เลือกที่จะเอาเขาไปก่อน หรือเราไปก่อน เพราะฉะนั้นเขื่อนว่าโจทย์ที่เขื่อนตั้ง สำหรับการหาคู่ชีวิตคือ ยากนะ แต่ไม่ได้ปิดกั้นครับ เขื่อนเปิดกว้างเรื่องความรักมาก

เขื่อนว่าแต่ละคน มีความหมายของความรักที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นสำหรับเขื่อนก็คือ อาจจะเป็นความรักที่ เป็นคนสองคนที่เข้าใจกัน เป็นคนสองคนที่มีมุมมองเหมือนกัน หรือว่าอยากจะสู้เพื่ออะไรบางอย่างไปด้วยกัน อาจจะไม่ต้องมีเพศสัมพันธ์กันเลยก็ได้ เขื่อนว่าตอนนี้เขื่อนอยู่ในโลกที่ทุกอย่างเปิดกว้างมาก”.

ชมคลิป