“นาว ทิสานาฏ” คลั่งรัก เฟซไทม์ “พี่นิว” ก่อนนอนทุกวัน ลั่นไม่หวั่นอาถรรพณ์ตัวเลข


ให้คะแนน


แชร์

“ต้องบอกว่าฟีดแบ็กดีมากๆเลยค่ะ เชื่อว่าหลายคนรอชมด้วย เพราะนาวกับพอร์ชก็ไม่ได้เล่นด้วยกันมานานพอสมควร เลยทำให้มีคนรอชมและพอละครออกอากาศฟีดแบ็กที่กลับมาก็ดีมากจริงๆ นาวต้องขอขอบคุณแฟนละครทุกคนด้วยนะคะ เรื่องนี้ต่างจากที่เคยเล่นด้วยกัน คือก่อนหน้านี้เราร่วมงานกันเรื่องสายโลหิต ตอนนั้นบทค่อนข้างจะน่ารักดูฟรุ้งฟริ้ง เพราะจะมีความต่างในเรื่องของวัย บทของตัวละครจะไม่ถึงเนื้อถึงตัว แต่ในละครวงเวียนหัวใจจะเป็นอีกแนวหนึ่ง ที่เดี๋ยวๆเถียงกัน เดี๋ยวก็จูบกันอะไรแบบนี้ นาวคิดว่าแฟนๆน่าจะชอบ ซึ่งการร่วมงานกับพี่พอร์ชก็ค่อนข้างสบายค่ะ เพราะเราเคยร่วมงานกันมาแล้ว พี่พอร์ชเป็นคนเฟรนด์ลี สนุกสนาน ทำให้เราทำงานด้วยกันแบบไม่มีความกังวล”

ละครเรื่องนี้จะมีซีนโรแมนติกพอสมควร การทำงานเป็นอย่างไรบ้าง

“สบายใจค่ะ นาวก็ได้พูดกับพี่พอร์ช กับผู้กำกับเหมือนกันนะคะ เพราะบทค่อนข้างจะใกล้ชิด มีจูบกันบ่อยๆ ว่าบางฉากเราเบรกไหม พี่เขาก็เห็นด้วย เลยมีการปรับให้ดูน่ารักกว่าเดิม แบบจะโดนไม่โดน จะใช่ไม่ใช่แบบเฉี่ยวๆ คือเรารู้สึกว่าบางทีถ้าอะไรที่เห็นบ่อยๆ คนดูก็จะชินและไม่รู้สึกอะไร การที่ให้คนดูได้ลุ้นตามไปด้วยน่าจะดีกว่า ส่วนบรรยากาศการทำงานกับพี่พอร์ช คือพี่เขาก็ขึ้นชื่อเนอะว่าชอบแกล้ง แต่กับนาว ถ้าพี่เขาแกล้งมาเราก็แกล้งกลับค่ะ (หัวเราะ) เราทันเขา เพราะรู้จักกันมาหลายปีแล้ว ตัวเขายังพูดเลยว่า นาวเป็นนางเอกที่เขาแกล้งมาแล้วเราแกล้งเขากลับตลอด เรียกว่าทันกัน”

คนดูตอนแรกมีทักเหมือนกันว่าจะดราม่าหนักหรือเปล่า

“ใช่ค่ะ เพราะช่วงแรกในละครจะค่อนข้างดราม่าหนักเหมือนกัน แต่คิดว่าหลังจากนี้ทุกอย่างจะเข้มข้น ยิ่งตอนเราเข้าไปอยู่ในไร่พระเอกแล้ว จะยิ่งมีฉากน่ารักๆให้ฟินๆกันแน่นอน เป็นละครที่นาวและพี่พอร์ชได้กลับมาเล่นร่วมกันอีกครั้ง และเรื่องนี้ก็แตกต่างจากที่เราสองคนเคยเล่นกันมา อย่างตอนสายโลหิตตอนนั้นจะมีคำฮิตติดปากกันว่า แม่คุณของพี่ ส่วนในวงเวียนหัวใจน่าจะมีติดปากกับคำว่าที่รักๆ แน่นอนค่ะ”

ต้องบอกว่าปีนี้บทที่นาวรับเล่นโตขึ้นมากเลย ทั้งเรื่องนี้และแม่เบี้ยที่เปิดตัวมา

“จริงๆ ตั้งแต่ปี 2020 แล้วค่ะ ที่เราเริ่มรับบทที่โตขึ้น ที่ผ่านมานาวก็เล่นละครดราม่ามาเยอะ ส่วนใหญ่จะเป็นดราม่าเรียบร้อย เป็นตัวละครที่ไม่ค่อยสู้คน แต่กับเรื่องแม่เบี้ยนี่บอกเลยว่าแตกต่างมาก เป็นดราม่าที่สุด รวมไปถึงเป็นแนวอีโรติกด้วย ซึ่งเราไม่เคยเล่นมาก่อน แต่ตัวนาวก็จะมีลิมิต มีกรอบในการทำงานเหมือนกัน ต้องทำความเข้าใจก่อน อย่างบทการแสดงความรัก การจูบกัน อันนี้นาวเข้าใจค่ะเพราะทุกวันนี้ถือเป็นเรื่องปกติในการเล่นละครแล้ว ทุกคนจะเห็นว่านักแสดงจูบกันจริง ไม่ใช้มุมกล้องเหมือนยุคก่อน”

ละครของนาวส่วนใหญ่จะเป็นละครรีเมก กดดันไหม

“ไม่เลยนะคะ เพราะนาวเล่นรีเมกมาทุกเรื่อง มีแค่ 2 เรื่อง คือดวงใจขบถ และหัวใจลูกผู้ชายเท่านั้นที่ไม่ใช่รีเมก แต่พอมาเป็นละครแม่เบี้ย ยอมรับเลยค่ะว่ากดดัน เพราะคนรอดูเยอะมาก คือหนูไม่ได้กดดันเรื่องการเล่นรีเมกแต่กดดันเพราะนาวไม่เคยเล่นแนวนี้ ทุกคนรอชมว่าจะออกมายังไง รวมถึงซีจีต่างๆ ซีจีงูจะเป็นแบบไหน ที่สำคัญคือตอนที่บวงสรวงละครเปิดตัวมาหนูสวมชุดซึ่งทุกคนฮือฮามาก เป็นฟีดแบ็กที่ดีมาก คือก่อนหน้านี้ตอนที่มีข่าวว่านาวจะเล่นเรื่องแม่เบี้ยก็จะมีเสียงค้านมาบ้างว่านาวไม่เหมาะ เราก็ยังรู้สึกติดๆ อยู่ในความคิดเรา แต่พอทุกคนเห็นลุคเราจากตอนบวงสรวง ทุกคนชมว่าได้นะ สวย นาวดีใจมากที่ฟีดแบ็กออกมาดีขนาดนี้”

สถานการณ์โควิด–19 ตอนนี้มีผลกระทบกับการทำงานมั้ย

“แน่นอนว่าทุกคนทราบดีว่าการถ่ายละครนั้น เมื่อถึงเวลาเข้าฉาก เราไม่สามารถใส่แมสก์ได้ ดังนั้น ความพร้อมของกองละครจึงสำคัญ อย่างที่ทำงานกันตอนนี้ ทีมงานทุกคนจะสวมแมสก์ป้องกัน มีการวัดอุณหภูมิกัน 3 เวลาเลย คือ เช้า กลางวัน เย็น แยกกันทานอาหาร ล้างมือบ่อยๆ ส่วนการทำงานอาจจะมีเรื่องสถานที่ อย่างวงเวียนหัวใจ เป็นละครที่ถ่ายทำต่างจังหวัดเยอะพอสมควร พอบางทีเริ่มจำกัดคนทำงาน เพราะกองละครจะมีคนเยอะ ก็ทำให้ต้องเปลี่ยนสถานที่บ้างค่ะ”

ต้องบอกว่างานตอนนี้ ยิ่งอยู่ยิ่งรุ่ง แล้วเมื่อไหร่หัวใจจะพุ่ง แต่งงานซะที

“ไม่รู้เลยจริงๆ ไม่เคยคิดเลยค่ะ” ทางพี่นิวเขาน่าจะคิดแล้วมั้ย “คือเขาก็คิดแหละค่ะ แต่มันนานมาแล้ว เราเคยคุยกันแล้วว่านาวยังไม่พร้อมตรงนี้ ก็เลยมองว่าเรื่องนี้ยังไม่ใช่เรื่องสำคัญนะ เอาไว้แบบนาวเบื่อไม่อยากถ่ายละคร นาวเบื่อวงการบันเทิงแล้วค่อยคิดตรงนั้น ตอนนี้นาวยังสนุกกับการทำงานจริงๆ” นาวกลัวไหม ยิ่งเพลิน อายุก็ยิ่งขยับไปข้างหน้า “นาวก็รู้นะคะ แต่ไม่รู้สึกว่าจะมีผลต่อความรู้สึกของเราสองคน นาวว่ายิ่งอายุเยอะแต่ยังอยู่ด้วยกันมันก็น่าจะดีกว่า เลยไม่ได้คิดอะไร”

ทุกวันนี้ยังเฟซไทม์กันถึงเช้าอยู่ไหมคะ

“ใช่ค่ะ (หัวเราะ) 8 ปีแล้วอะ ตอนนี้ไอแพดจะพังแล้วค่ะ ใช้มาตั้งแต่ปีแรกจนถึงตอนนี้ โฆษณาต้องเข้าแล้วนะ (หัวเราะ)”

ด้วยความที่ทำทุกอย่างจนเป็นความเคยชิน เลยทำให้ไม่คิดแต่งงานหรือเปล่า

“นาวเป็นคนที่ไม่คิดเรื่องแต่งงานอยู่แล้ว ตั้งแต่เด็กๆเลย แต่ถามว่าเวลาเห็นเพื่อนน่ารักแต่งงานน่ารักๆ รู้สึกมั้ย มันก็มี แต่เราก็ยังรู้สึกว่ามันเลือนรางสำหรับเรา”

สาวๆจะฝันสวมชุดแต่งงาน แต่เกี่ยวไหม ที่นาวสวมอยู่บ่อยๆในละครจนชิน

“ไม่หรอกค่ะ แต่ก็จริงที่ละครหลายเรื่องเราเคยสวมชุดแต่งงาน แม้กระทั่งถ่ายแฟชั่นชุดแต่งงาน จนทำให้เรารู้สึกว่าเราชินไปแล้ว นาวก็เลยคิดว่าหากวันหนึ่งข้างหน้าเราจะแต่งงาน ก็คงจะจดทะเบียนสมรส บอกครอบครัวของเราทั้งคู่รับรู้ เท่านี้พอแล้ว เราไม่ต้องการจัดงานใหญ่โต เพราะนาวเป็นคนที่ไม่ชอบขึ้นไปบนเวทีแล้วพูดอะไรเยอะๆ คืออายค่ะ (หัวเราะ)”

เดี๋ยวนะนาว คือเป็นนางเอกทำงานในวงการบันเทิงมานานน่าจะชิน

“(หัวเราะ) จริงๆค่ะ นาวอายนะ คือมันไม่เหมือนกับการทำงาน ที่เราทำการแสดง มีบทให้พูด ตัวนาวเป็นคนพูดความในใจไม่ค่อยได้กลัวมันไม่ราบรื่น”

ถึงเวลาจริงๆ พี่นิวพูดแทนหมดแหละ

“(หัวเราะ) ใช่ค่ะก็น่าจะต้องให้พี่เขาเป็นคนพูด”

ไม่เห็นใจพี่นิวเหรอ พี่เขาก็จะขึ้นหลัก 4 แล้วนะ

“เราก็มีคุยกัน นาวถามพี่เขาว่า พี่…พี่ก็ยังไม่อยากแต่งใช่ไหม? (หัวเราะ)”

เปิดแบบนี้พี่เขาจะกล้าตอบไหมล่ะ

“คือนาวเป็นคนตรงๆ เวลาถามก็จะถามตรงๆ อย่างความรู้สึกตัวเองที่ยังไม่อยากแต่ง ก็จะบอกพี่เขาตรงๆว่า ยังไม่อยากแต่งนะ พี่เองก็ยังไม่อยากแต่งใช่ไหม เขาก็บอกว่าใช่ๆ รอนาวพร้อม เพราะตัวพี่เขาตอนนี้ก็อยากจะทำธุรกิจใดๆอยู่ ทำให้เราทั้งคู่ยังไม่พร้อมตรงนี้”

อาถรรพณ์เลข 7 ก็ผ่านมาจนปีนี้เข้าปีที่ 8 แล้ว เรียกว่าผ่านมาหมด

“ใช่ค่ะ แต่ไม่ได้รู้สึกว่า 7, 8, 3, 5 มันจะต้องมีอาถรรพณ์หรืออะไรยังไง คิดว่าการคบกันคือดูแลกันไปเรื่อยๆมากกว่าค่ะ”

งั้นนาวคิดว่าทำไมนาวและนิวถึงก้าวเข้ามาถึงปีที่ 8

“นาวคิดว่า ถ้าคบกับคนวัยเดียวกันเราอาจจะไม่ได้คบกันยาวถึงตอนนี้ก็ได้ แต่พอเป็นพี่นิว เขามีความเป็นผู้ใหญ่ มีวุฒิภาวะ สมัยที่เราคบกันแรกๆ หนูยังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่เลย ตอนนั้นยังมีความงี่เง่า มีงอนบ้าง แต่พี่เขาจะใช้เหตุผลกับเรา จนเราเข้าใจ และเขาเสมอต้นเสมอปลายมากๆ ค่ะ”

ถามจริงๆ นาวไม่เคยเห็นภาพสร้างครอบครัวเลยเหรอ

“คือตัวนาวตอบตรงๆ ว่าไม่คิดจะมีลูก เพราะยุคนี้อะไรหลายๆอย่างค่อนข้างน่ากังวล ถ้าเราจะมีลูก อย่างตอนนี้ก็มีโรคโควิด-19 ในสังคม สภาพแวดล้อมต่างๆ ที่เรารู้สึกว่าไม่ปลอดภัย มันต่างจากยุคของนาวที่เกิดและโตมาในช่วงที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เริ่มมีอินเตอร์เน็ต เป็นรุ่นที่ยังฟังเพลงจากเทป จากซีดีอยู่เลย ซึ่งเด็กสมัยนี้เขาไม่รู้จักแล้ว เราโตมาในช่วงคาบเกี่ยวทำให้เราได้เรียนรู้วัฒนธรรมดีๆต่างๆ แต่ในวันหนึ่งข้างหน้าถ้าเราจะมีลูก เราก็กลัวกับการเลี้ยงดูว่าเขาจะทำอย่างไร คือเราอยากให้เขาเป็นอย่างเรา ถ้ามีก็อยากให้เขาโตขึ้นมาแบบหนูกับแม่หนู”

แล้วคุณพ่อคุณแม่ของทั้งคู่เข้าใจไหมคะกับทัศนคติแบบนี้

“เข้าใจค่ะ เพราะตอนนี้สิ่งที่พี่นิวทำก็เหมือนกับเป็นครอบครัวเดียวกันอยู่แล้ว เพราะถ้าวันไหนพี่นิวมีเวลาว่าง พี่นิวก็จะมาหาที่บ้าน มานั่งเล่น มาทานข้าวอยู่ที่บ้านทั้งวัน คุณพ่อคุณแม่จะเห็นเราทั้งคู่ทุกวันแบบนี้ ท่านก็เลยไม่ได้รู้สึกว่าห่างเหิน รู้ว่าทำอะไรอยู่ อย่างเวลาพี่นิวพานาวออกไปทานข้าวข้างนอก พี่นิวก็จะถ่ายรูปแล้วส่งไปให้คุณแม่นาวดูทุกครั้ง บอกว่าพาน้องออกมากินข้าวนะ หรือพาน้องออกไปทำอะไรก็จะบอกคุณแม่ตลอด ทำให้คุณพ่อคุณแม่หนูก็ไม่พูดกับหนูเรื่องนี้ ส่วนครอบครัวพี่นิวเอง นาวก็เชื่อว่าน่าจะรอให้เราทั้งสองคนพร้อม อยู่ที่หน้าที่การงานของเรา ในเวลานั้น มั่นคงพอไหม”

คือคิดจะร่วมทุนทำด้วยกันอยู่

“ใช่ค่ะ นาวอยากเปิดร้านอาหารเป็นร้านแบบคาเฟ่ ถ้าทำก็ทำกับพี่นิวล่ะค่ะ คุยกันเอาไว้ก่อน แต่ต้องพับโครงการเพราะมาเจอกับโควิด-19 เข้าพอดีตอนนี้เลยต้องเก็บสตางค์ไว้ก่อนค่ะไม่รีบ”

แล้วงานในวงการบันเทิงล่ะ

“อยู่ไปเรื่อยๆเลยค่ะ เพราะนาวยังชอบบรรยากาศของการไปกองถ่าย การได้เจอพี่ๆ เพื่อนๆนักแสดง ทีมงาน ถามว่ามันเหนื่อยไหม มันเหนื่อยนะคะ แต่นาวมีความสุขทุกเช้าที่ตื่นมาแล้วออกไปทำงานไปถ่ายละคร การได้เจอได้เล่นกับทุกๆคนค่ะ”.

เรื่อง: วรรณี ห่อวโนทยาน

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2035905
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2035905