“โอม ค็อกเทล” เกินคาด “ดึงดัน” โคตรปัง เข้าถึงทุกวัย บทบาทที่ยิ่งใหญ่ปั้น “คลื่นลูกใหม่”


ให้คะแนน


แชร์

เพลงนี้พลังมาจากไหน

“ตัวชี้ไปทุกที่ไปหลายแบบ ไปเด็ก ผู้ใหญ่ ไปวัยทำงาน วัยศึกษา ซึ่งแปลกดี เราไม่ได้คาดหวังขนาดนั้น เราอยู่กับแฟนเพลงเรา เราเล่นดนตรีมา 18 ปี อยู่แกรมมี่มา 11 ปี แฟนเพลงเราเป็นวัยทำงานเกือบทั้งหมด เราไม่แปลกใจวันนึงมันจะโรยราไปตามช่วงเวลา แต่เพลงนี้ดึงทุกอย่างแปลกดี ขอบคุณพี่ตั๊กด้วย มันเหมือนเป็นจิ๊กซอว์ ขาดพี่ตั๊กคงขาดไม่ได้ พอมีสร้างสมดุลบางอย่างในเพลงและสร้างเพลงนี้เปิดออกไปสู่บุคคลอีกกลุ่มนึงด้วย คนที่เค้าไม่ได้คอนเน็กซ์กับเรา”

มองเรื่องดวงชะตาฟ้าลิขิตเพราะเราจับคู่กับพี่ตั๊กหรือเปล่าพากันดัง

“เคยคุยกันคงเคยทำบุญอะไรกันมาแต่ไม่มีหรอกเพราะเราลิขิตเอง ต่อให้มีชาติที่แล้ว ชาติหน้าก็เป็นบุญที่เราทำกันมาในชาติอื่นๆ คือเราลิขิต แต่ลิขิตเมื่อไหร่มันก็อีกเรื่องนึง” ตัวพี่ตั๊กล่ะแกดีใจตื่นเต้นขนาดไหน “ดูในไอจีกก็จะรู้ว่าแกแฮปปี้มากขนาดไหน เสียดายวันนี้แกไม่ได้มาด้วย อยากให้แกพูดเอง แกมีความสุขครับ ดีใจ นึกถึงวันที่แกบอกว่าไม่อยากร้องเพลงแล้วโอม พอแกกลับมาได้ร้องเพลง มันมีเพลงแบบนี้ พี่ตั๊กพูด โอมไม่เข้าใจความรู้สึกพี่หรอก พี่ไม่เคยมี ก็พี่ไม่มีไง แต่ยุคพี่ขายเทปกี่ม้วนล่ะตอนนั้น มันคนละยุคกัน พี่ตั๊กเล่า แกไม่เคยมีเพลงร้อยล้านวิว มันสำคัญสำหรับพี่ โอเค ความสำคัญของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ของผมการได้ร้อยล้านอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ว่าสำหรับผมเรื่องใหญ่จริงๆคือเพลงใช้งานในสนามได้จริงๆหรือเปล่า พูดกับน้องก็พูดแบบนี้ ไม่รู้ว่าเพลงจะฮิตมั้ย แต่ยังไม่กลับไปเล่นสดเราไม่รู้ว่าเพลงใช้งานในสนามได้หรือเปล่า เห็นเพลงใช้งานได้คือจบ”

ศิลปินเด็กๆที่โอมต้องรับผิดชอบคอยดูแลตอนนี้

“ไททศมิตร, ทรี แมน ดาวน์, ทิลลี่ เบิร์ด มีเซ็นอีก 5” แต่ละวงน้องใหม่แต่กำลังมาทั้งนั้นเลย เหมือนโอมได้ช่วยเจียระไน “ผมว่าดนตรีที่ดี ดนตรีคืองานศิลปะ ศิลปะที่ดีเกิดจากมนุษย์ที่พร้อม เราแค่ดูแลคนคนนึงให้อยู่ในสภาพที่รู้สึกสบายใจทำงานเท่านั้นเอง ดูแลความเป็นคน ที่เหลือไม่ต้องไปยุ่งกับเค้ามากงานเค้าทำได้เอง”

เขาอาจจะขาดประสบการณ์

“คือบางอย่างมันสอนกันไม่ได้ รู้สึกต้องปล่อยเค้า เรามีลู่ให้เค้าวิ่ง ไม่ให้เป๋เพียงพอแล้ว”

ตำแหน่งผู้บริหารตรงนี้หนักหนาขนาดไหน

“ไม่ได้คิดอะไร ผมว่าถ้าเราไม่คิดเราก็จะไม่รู้สึก คิดว่าหนักก็หนัก คิดว่าเบาก็เบา ถ้าไม่คิดก็ไม่ทันรู้สึก ทำตามหน้าที่ สนุกกับหน้าที่”

ก่อนหน้าที่จะมาเป็นนักร้องคนจะมองโอมมีองค์ความรู้เรื่องกฎหมาย พอมาเรื่องดนตรีอีกศาสตร์

“จริงๆเป็นเรื่องเดียว กันเลยเป็นเรื่องตรรกะ การจัดการมันเหมือนกันหมด มีกฎเป็นแกนกลางอยู่ ผมว่ามีหลักการของกฎหมายว่า กฎหมายระดับล่างจะต้องไม่ขัดกับลำดับบน ผมว่าจริงๆเหมือนการใช้ชีวิต การทำงานก็เหมือนกัน เรามีเป้าสูงสุด เรามีเป้าลำดับรองลงมา เกิดปัญหาอะไรเราสามารถพลิกแพลงได้ ไม่ลืมเป้าสูงสุดอยู่ที่ไหน อีกเรื่องคือการปฏิเสธเป็นเรื่องอัตโนมัติของทีมงานเลยว่า จะไม่มีการปฏิเสธโดยปราศจากเหตุผล เวลาเราปฏิเสธลูกน้องหรือใดๆ หรือลูกน้องปฏิเสธกันเอง เค้าต้องได้รับเหตุผลว่าทำไมถึงถูกปฏิเสธ ต้องได้สิทธิ์โต้เถียง ไม่งั้นเด็กไม่มีใครได้ฝึกอะไร ถ้าบอกว่าไม่ เด็กถามทำไม บอกว่าโง่ คือมันเป็นคำตอบที่ไม่ได้ช่วยอะไร ทุกคนต้องได้รับสิทธิ์ในการถูกปฏิเสธ การบริหารเด็กๆ เราก็เหมือนกับเป็นการบริหารแบบให้ทางเลือก เด็กบอกต้องการอะไร เราจะบอกเด็กว่าจากประสบการณ์ของเราชี้ให้เห็นว่า ประสบการณ์ จากข้อมูล จากตัวเลข ผลดี ผลเสียของสิ่งนี้คืออะไร คุณเลือกแล้วมันเอ็กซ์เซฟได้ขนาดไหน ต้องรับข้อดี ข้อเสียให้ได้ทั้งหมด”

เพลงกระแสแรงจะมีผลต่องานอื่นๆของเราไหม

“ถ้าแบ่งเวลาได้ก็ไม่บั่นทอนนะ เราต้องพิถีพิถันแบ่งเวลามากขึ้น ใส่ใจในเรื่องของการแบ่งเวลามากขึ้น”

ตอนนี้ใน 1 วันมีหลายพาร์ตเยอะขึ้น มีลูกสองคนแล้วด้วย มีหน้าที่ใหม่เพิ่มขึ้นมาด้วย

“ตั้งแต่มีลูก 2 คน โควิดมาตลอดเลย ผมรู้สึกว่าง มีเวลามากพอ ช่วงปลายปีที่ต้องออกทุกวันก็แอบรู้สึกแก่ขึ้นเหมือนกันเนอะ มันเหนื่อยเหมือนกัน อย่างว่าแหละ ถ้าไม่คิดว่าเหนื่อยก็ไม่ทันคิด ทำไปตามสภาพ ง่วงก็นอน ต้องพัก ต้องทานอาหารให้ถูก เราคิดว่าประคองร่างกายสมบูรณ์พอเพื่อทำงานต่อไปได้ มีสมองคิดต่อไปได้ ทั้งหมดเพื่อร่างกายที่ดีขึ้น ทั้งหมดเพื่อให้มีปัญญาที่ดีขึ้น ร่างกายที่ดีก็เป็นส่วนหนึ่งของงาน ไม่ใช่บอกว่าผมทำงานๆๆ แล้วปล่อยร่างกายโทรม ช่วงมีโควิดเลยทำให้อัลบั้มค็อกเทลเสร็จก่อนเลย ไม่ได้มีแนวที่ชัดเจน แต่เป็นแนวสะดวกแบบนี้ คือเรารู้สึกเล่นดนตรี ผมสนุกแบบไหนก็อยากทำแบบนั้น จะยี่สิบปีผ่านไป ผมอยากเล่นให้เหมือนเล่นครั้งแรก แค่หยิบกีตาร์ออกมาเล่น ผมชอบแบบไหนก็เล่นแบบนั้นมันเลยไม่ได้มีแนวเพลงชัดเจน พี่อ๊อฟ บิ๊กแอส กับพี่โน่ ดนัย โปรดิวเซอร์คู่ เพลงมันเยอะ โปรดิวซ์สองคน ก็พูดทำอะไรวะเพราะเพลงวาไรตี้เหลือเกิน ผมก็บอกพี่เค้าว่า ผมสะดวกแบบนี้พี่ เอาเราสนุก ถ้ามันจะดัง เพลงออกจากมือเราไปก็ไม่ใช่ของเรา แล้วแต่เค้าเถอะ ไม่เคยควบคุมใครได้”

ช่วงโควิดรอบสองงานเป็นยังไง

“งานอื่นๆ ก็มีอยู่ไม่ใช่น้อย เราไปตามสภาพเพราะค็อกเทลเองมีกองทุนกลางบริหารจัดการ เหมือนครั้งที่แล้วเราจัดการแบ่งให้ทุกคนเหมือนทุกคนเล่นสิบงานได้จนครบ เราคิดว่าเราเตรียมตัวมาดีพอและมีการตักเตือนว่ามันจะต้องกลับมาแน่นอน เราสำรองเงินทุนตรงนี้เพื่อเลี้ยงดูทุกคนให้มันผ่านไปได้อีกครั้งนึง เราไม่ประมาท เรากลัวระบาด ใช่ แต่เรามั่นใจดูแลคนของเราได้ มีวันนึงไปงานศพมา จากนั้นวงไปนั่งกินข้าวกัน นั่งคุยกัน กลับบ้านมารู้สึกดีเหมือนกันนะ เราไม่ค่อยใช้เวลากับที่วงแบบนี้เหมือนตอนเด็กๆ ส่วนใหญ่ผมไม่ได้สุงสิงเยอะ เราต้องนอน เราต้องพักเยอะกว่าคนอื่นเค้า ถึงเวลาเล่นเสร็จ ยิ่งเป็นช่วงโควิด จะมาละห้อยอยู่ที่ร้านนาน แฟนเพลงจะถ่ายรูปๆๆ เราไม่อยากปะทะ เราอธิบายได้ไม่หมดไม่อยากสร้างประเด็นเรื่องนี้ ดีที่สุดคือไม่อยู่ให้เห็น เพื่อไม่ให้เกิดความน้อยอกน้อยใจด้วย บางทีอธิบายได้ไม่หมดขนาดนั้น ลงจากเวทีคือนักร้องหายก่อนเลย วันนั้นพอเราได้นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ เราสนิทกัน แต่สนิทกันไม่จำเป็นต้องใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดเวลา”

จริงๆ เส้นทางดนตรียังมีความตื่นเต้นอะไรมั้ยที่เราอยากจะทำ

“ผมตื่นเต้นทุกครั้งที่เพลงใหม่จะออก เพียงแต่ผมอาจจะด้วยวัยที่เปลี่ยนไป ผมอาจจะไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า ท่าทีในโซเชียลมีเดีย ยิ่งในโซเชียลจะไม่เห็นสภาพอารมณ์ของผมเท่าไหร่ ไม่ประกอบอาชีพนี้อาจจะเลิกเล่นไปแล้ว เพราะเรารู้สึกไม่ได้เป็นเอกซ์เพลสเรื่องพวกนี้เยอะ เราอยากเล่าแต่งานไม่อยากเล่าชีวิตส่วนตัว ไม่ใช่รังเกียจแต่เราแค่ไม่ใช่คนแบบนั้น แต่ชอบดูของคนอื่น เป็นสายสอ ดูของคนอื่นแฮปปี้ดี เราอาจจะไม่ใช่คนแบบนั้นก็เลยเขินที่จะทำแบบนั้นเท่านั้นเอง”

การทำงานที่มีบทบาทมากขึ้น ครอบครัวมีส่วนซัพพอร์ต

“ไม่มีครอบครัวงานทำอย่างนี้ไม่ได้ ภรรยาผมเค้าเป็นคนดูแลทุกอย่างหลังบ้านได้สมบูรณ์ อย่าดูถูกอาชีพแม่บ้านนะ เป็นอาชีพที่โหดร้าย เค้าดูแลทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบ เราถึงออกไปทำงานนอกบ้านได้อย่างสบายใจเราทั้งคู่เชื่อเหมือนกัน อยู่ด้วยตัวเองได้เป็นพื้นฐาน ไม่หวังพึ่งและการพึ่งพิงจะเกิดขึ้นตามครรลอง ถ้าเราหวังจะพึ่งเมื่อไหร่ก็ขาด มันเหมือนกับว่าถ้าเรามีคนละร้อย เราสองคนมีความมุ่งมั่นที่จะร้อย ส่วนเกินจะมาแบ่งปันเสมอ มันไม่ใช่การเติมเต็มแต่เป็นการเติมล้น ไม่เกิดการเรียกร้องอะไรจากใคร มีบ้าง เราเป็นมนุษย์แต่ภาพรวม เป้าหมาย จะอยู่ด้วยตัวเองอย่างไร จะเกิดคำถามเค้าเป็นแม่บ้านจะดูแลยังไง เค้าก็มีของเค้า ทรัพย์สินครึ่งนึงของเราก็เป็นของเค้าตามกฎหมาย” ตอนนี้มีลูกหญิงคนชายคน คิดมีเพิ่มอีกสักคนมั้ย “ไม่แล้วครับ ทำหมันไปแล้ว”

ใครเป็นคนทำ

“ภรรยาเป็นคนทำเพราะเค้าผ่าคลอด ตอนแรกผมจะเป็นคนทำแต่หมอผ่าบอกให้ทำเลย ผมรับผิดชอบด้วยการยืนดูผ่าจนเสร็จ ใครจะเปิดท้องให้ดูง่ายๆ ผมชอบมากตอนทำความสะอาดช่องท้อง เอาขนหนูมาเช็ดๆ เห็นสภาพนี่หม้อหรือท้องคน (หัวเราะ) ภรรยาเค้าบอกอุ่นใจที่เรายืนอยู่ตรงนั้นตลอด ไม่ใช่ยืนหลบแล้วทำหน้าซีดอยู่ตรงนั้น”

น้องเวฬา ลูกสาวคนโตเป็นเด็กอ้อนพ่อบ้างไหม

“เค้าเป็นเด็กไว โต้ตอบเป็นเหตุเป็นผล เค้าติดเรา” มีประโยคไหนฟังแล้วพ่ออึ้งๆ ไม่คิดว่าลูกจะพูด “เวลาที่จัดกระเป๋าไปทะเลกัน จัดไปสักพักเค้าบอกไม่จัดแล้วกระปง กระเป๋า มันยากไปหมดเลยคุณพ่อทำเถอะ เวฬาเหนื่อย เราก็งง อะไรวะ อนุบาลหนึ่งเองนะ เค้าไม่ใช่เด็กอ้อน แต่จะอ้อนเวลาที่เอาอะไรมากกว่า”

มีแววนักร้องตามคุณพ่อ

“ยังไม่เห็นแววนะ รู้แต่ว่าขึ้นรถเปิดเพลงคนอื่นไม่ได้ เปิดแต่เพลงคุณพ่อ ซึ่งเราฟังจนเบื่อ ตอนนี้เค้าฟังอัลบั้มใหม่ เพลงดึงดันร้องได้แต่แรกแล้วครับ”.

เรื่อง : วรรณี ห่อวโนทยาน
          สุภลัคน์ วุฒิกรีธาชัย
ภาพ : สุรกิจ แก้วมรกต

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2040328
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2040328