อ๋อม อรรคพันธ์ ชีวิตต้องแลกเมื่อเข้าวงการบันเทิง คุ้มค่ามากกว่าเสีย


ให้คะแนน


แชร์

ก็เชื่อว่าอย่างน้อย 4-5 ปี ก็คิดว่าได้นะ (หัวเราะ) พร้อมเปลี่ยน และพร้อมลองทุกบทบาท ยกเว้นบทพ่อนะ เอาไว้ก่อน (หัวเราะ) บทนี้ยังไม่ถึงเวลาจริงๆ”

ยังรักช่อง 7 ไม่คิดเปลี่ยนใจ

เพราะ อ๋อม อรรคพันธ์ ก็อยู่กับช่อง 7 มานานนับสิบปีแล้ว และเพื่อนๆ พระเอกรุ่นเดียวกันหลายคน ก็ทยอยออกไปเป็นนักแสดงอิสระกันเยอะ เพื่อยืดอายุการเป็นนักแสดงนำในช่องอื่นๆ สำหรับอ๋อมคิดและมองอนาคตตัวเองแบบไหน 

“ผมไม่ได้คิดถึงตรงนั้น แต่ผมเชื่อว่า ถ้าอยากจะเล่นบทนำ ไม่ต้องไปอยู่ที่อื่นหรอก ที่นี่ก็มีให้เล่น ใครที่ออกไปก็เป็นทางเลือกของเขา เพราะมันมีทางหลากหลายมากขึ้น

แต่สำหรับผม ผมแฮปปี้กับการอยู่ตรงนี้ ผมยังมีสัญญาและไม่อยากไปไหน ผมอยากทำงานกับช่องอย่างต่อเนื่องไปก่อนครับ (ยิ้ม)”

จากนั้นเราถาม อ๋อม อรรคพันธ์ ต่อว่า แม้ตอนนี้อ๋อมจะเป็นพระเอกพี่ใหญ่ของช่องไปแล้ว แต่แฟนละครของช่องกลับมองว่าเป็นขาลงของอ๋อมแล้ว รู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ ซึ่งอ๋อมยิ้มให้เราก่อนตอบคำถามนี้ว่า 

“ก็ไม่แปลกและก็ไม่ผิดนะครับที่เขาจะคิดแบบนั้น มันเป็นเรื่องธรรมดา ผมอยู่ตรงนี้มาไม่ใช่เวลาน้อยๆ ด้วยวัยเอย ระยะเวลาที่เล่นละครมาด้วยก็ค่อนข้างนานนะ

คนที่คิดแบบนี้ผมไม่ว่า แต่ผมก็พยายามทำทุกอย่างของผมให้ดีที่สุดแล้วใครจะมองว่าผมขาลงผมไม่ว่า แต่ผมรู้ว่าผมมีงานละครอย่างต่อเนื่องผมโอเคแล้ว

และผมไม่เสียใจเลยที่คนมองแบบนี้มันเป็นสิทธิ์ของคนที่จะมอง เขามองแบบนี้ได้ แต่ผมทำเต็มที่ของผมแล้วจริงๆ เหมือนกัน (ยิ้ม)”

ได้มาเสียไป

คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า คนในวงการบันเทิงหลายคนเคยพูดคำๆ นี้กับเราเสมอ เมื่อเราถามว่า วงการบันเทิงให้อะไรกับคุณ หรือหลายๆ คนอิจฉาดาราที่มีชีวิตดูสุขสบาย มีความสุข ชีวิตอู้ฟู่หรูหรา 

ซึ่ง อ๋อม อรรคพันธ์ ก็เป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่า การเข้ามาในวงการบันเทิงของเขานั้นมันเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องแลกกับบางสิ่งบางอย่างไปไม่น้อยเหมือนกัน ซึ่งสิ่งที่อ๋อมต้องแลกมันมานั้นคือ ชีวิตความเป็นส่วนตัวของเขาเอง

และยังต้องคอยระวังตัวเองตลอดเวลา ดูแลภาพลักษณ์ของตัวเองเพื่อไม่ให้มีข่าวเสียหาย ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกินความสามารถ ยังทำได้ ยังรับได้ เพื่อแลกมากับรายได้ เพื่อที่จะเอาไปดูแลครอบครัว มันคือสิ่งที่อ๋อมต้องแลกมา

ซึ่งพระเอกหนุ่มมองว่าสิ่งที่ได้มามันคุ้มกว่าสิ่งที่เสียไป แม้ในช่วงแรกๆ จะรู้สึกอึดอัด เพราะเป็นคนขี้อาย แต่พอมาอยู่จุดนี้ มันผ่านมา ซึมซับ ทำให้ค่อยๆ ชิน และกล้ามากขึ้น เพราะอาชีพนี้มันทำให้อ๋อมพัฒนาตัวเองไปในทางที่ดีนั่นเอง

ซึ่งอ๋อมมองว่าสิ่งที่ได้จากวงการมันคุ้มกับการที่อ๋อมจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อแลกกับมัน ก่อนจะเล่าแบบขำๆ ว่า วงการบันเทิงทำให้อ๋อมนั้นมีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น เมื่อก่อนชอบเดินก้มหน้าตลอด ไม่กล้ามองตาใคร ก้มมองดูว่าลืมรูดซิปไหม แต่เดี๋ยวนี้ มองหน้าทุกคน ยิ้มกว้างต้อนรับ ซิปไม่รูดก็ยังไม่รู้ตัว เพราะยืนยิ้มมั่นใจอยู่  

ถูกวิจารณ์ฝีมือไม่พัฒนา

แต่แม้ อ๋อม อรรคพันธ์ จะเล่นละครอยู่ในวงการมาเป็น 10 กว่าปี แต่อ๋อมก็ยังถูกแฟนละครบางกลุ่มตามคอมเมนต์ติเรื่องการแสดงอยู่เสมอ

ไม่ว่าจะเรื่องแอ็กติ้งที่ยังเล่นแข็ง เล่นเหมือนท่องบทมา พวกคำตำหนิเหล่านี้อ๋อมเคยได้ยินมาบ้างมั้ย มันบั่นทอนความรู้สึกในเรื่องของการทำงานหรือเปล่า ซึ่งพระเอกหนุ่มอธิบายถึงสิ่งนี้ให้เราฟังว่า 

“เล่นมา 10 ปีก็ยังโดนด่าครับ แต่ผมก็ไม่เถียงนะ เพราะมันอาจจะจริงก็ได้ คนมองว่าเล่นละครเหมือนท่องบทมา เล่นแข็งเป็นท่อนไม้ ก็เสียใจนะว่าเราเล่นแข็งมากขนาดนั้นเลยเหรอ (ยิ้ม)

แต่ผมก็เอามาเป็นแรงผลักดัน ไม่กดดัน แต่ก็พยายามทำให้ดีกว่าเดิม อาจจะยังไม่ดีมากเท่าคนอื่น คนที่เขามาคอมเมนต์ว่า เขาอาจจะตั้งมาตรฐานฝีมือนักแสดงเอาไว้สูงกว่าที่ผมทำได้ ไม่แปลกไม่ผิด

แต่ผมก็พยายามทำให้มันดีขึ้นในทุกๆ วัน เขาอาจจะเอาผมไปเปรียบเทียบกับคนที่เก่งกว่าก็ไม่เป็นไร ผมไปมองในส่วนคนที่ชมดีกว่า เล่นดีนะ เป็นกำลังใจให้กัน ไม่เก็บคำวิจารณ์มาบั่นทอนตัวเอง

และผมอยากจะบอกว่า วงการบันเทิงให้ความรับผิดชอบกับผมนะ เมื่อก่อนเป็นเด็กผู้ชายเกเรคนหนึ่ง แต่พอมาทำงานในวงการบันเทิงมันทำให้ผมมีความรับผิดชอบขึ้นเยอะมาก

เพราะถ้าเราขาดความรับผิดชอบจะส่งผลกระทบกับอีกหลายหน้าที่ กระทบหมด เรามาสายคนอื่นก็ต้องมารอ ผมไม่อยากทำให้คนอื่นเดือดร้อน ไม่อยากเป็นภาระใคร

และมันทำให้ผมมีความมั่นใจ กล้าพูดมากขึ้น ตลอดเวลาที่ผมอยู่ในวงการบันเทิง ผมได้อะไรมาเยอะมากเลย อ๋อมวันแรกกับวันนี้ต่างกันเยอะมาก แตกต่างแบบหน้ามือเป็นหลังมือเลย

เมื่อก่อนผมเป็นคนไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือ อ่าน 2 บรรทัดหลับ แต่ตอนนี้ต้องอ่านบทละครได้เป็นเล่มๆ จำได้หมดเลย ก็ไม่คิดว่าจะทำได้ (ยิ้ม)  

เพราะอย่างนี้ในอีก 10 ปีข้างหน้า ผมก็จะเป็นนักแสดงอยู่ เพราะผมยังรักในอาชีพนี้ ผมจะดูแลและพัฒนาฝีมือของตัวเองให้ดีขึ้นครับ”

พระเอกคาสโนว่า

และอย่างที่หลายคนได้ยินมา อ๋อม อรรคพันธ์ กลายเป็นพระเอกอีกหนึ่งคนที่ถูกตั้งฉายาให้เป็น คาสโนว่า เนื่องจากมีข่าวคราวกับสาวๆ ในวงการอยู่บ่อยครั้ง และเจ้าตัวมักจะบอกว่าไม่มีอะไรในกอไผ่ เป็นแค่พี่น้องหรือเพื่อนกันเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ อ๋อมโปรยยิ้มหวานให้ก่อนตอบคำถามเรื่องฉายานี้ว่า

“ผมไม่ได้รู้สึกอะไรนะ ใครจะมองว่าอะไรก็ช่างเพราะเรามั่นใจในตัวเราว่าไม่ได้ทำอะไรผิดและเสียหาย แม้ฉายานั้นจะทำให้คนติดภาพ และมองผมในแบบนั้น มันไม่ใช่เรื่องเลวร้าย

คนที่ถูกมองว่าเป็นคาสโนว่า อาจจะเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีก็ได้ หรือเป็นคนเฟรนด์ลี่ก็ได้ ไม่ได้เลวร้าย ผิดลูกผิดเมียแย่งแฟนใครเขา และผมก็เป็นโสดมีสิทธิ์คุยกับใครก็ได้”

แต่งานนี้ อ๋อม อรรคพันธ์ ก็ยอมรับว่า เพราะฉายาคาสโนว่านี่แหละ ที่ส่งผลทำให้สาวๆ กลัวพระเอกหนุ่มไม่น้อย โดยอ๋อมเล่าให้เราฟังต่อว่า 

“เพราะภาพที่คนมองผมเป็นคาสโนว่า ก็ทำให้ผมถูกผู้หญิงปฏิเสธเหมือนกันนะ (ยิ้ม) และเพราะผมโดนมองว่าเป็นคาสโนว่า ทำให้ผู้หญิงกลัวผม ไม่กล้าคุยกับผม

แต่ผมมั่นใจว่าผมไม่ได้เป็นอย่างนั้น ถ้าผมอยากคุยกับใคร ผมก็จะแสดงให้เขาเห็นว่าผมไม่ใช่คนแบบน้ั้น และผมเชื่อว่าสักวันเขาก็จะรู้เอง

และผมไม่เคยคุยกับใครหลายๆ คนพร้อมกัน ผมคุยทีละคน ถ้าคุยแล้วไม่โอเค ผมก็หยุดคุยและคุยกับคนใหม่ แต่อาจจะเร็วเกินไปถ้าคนมอง แต่จริงๆ ผมชัดเจนตลอดนะ (ยิ้ม)

ถึงจะเป็นดารานักแสดง มีชื่อเสียง ก็ใช่ว่าจะมีคนอยากเข้าหา เพราะบางคนเขาก็ไม่กล้าคุยกับดารานักแสดง เพราะเขากลัว ด้วยความมีชื่อเสียง เจอคนเยอะมันทำให้เขารู้สึกอึดอัด ไปไหนมาไหนมีแต่คนขอถ่ายรูป

บางทีก็มองเราและไปมองเขา ก็กลายเป็นจุดสนใจ เขาจะอึดอัด นี่คือเหตุผลนึงที่ดาราบางทีก็คบกันเองเพราะเขาเข้าใจกัน (ยิ้ม)

คนที่ไม่ได้อยู่ในวงการ เขาไม่เคยเจอ เดินไปไหนมีแต่คนมอง คนมาขอถ่ายรูป ผมเคยคุยกับผู้หญิงคนนึงแล้วเขาบอกผมแบบนี้ ซึ่งผมก็เข้าใจเขานะ

ซึ่งผมยอมรับว่าพอทำอาชีพนี้มันก็ต้องแลกกับอะไรบางอย่าง แลกกับสิ่งที่เราได้มันมาแล้วเราก็เสียตรงนี้ไป มันเป็นการแลกเปลี่ยนกัน ผมเข้าใจนะ และผมยอมแลกเพราะถ้าไม่ยอมก็อยู่ในอาชีพนี้ไม่ได้ (ยิ้ม)”

ยังรอวันที่จะได้เจอผู้หญิงที่เข้าใจ

และในวันนี้ อ๋อม อรรคพันธ์ ก็มีอายุ 36 ปีแล้ว แต่ก็ยังครองตัวเป็นโสด ไม่มีข่าวกับสาวคนไหนแบบชัดเจน เราเลยต้องถามอ๋อมแบบตรงๆ ว่า เคยคิดจะมีครอบครัวเหมือนคนอื่นๆ หรือไม่ ซึ่งเมื่อเจอคำถามนี้ อ๋อมบอกกับเราด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและชัดเจนว่า 

“จริงๆ ผมอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบนะ ผมอยากมีภรรยา มีลูก เห็นน้องสาวมีลูกก็ดูน่ารักดี แต่ถ้าเมื่อถึงจุดๆ หนึ่งแล้วไม่มีจริงๆ ผมก็คงไม่มีแล้ว

แต่ตอนนี้ยังพอมีโอกาสจะเป็นไปได้อยู่ อยากจะมีครอบครัวอายุไม่เกิน 45 นะ จริงๆ อยากจะมีครอบครัวตอน สัก 40 น่าจะกำลังดี แต่ถ้าหลุดออกไปมากกว่านี้ก็คงไม่มีแล้วแน่นอน (หัวเราะ) เพราะเดี๋ยวแก่กว่าลูก”

และถ้าอยากจะมีครอบครัว แล้วตอนนี้อ๋อมเริ่มคุยกับใครจริงๆ จังๆ แล้วหรือยัง หรือว่ามีคนคุยๆ อยู่แล้ว ซึ่งเมื่อเจอคำถามนี้ อ๋อมก็ยอมรับแบบตรงๆ พร้อมรอยยิ้มว่า

“ผมมีคุยๆ บ้าง แต่ยังไม่ได้คิดไกลเป็นครอบครัว มันต้องใช้เวลา คนที่จะเข้ามามันมีองค์ประกอบมากกว่า รูปร่างหน้าตา แต่ที่สำคัญคือความเข้าใจ เขาเข้าใจมันจะโอเคทุกอย่าง

ผมเข้าใจเขา เขาเข้าใจผม อยู่ด้วยกันแล้วไม่อึดอัด ถ้ามีผู้หญิงแบบนี้เข้ามาก็มีโอกาสที่จะพัฒนาได้นะ ของแบบนี้ต้องดูยาวๆ ผมไม่อยากรีบ เพราะถ้าวันหนึ่งอยู่ด้วยกันไม่ได้มันก็จะเป็นปัญหาครอบครัว”

ถามจริงหรือว่าจริงๆ แล้ว อ๋อมยังหวงชีวิตโสดของตัวเองอยู่ เลยยังไม่อยากจะมีใครเข้ามาในชีวิตตอนนี้ งานนี้ทำเอาเจ้าตัวต้องรีบตอบด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจนและจริงจังอีกครั้งว่า

“ผมเฉยๆ กับเรื่องความโสดหรือไม่โสด และไม่ได้ไขว่คว้าว่าจะต้องรีบมี ไม่ได้ปิดกั้น ถ้าเจอก็เจอ จะเป็นคนในหรือนอกวงการก็ได้ ขอแค่เข้าใจผมได้

คนที่จะมาเป็นคู่ผม ขอให้เข้าใจในหน้าที่การงาน ในการเป็นคนของประชาชน ในการที่จะไปไหนมาไหนแล้วมีคนจับจ้อง ทักทาย ผมไม่ได้ปิดกั้นแต่ก็ไม่รีบ เจอก็เจอ ผมยังอยากมีครอบครัว ผมยังรู้สึกแบบนี้อยู่”

ก่อนจะปิดท้ายเรื่องความรัก เราขอถามคำถามสุดท้ายของเรื่องนี้ว่า อ๋อมเบื่อมั้ยที่จะต้องมาตอบคำถามเรื่องความรัก มีรึยัง เป็นใคร จะแต่งงานมั้ย ซึ่งอ๋อมหัวเราะเสียงดังและตอบด้วยน้ำเสียงที่แสนจะสุภาพว่า

“ผมไม่เบื่อที่จะต้องมานั่งตอบคำถามเรื่องความรัก เรื่องมีครอบครัว ผมเข้าใจนะ เข้าใจในอาชีพ เข้าใจในวงการบันเทิง (ยิ้ม)” 

ผลงานละครเรื่องล่าสุด

คุยเรื่องส่วนตัวมาตั้งนาน จะไม่ถามเรื่องผลงานละครเรื่องล่าสุดก็คงจะใจร้ายกับพระเอกหนุ่มยิ้มละมุนคนนี้เกินไป เพราะตอนนี้ อ๋อม อรรคพันธ์ มีผลงานละครเรื่องใหม่ล่าสุดมาให้แฟนๆ ได้ชมกันแล้ว หลังจากที่ปล่อยให้แฟนๆ คิดถึงและต้องดูละครรีรันของพระเอกหนุ่มมาสักพักใหญ่ ซึ่งอ๋อมเล่าถึงผลงานเรื่องนี้ของตัวเองว่า

“สำหรับละครเรื่องเพลิงปริศนา ละครเรื่องนี้เป็นละครดราม่าซับซ้อน แก้แค้น ตัวละครของผมถูกปลูกฝังให้มีความแค้นกับนางเอก ต้องแก้แค้น ไปเอาของของพ่อเราคืนมา ก็หาวิธีการแกล้งเขาสารพัด

สำหรับการแสดงเรื่องนี้ มันจะเล่นง่ายๆ ในช่วงแรก แล้วก็เริ่มไต่ระดับความยาก ตัวละครที่ผมเล่นมีความซับซ้อนเยอะมาก ทำให้ผมเครียดมากตอนที่เล่น

พอสั่งคัต ผมก็ต้องไปเล่นกับคนในกองเพราะละครเรื่องนี้มันหนัก พระเอกมีความแค้นตลอด มันเลยทำให้เครียด เรื่องนี้ผมได้แสดงอารมณ์เยอะมาก ทั้งความแค้น ความรัก มันทำให้เกิดความขัดแย้งในตัวละครเองที่เราต้องแสดงออกมา เกลียดเขา แต่รักเขา มีความสับสนในความรู้สึกของเองพอสมควร

และเรื่องนี้ผมได้เล่นกับแซมมี่ด้วย เหมือนเราเป็นคนคุ้นเคยกันเพราะเล่นด้วยกันมา 3 เรื่องแล้ว เลยทำให้ฉากที่ต้องปะทะอารมณ์กันมันง่ายขึ้นเลย

เพราะเรื่องนี้เป็นแนวดราม่า ละครแนวที่ผมชอบ ตอนเล่นอาจจะเครียดหน่อยมีติดเอากลับบ้านบ้าง แต่ก็สนุกดีใครที่มองว่าเป็นละครน้ำเน่า แก้แค้นแล้วก็รักกัน อย่าเพิ่งตัดสินแบบนั้นครับ 

เพราะเรื่องนี้ยังมีการหักมุม มีการซ้อนปมขึ้นไปอีกเรื่อยๆ ผมอยากให้ดูก่อนนะครับ เรื่องไม่ได้มีแค่นี้มันมีหักมุมมากกว่านี้

ซึ่งจะไม่ค่อยเห็นในละครไทยสำหรับเรื่องนี้ และเรื่องนี้อย่างที่บอก มันท้าทายความสามารถของผมมาก มีปัญหาชีวิตของแต่ละปม อยากให้ดูกันกับอีกบทบาทที่ผมได้เล่น ผมเต็มที่และทุ่มเทกันมันมากจริงๆ ฝากละครเรื่องนี้เอาไว้ด้วยนะครับ”

แม้จะทำงานในวงการบันเทิงมา 13 ปีแล้ว แต่ อ๋อม อรรคพันธ์ ยังคงน่ารักเหมือนวันแรกที่เคยเจอไม่มีผิด เรายังจำได้ในวันหนึ่งที่งานอีเวนต์ เคยดึงอ๋อมมานั่งสัมภาษณ์ลงคอลัมน์นักแสดงหน้าใหม่อยู่เลย

แต่เผลอแป๊บเดียว จากหนุ่มน้อยที่ขี้อาย ยิ้มไปตอบไปไม่ค่อยมั่นใจ มาวันนี้ ความขี้อายนั้นหายไปแต่ความน่ารัก และความถ่อมตนยังคงมีอยู่เสมอ และเราเชื่อว่ามันจะมีอยู่ติดตัวผู้ชายที่ชื่อ อ๋อม อรรคพันธ์ คนนี้ตลอดไป

ผู้เขียน : จันทร์เจ้าขา
กราฟิก : Varanya Phae-araya
ช่างภาพ : เอกลักษณ์ ไม่น้อย

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2071010
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2071010