"นาย-ณภัทร" ยกย่อง "แม่หมู" เป็นซุปเปอร์วูแมน เผยบันทึก "แม่เลี้ยงเดี่ยว"


ให้คะแนน


แชร์

6 ปีมาแล้ว กล้ามแขนแม่ยังเป็นมัดๆ…แรกเริ่ม น้องนาย เข้าสู่วงการ ช่วงนั้นออกเดินทางทุกวัน ทุกวันจริงๆ แฟนคลับส่งของกินมาให้ทุกวัน แม่ก็กลัวแฟนคลับจะถามว่าอร่อยไหม? แล้วจะตอบเขาไม่ถูก ก็เลยกิน กิน กิน เหนื่อยแต่ก็กิน! ไม่ต้องรอถึง 6 ปีหรอก กินแบบนั้น 2 ปี ก็กลายสภาพแล้ว

6 ปีที่ผ่านมา ได้รับเสียงตอบรับของประชาชน งาน น้องนาย เข้ามามากมายทุกวัน …แม่นั้นทำทุกอย่าง สากกะเบือยันเรือรบ เพื่อซัพพอร์ตน้อง ตั้งแต่วางแผนงาน เจรจา นัดหมาย รับงาน ทำคิว ทำเสื้อผ้า ขับรถ วางคอนเทนต์ งานโซเชียล เป็นทนาย นั่งอ่านและแก้สัญญาให้เป็นธรรม หุงหาอาหาร รวมทั้งงานบ้าน และความเป็นแม่นั้นก็ต้องยังคงอยู่ไว้ด้วย

ใช้โทรศัพท์ 2 เครื่อง มี LINE Account ทั้งหมด 6 Account เพราะธุรกิจเครื่องสำอางที่ทำก็ยังคาราคาซังอยู่…พระเจ้า ฉันผ่านมันมาได้อย่างไร โดยไม่มีผู้ช่วยเลย! ไม่มีแม้แต่แม่บ้านคอยดูแลยามหิว ยามเหนื่อยล้า ช่วยขนของขึ้นรถลงรถ (มีแบบเข้าทำความสะอาด อาทิตย์ละ 1 วัน)…งานที่หนักที่สุดปวดหัวที่สุดตอนนั้น น่าจะเป็นการอ่านไลน์ทั้ง 6 Account ของงานต่างๆที่ติดต่อเข้ามา ทั้งงานราษฎร์งานหลวง เชื่อไหม อ่านวันละ 20-30 งานก็เคยมี แต่ละงานมีโจทย์มาให้ตีความ ให้ถอดสมการสแควร์รูต บางทีเขียนมาเป็นหน้ากระดาษ A4

งานที่ยากที่สุดคืองานที่จะต้องตอบปฏิเสธ นั่นทำเราหนักใจอย่างที่สุดแล้ว ต้องหาต้องคิดถ้อยคำปฏิเสธงานอย่างไรที่จะรักษามิตรภาพดีๆไว้ เพราะเท่ากับเราปฏิเสธความรักความปรารถนาดีของผู้คนที่มอบให้น้อง แต่ก็ต้องจำใจปฏิเสธ เพราะเรื่องเงินไม่ใช่เรื่องที่เราต้องการ แต่เพื่อโอกาสข้างหน้าของ ณภัทร (ซึ่งต้องวัดใจอย่างมาก) แต่ก็ทำให้รู้ว่าที่เราคิดไว้นั้นไม่ผิดเลย คิวงานของน้องนั้นต้องจองคิวกัน “3 เดือนล่วงหน้า”…ทำงานเกือบทุกวัน เป็นเวลา 5 ปีเต็ม ใช่ค่ะ 5 ปีเต็มๆ

และแล้วสุดท้าย แม่ก็หายเหนื่อย! ได้พักจากการอ่านไลน์ ได้อยู่แบบนิ่งๆยาวๆ เพราะปี 63 “โรคระบาดโควิด” เรียกว่า “เทกระดานทิ้ง” ทุกคิว ทุกบาททุกสตางค์ ต้องหยุดหมด ทุกคน ทุกอาชีพ ไม่เว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม ต้องสยบให้ “ไอ้ต้าวโควิด”

1 ปีผ่านไป เข้าต้นปี 64 ไลน์งานก็เริ่มกระหน่ำติดต่องานเข้ามา แต่สุดท้ายก็ต้องเทกระดานทิ้งอีก เพราะโควิดระลอก 3 และในไม่ช้าจะตามมาด้วยระลอก 4 แน่นอน ฟันธง!

ใช่ค่ะ คนอย่าง แม่หมู ให้อยู่นิ่งๆคงไม่ได้ เคยทดลองอยู่นิ่งๆมาแล้ว เมื่อหลายปีก่อน กลับกลายเป็นโรคซึมเศร้า (หมอไม่ได้บอก! บอกกับตัวเองนี่แหละ มึงเป็นแน่) ไปหาหมอเล่าอาการให้ฟัง หมอให้ยาแก้ซึมเศร้ามากิน กินไปเม็ดเดียวก็โยนทิ้ง ใจสั่น ไม่ไหว (ยาแพงมาก จะทิ้งก็เสียดาย รอหมดอายุค่อยทิ้ง เผื่อมีคนเศร้า) แหม่! อ้วนด้วย เศร้าด้วย อีป้าเอ๊ยย!

ไม่เอาๆแบบนั้น คนอย่าง พิมพ์ผกา เหนื่อยมาทั้งชีวิต ก็ต้องหาเรื่องเหนื่อยกันต่อไป หันซ้ายหันขวาเจอต้นไม้ที่เคยเลี้ยงไว้…จึงเริ่มหันมาดูแล รดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย และ “แคคตัส” ที่แฟนคลับเคยให้ไว้เมื่อ 5 ปีที่แล้วก็เริ่มพาเพื่อนๆมาอยู่ด้วย มากขึ้นๆๆๆๆๆ ทั้งที่เป็นบ้านเล็กๆในเมือง พื้นที่น้อย แดดน้อย ก็ยังอุตส่าห์หารถเข็นมาใส่เข็นออกไปตากแดด หาเรื่องหางานทำไปเรื่อย คอยถ่ายรูปสวยๆลง IG เมื่อเค้าออกดอก ที่เต็มก็แบ่งขายในโซเชียลได้ด้วยนะเธออว์!

ทุกวันนี้ไม่เคยเหงา เลี้ยงแคคตัสก็เหมือนเลี้ยงสุนัข เพียงแต่ว่าแคคตัสไม่เคยมีที่สิ้นสุด หาซื้อง่าย แม้ในสถานการณ์โควิดระลอก 3-4…ขอบคุณแคคตัสที่ช่วยเยียวยาจิตใจ และหวังว่าหลายๆคนจะเจอสิ่งที่ช่วยเยียวยาหัวใจให้เกิดสุขในยามที่บ้านเมืองเป็น “ยุคมืด”….“อดทนไว้นะ อดทนไว้ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2102321
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2102321