ชีวิตในวันที่เป็นเสาหลัก เปิ้ล หัทยา ทำช่องยูทูบ สานต่อไอเดียจากสามี ตั้ว ศรัณยู


ให้คะแนน


แชร์

ชีวิตในวันนี้ของ เปิ้ล หัทยา ครบรอบ 1 ปีต้องเป็นเสาหลักครอบครัว เดินหน้าทำช่องยูทูบ หัทยา วง สานต่อไอเดียจากสามีผู้ล่วงลับ ตั้ว ศรัณยู

เกาะติดข่าว กดติดตาม ข่าวสด

ซุปเปอร์มัม เปิ้ล หัทยา วงษ์กระจ่าง นับว่าเป็นสาวแกร่งแห่งปี เป็นเสาหลักครอบครัวดูแลลูกสองทั้งสองคน น้องหนุน-น้องหนัง แล้วยังต้องบริหารดูแลลูกน้องลูกค้าในบริษัทอีกนับไม่ถ้วน เมื่อได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 คุณแม่สุดแกร่ง ได้เล่าให้ฟังถึงเรื่องการปรับตัวครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตที่ต้องเสียคนที่รักที่สุดไป และต้องรับมือกับสถานการณ์โควิดที่กำลังวิกฤตอยู่ตอนนี้ พร้อมทั้งยังเผยอีกบทบาทที่เพิ่งเกิดมาเร็วๆ นี้ การเป็นยูทูบเบอร์เปิด YouTube ของตัวเองสานต่อไอเดียจากสามีสุดที่รัก ตั้ว ศรัณยู

ต้องปรับตัวยังไงบ้างจากโควิดที่เกิดขึ้น? “ต้องสู้กันต่อไป ต้องปรับทุกอย่างเลยค่ะ เพราะเราเป็นผู้ที่ต้องดูแลคนหลายคน ลูกน้องบริษัทเราก็ต้องแบกเอาไว้ทุกอย่าง คลื่นวิทยุที่เราทำ คือรายการสด เราก็ต้องติดต่อประสานกับลูกค้ามีกิจกรรมที่วางเอาไว้ พอเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็ต้องเลื่อนขยับไปจนหมดเลยค่ะ เรียกว่าเจอแรงกระทบแบบเต็มๆ เราก็ต้องคุยกับน้องๆ พนักงาน ลดเงินเดือนน้องๆ แล้วก็คุยให้เขาเข้าใจ ซึ่งน้องๆ ในบริษัทก็เข้าใจ เพราะว่างานก็น้อยลง อีเว้นท์ คอนเสิร์ตจัดไม่ได้ ทุกอย่างเลื่อนออกไปหมดเลย แต่ก็ยังสู้กันอยู่ค่ะ”

แต่ตอนนี้พี่เปิ้ลมีงานอีกอย่างหนึ่งที่เพิ่มขึ้นมา การเป็นยูทูบเบอร์? “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เชื่อไหมว่าลูกขำเลยที่เรามาทำตรงนี้ แล้วเขาก็แซวว่าอายุจะเลขหกอยู่แล้ว ทำไมแม่ยังมาทำยูทูบ แต่จริงๆ เป็นอะไรที่ใครๆ ก็ทำได้ ชื่อรายการว่า หัทยา วง เรื่องนี้ทำก่อนที่พี่ตั้วจะไม่สบาย เขาบอกเราว่าเราต้องทำอย่างอื่นด้วย เพราะเราเป็นคนสะสมกางเกงยีนส์ก็เยอะ เสื้อยืด ผ้าพันคอ เนกไท หมวก แว่นตา พี่ตั้วเขาเคยบอกเราว่าเราสะสมของเยอะแบบนี้ เราน่าจะไปทำอะไรที่มันมีประโยชน์ เป็นไอเดียจากพี่ตั้วเลยค่ะ

เราก็มานั่งคิดว่าจะทำยูทูบเกี่ยวกับอะไรดี เพราะเราก็อยู่ในวงการบันเทิง วงการกีฬาเพราะเราชอบกีฬา ก็เลยไปคุยกับเพื่อนๆ ก็เลยได้ชื่อ หัทยา วง มา ก็จะทำตั้งแต่ต้นปีที่แล้วก็ยังไม่ได้ทำเพราะว่าพี่ตั้วไม่สบายค่อนข้างจะหนัก เราก็เลยพักโปรเจ็กต์ไว้ก่อน ซึ่งตอนนั้นเราก็ยังไม่ได้บอกใครเลยว่าพี่ตั้วป่วย จริงๆ มีเพื่อนๆ ทราบอยู่ก็มาเยี่ยมกันอะไรกัน แล้วพี่ตั้วก็ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วครั้งหนึ่งออกมาทำงานแล้วด้วย แต่ก็มาทรุดอีกช่วงหนึ่งกุมภาพันธ์ มีนาคม เพราะคุณหมอบอกว่าไวรัสตับอักเสบบีที่พี่ตั้วเป็นอยู่มันกลายพันธุ์ เราก็ทำใจแล้ว พี่ตั้วเขาก็บอกว่าเราก็รักษาของเราไปไม่ต้องไปบอกคนอื่นหรอก เพราะว่าโควิดที่เข้ามาก็ทำให้เขาไม่สบายใจกันแล้ว”

แล้วกลับมาเริ่มต้นทำ YouTube เมื่อไหร่? “หลังจากงานพี่ตั้วเสร็จเรียบร้อย เราก็พักไปนานมากพักไปจริงๆ จนเรามามองตัวเองว่า เราจะเป็นแบบนี้เหรอ ตอนนั้น เหี่ยวเฉาและโทรมมาก ทุกคนก็จะห่วงเราให้เรากินเยอะๆ หน่อย”

ตอนนั้นที่หยุดพักไปเพราะพี่ตั้วป่วย แต่ตอนนี้ช่อง หัทยา วง YouTube มาถึง EP. ที่ 20 กว่าแล้วแต่ว่า EP. ที่พีคที่สุดคือ EP.0? “หลังจากที่เราห่อเหี่ยวอยู่ เราก็รู้สึกว่าเราต้องลุกขึ้นมาทำงาน ก็เริ่มต้นจาก YouTube เราก็คุยกันว่าเริ่มต้นที่ EP.0 ความทรงจำไม่เคยสูญหาย ซึ่งพูดถึงว่าการที่เรามาทำ YouTube ก็เพราะพี่ตั้ว พูดถึงเรื่องราวและความทรงจำทั้งหมดถึงพี่ตั้วว่ามันจะไม่มีวันสูญหายไปเลย”

แล้วจริงๆ คอนเซ็ปต์ของการทำรายการ หัทยา วง คืออะไร? “คือวงจรชีวิตของเราที่เราไปพบเจอมาในวงการบันเทิง วงการดนตรี เราก็จะพาไปดูคอนเสิร์ต ดูเบื้องหลังในการทำคอนเสิร์ตว่าเป็นอย่างไร มีวงการความสวยความงาม วงการกีฬา ค่อนข้างจะวาไรตี้ แต่ทุกอย่างมันคือวงจรชีวิตของเราค่ะ ซึ่งตอนแรกเราคิดจะทำแค่ 10 EP. เอง เพราะคิดว่าเราจะไปทางไหนได้บ้างแล้วทำไปแล้วจะซ้ำไปซ้ำมาหรือเปล่า แต่สุดท้ายเราได้เจอลูกค้าแล้วลูกค้าเขาก็ให้โจทย์เรามา เราก็คิดงานให้ลูกค้าแล้วพอเราทำมาเรื่อยๆ ทำให้เรารู้สึกว่าเรามีมุมมองที่กว้างขึ้น”

และอีกอย่างที่พี่เปิ้ลเป็นเจ้าแม่แฟชั่นมากๆ? “เป็นคนที่ชอบแต่งตัวเพราะเรารู้สึกสนุก แล้วก็แต่งตัวให้เกียรติกับสถานที่ เราจะไปเจอลูกค้าเราก็เรียบร้อยหน่อย หรือถ้าเราไปงานที่มันสามารถสนุกได้เราก็แต่งตัวให้สนุกเต็มที่ ถ้าแม้ในใจของเราจะมีความเศร้าอยู่แต่เราก็ต้องมองไปข้างหน้า ซึ่งการแต่งตัวทำให้เรามีชีวิตชีวา และสนุกกับการดำเนินชีวิต เพราะว่าตอนเด็กเราอยากเรียนทางด้านการดีไซน์แฟชั่น”

“แต่เพราะว่าคุณแม่ไม่ยอมเราก็เลยไม่ได้เรียน เป็นคนที่เชื่อฟังคุณแม่มากเลย (หัวเราะ) ซึ่งคุณแม่อยากให้เราเรียนเศรษฐศาสตร์มาก เพราะเขาอยากให้เราเรียนเกี่ยวกับด้านการเงิน เราก็เลยบอกแม่ว่าเรียนทางด้านไหนก็เหมือนกันเพราะยังไงเราทำงานเราก็จะได้เงินเหมือนกันก็เลยมาเรียนด้านกราฟิกดีไซน์ เราก็อธิบายให้คุณแม่ฟังว่าคอมพิวเตอร์เข้ามาเยอะแล้วเราเรียนทางนี้เราก็สามารถเอาไปพัฒนาทำอะไรได้อีก สำหรับการที่เราตัดสินในเรียนกราฟิกดีไซน์ เมื่อ 30 ปีที่แล้วมาถึงตอนนี้พี่เปิ้ลว่าได้ใช้นะ”

กลับมาถามเรื่องพี่ตั้ว เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ครบรอบ 1 ปีที่จากไป เห็นว่าให้น้องหนุน น้องหนัง ร้องเพลง? “ตอนแรกที่เราคิดไว้จะทำบุญเลี้ยงพระ เชิญญาติทางฝั่งพี่ตั้วพี่เปิ้ลมาร่วมทำบุญกัน เราก็ไม่คิดว่าเราจะเจอโควิดระลอกที่สาม พอเกิดโควิดทำบุญเลยต้องเลิกไป ก็เลยมองว่าเรามาทำอะไรกันดี น้องหนุนก็บอกว่าเราทำอะไรเงียบๆ ดีไหม เราก็คิดกันว่าจะร้องเพลงที่พี่ตั้วเคยแต่งไว้ให้พี่เปิ้ล เมื่อ 27 ปีที่แล้ว เป็นเพลงมุมความรักแบบบวกๆ ขอบคุณที่ความรักทำให้เรามาเจอกัน ขอบคุณที่มีฟ้ามีดวงดาวทำให้เราได้เห็นความสว่างไสว เราก็ได้คุยกับน้องหนุน

ด้วยความที่ดนตรีเมื่อ 27 ปีที่แล้วมันก็นานมากเลยต้องทำใหม่ ก็เลยยกหูโทรหาหนึ่ง จักรวาล แล้วก็ส่งเพลงให้หนึ่งฟัง แล้ววันรุ่งขึ้นหนึ่งเขาก็โทรมาบอกว่า พี่เปิ้ลครับผมเล่นเปียโนให้ใหม่ทั้งหมดเลย พี่ลองฟังดูนะครับ พอเรากับน้องหนุนได้ฟัง รู้สึกเซอร์ไพร์สมากๆ เราก็เลยไปเข้าห้องอัดร้องเพลงกันเลย

แล้วพอเราเห็นว่าไหนๆ ทำเป็นเรื่องเป็นราวพอสมควรแล้ว เราก็เลยมาปรึกษาลูกน้องพี่ตั้ว เอาภาพของพี่ตั้วที่ถ่ายมาเป็นพันๆ ม้วน เป็นภาพครอบครัวก็เอาภาพทั้งหมดมาผสมอยู่ในเพลงเป็นมิวสิควีดีโอแล้วน้องหนุนเข้าก็เลยไปเปิด YouTube ของเขาเลยใช้ชื่อ Suparawongk ใครที่อยากฟังเพลง รักเธอ รักเธอคนเดียว ได้ใน YouTube ของน้องหนุนนะคะ”

จริงหรือเปล่าที่ตอนนี้เป็น เจ๊ดันแล้ว? “ไม่ใช่เลยค่ะ ถ้าดันก็ต้องดันนานแล้ว จริงๆ YouTube ของน้องหนุนที่มีขึ้นเพราะว่าเขาเป็นคนชอบร้องเพลง แล้วพี่เปิ้ลก็รู้สึกว่าเขาก็เป็นอิสระดีในช่องของเขาเอง เขาอยากทำอะไรของเขาเองที่อยากทำ เพราะเขาเรียนทางด้านมิวสิคเธียเตอร์เรียนแบบจริงจังเลยค่ะ แล้วช่วงที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรังสิต เขาก็มีไปรับงานบ้างแต่เขาจะไม่ค่อยรับงานในวงการบันเทิง เพราะเขาตั้งใจจะโฟกัสที่การเรียนให้ได้ดี ซึ่งตอนนี้ก็เรียนจบแล้ว แพลนของเขาตอนแรกพอเห็นน้องหนังไปเกาหลี เขาก็คุยกันว่าที่เกาหลีคนเขียนบทเก่งมากเลย หนุนมาเรียนที่นี่ไหม หนุนเขาก็คิดว่าก็ดีเนอะ แต่พอเขาเห็นว่าพี่ตั้วเสียเขาก็เลยคิดว่าเขาอยู่เป็นเพื่อนเราดีกว่า

เขาก็เรียนออนไลน์บางอย่างที่เขาเรียนได้ แล้วเขาก็ไปทางดนตรีส่วนมากตอนนี้ เขาอยากเขียนเพลงเองได้ ทำดนตรีของเองได้ ถามว่าจะดันให้เขาเป็นนักร้องเลยไหม เขาก็ชอบร้องเพลงนะคะ เสียงเขาก็ได้อยู่เพราะว่าเขาชอบร้องอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าหนุนอาจจะแตกต่างจากหนัง เพราะหนัง จะกล้าแสดงออก แต่หนุนจะขี้อายแต่พอเขาไปได้เรียนมากขึ้นได้ไปเจอกับหนึ่ง จักรวาล แล้วได้เข้าไปห้องอัด เขาก็จะรู้สึกมั่นใจมากขึ้น แต่เราก็ไม่ได้จะดันให้เขาเป็นนักร้องนะคะ เพราะว่าลูกของพี่เปิ้ลก็เป็นตัวของตัวเองเหมือนกัน อะไรที่เชาคิดว่าไม่ใช่เขาก็จะมีเหตุผลมาให้เรา”

พูดถึงน้องหนุน แล้วเรามาพูดถึงน้องหนังบ้าง เห็นว่าเป็นคนที่กล้าแสดงออก พูดง่ายๆ คือ ดื้อกว่าไหม? “ดื้อกว่าค่ะ ด้วยความที่น้องหนัง สูงยาว เขาสูง 174 ส่วนหนุน 167 แต่เขาเป็นฝาแฝดกันนะคะเพียงแค่ไข่คนละใบ น้องหนังไปเรียนจิตวิทยาที่เกาหลี เพราะด้วยความที่ว่าเขาเคยทำงานในไทยมาก่อน ทำงานเกี่ยวกับแฟชั่นโชว์ แต่พอถึงช่วงที่เขาเข้ามหาวิทยาลัยเขาเข้าไปแล้วที่อักษรจุฬาฯ แต่เขาถูกคนมองว่าลูกของพี่ตั้ว พี่เปี้ล เขาเลยคิดว่าเขาลองไปสมัครอยู่ที่ต่างประเทศดูดีกว่า คือเรื่องมีอย่างนี้ค่ะ เมื่อตอนที่น้องหนัง อายุ 16 แล้วไปแคสบทละครแล้วไม่ได้ แล้วพี่ตั้วมาทราบทีหลัง เขาเลยโกรธมาก โดนดุทั้งสามคนเลยว่าทำไมไปแคสแล้วไม่บอกเขา ต้องให้เกียรติเขานะ เพราะว่าเขามีทุกวันนี้ได้เพราะการที่เขาเป็นนักแสดง แล้วที่ไปแคสกันเพราะอะไรอยากดังหรือว่าอะไรยังไง ตอนนั้นแรงมากเลยค่ะ

น้องหนังเขาเลยคิดแบบนี้ว่า เขาไปอยู่ที่อื่นโดยที่ทุกคนไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร เป็นลูกใครเขาน่าจะสบายใจดีกว่า แต่พอเขาไปเรียนที่เกาหลีเขาก็ถูกชักชวนให้ไปถ่ายแบบเหมือนกันนะคะ เขาก็เลยบอกพี่ตั้วว่าเขาขอนะ ซึ่งครั้งนี้พี่ตั้วเขาก็โอเค เขาก็สัญญาว่าจะไม่ทำให้การเรียนเสีย แล้วพอน้องหนังเรียนปีสาม เขาก็ได้ไปแคสซีรีส์ก็แคสผ่าน แล้วเขาก็มาคุยกับพ่อว่าทางค่ายขอให้เขาหยุดเรียนเทอมนี้ได้ไหม เพราะว่าต้องเข้าไปเรียนทุกอย่างเลยแบบจริงจัง พี่ตั้วก็เลยให้เราบินไปดูที่นั่นว่าเป็นยังไง

แต่พอเขาเรียนไปได้หนึ่งปี พี่ตั้วก็ไม่สบาย ตอนแรกเราก็ไม่ได้บอกน้องเต็มที่ว่าเป็นอะไร แต่พอน้องหนังได้กลับมาช่วงกุมภาพันธ์ แล้วก็อยู่ไทยยาวเลยปีกว่าจนกระทั่งเพิ่งกลับไปปลายมีนาคม ก่อนที่เราจะเจอโควิดระลอกที่สาม เขากลับไปเรียนต่อทางด้านการแสดง แล้วก็เรียนออนไลน์ไปด้วยเพราะเหลืออีกไม่กี่วิชาก็จบ”

หลังจากพี่ตั้วไม่อยู่แล้ว พี่เปิ้ลหนักแค่ไหนในเรื่องการดูแลครอบครัว? “ยอมรับว่าหนัก ลูกทั้งสองคนของเราเขาก็จะมุมมองหลายทางของเขา โดยเฉพาะน้องหนัง เขาก็เผลอหลุดออกมาเหมือนกันแบบไม่ได้ตั้งใจว่า ถ้าพ่ออยู่หนูว่าคุยเรื่องนี้กับพ่อไม่นานก็จะได้คำตอบแล้วกับแม่ทำไมนานมากเลย เพราะพี่เปิ้ลก็จะแบบคิดก่อนว่าเราต้องทำอะไร พูดยังไงดี กับน้องหนุนก็คือแม่ช้าจังเลย ถ้าเป็นพ่อนะจะโอเคเลย บางทีมันก็หนักเหมือนกัน

แต่หนักที่สุดในตอนนี้ คือเรื่องงานกับเงิน เพราะว่าเราก็ต้องมีวิธีการใช้ยังไงให้ดี ตรงไหนสำคัญ ตรงไหนไม่สำคัญ เพราะตอนนี้เราต้องดูแลวิทยุ และละครที่พี่ตั้วยังทำค้างอยู่แล้วพอละครจบจะไปทางไหนต่อ ซึ่งทีมงานพี่ตั้วที่ทำด้วยกันมาก็แข็งแรงประมาณหนึ่งเลยก็สามารถที่จะทำละครต่อยอดไปด้วยได้ เราเลยต้องมาคำนวณดีๆ ว่าเราจะไปในทิศทางไหน ส่วน YouTube ของพี่เปิ้ลที่ทำค่อนข้างที่จะลอยตัว โอเคเลย”

รู้สึกยังไงบ้างกับคำที่ว่าเราคือ ผู้หญิงแกร่งของวงการ? “ยังมีคนที่แกร่งกว่าพี่เยอะ เขาอาจจะไม่ได้อยู่ในฐานะที่มาออกทีวี เวลาที่เราจัดรายการที่คุยกับแฟนคลับ บางคนเขาแกร่งกว่าเราเยอะมากแบบปากกัดตีนถีบเลย เราก็เลยคิดว่าเราต้องเดินหน้าต่อไปให้ไหวในระยะที่ต้องทำอะไรหลายอย่างด้วยตัวเราเอง แล้วคุณแม่ก็มาเสียไปด้วยแต่เราก็ต้องรับให้ได้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น

ซึ่งหลังจากที่พี่ตั้วเสียไป เราก็หันมาดูแลสุขภาพของตัวเองมากขึ้น เพราะว่าพี่ตั้วแค่ไม่ได้ไปตรวจร่างกายแค่สองปีเพราะว่าเขาทำงานหนักมาก เยอะมาก มันทำให้ไวรัสตับบีที่มีอยู่ในตัวเขากลายพันธุ์ไปทำให้เรารักษาไม่ทัน ทำให้เรารู้สึกผิดที่ทำไมไม่ลากเขาไปตรวจเพราะเขาก็บอกเราตลอดว่าร่างกายแข็งแรงดี เพราะจากที่เราดูข้างนอกคือดูดีจริงๆ พอหลังจากนั้นมา พี่เปิ้ลก็ตรวจร่างกายแบบทั้งหมด พอเราสูญเสียคนที่เรารักไปทำให้เรารู้สึกเลยว่าทุกอย่างอย่าไว้ใจ อย่าประมาทในทุกๆ นาทีของชีวิต”

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6513047
ขอขอบคุณ : https://www.khaosod.co.th/entertainment/news_6513047