‘ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์’ ภรรยา  ‘หนุ่ม-ศรราม’ ถูกแจ้งความข้อหาฉ้อโกงหน้ากากอนามัย


ให้คะแนน


แชร์

“ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์”  ภรรยาของ หนุ่ม ศรราม ยังไม่สามารถติดต่อได้ หลังถูกผู้เสียหาย เข้าแจ้งความหลอกขายหน้ากากอนามัย สูญเงินกว่า 9 แสนบาท

    ทีมบันเทิง คมชัดลึก –  เป็นเรื่องขึ้นมา เมื่อ  นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมผู้เสียหาย นำเอกสารหลักฐานการสั่งซื้อหน้ากากอนามัย เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสภานีตำรวจนครบาลหัวหมาก เพื่อดำเนินคดีกับ “ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์” หรือ “ติ๊ก” กนิษฐรินทร์ ภรรยาของพระเอกชื่อดัง “หนุ่ม”  ศรราม เทพพิทักษ์  ในข้อหาฉ้อโกง หลังจากสั่งซื้อหน้ากากอนามัยจำนวน 2 แสนชิ้น แต่กลับไม่ได้รับสินค้าตามที่ตกลงกัน
 

    โดยผู้เสียหายได้เผยว่า สั่งซื้อหน้ากากอนามัยกับ ผู้ขาย ซึ่งก็คือ   “ติ๊ก บิ๊กบราเธอร์”  เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา โดยผู้ขายอ้างว่าสามารถนำเข้าหน้ากากอนามัยยี่ห้อ 3M มาจากประเทศเวียดนามได้ ในราคาชิ้นละ 9.50 บาท จึงสั่งซื้อจำนวน 2 แสนชิ้น เพื่อนำมาใช้ในการป้องกันตนเอง และใช้ในการประกอบวิชาชาชีพ โดยโอนเงินครั้งแรกเป็นจำนวนเงิน 4 แสน จากนั้นทยอยโอนอีกหลายครั้งรวมเป็นเงินกว่า 9 แสนบาท ที่ยอมเชื่อใจเพราะผู้ขายเป็นภรรยาของพระเอกหนุ่มชื่อดัง โดยเริ่มสั่งซื้อตั้งแต่วันที่ 5 มีนาคมที่ผ่าน และมีกำหนดรับของวันที่ 13 มีนาคม จนล่วงเลยมาในขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับของ หลังจากเกิดเรื่องดังกล่าวก็มีการโทรไปเจรจราไกล่เกลี่ยเพื่อติดต่อขอเงินคืนหลายครั้ง แต่ผู้ขายก็บ่ายเบี่ยงอ้างว่า ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนนำเข้าและส่งออก และให้มีการเปลี่ยนชื่อจากบริษัทผู้ขายเป็นชื่อของผู้เสียหาย เพื่อดำเนินการสั่งซื้อและนำเข้าด้วยตนเอง และยังอ้างอีกว่ายังไม่สะดวกที่จะคืนเงินให้

    ซึ่งทางผู้เสียหายมีหลักฐานเป็นชื่อในบัญชีที่โอนเงิน และมีบทสนทนาการซื้อขายในแอพลิเคชั่นไลน์ อีกทั้งสถานที่นัดรับของก็ยังเป็นบ้านของพระเอกหนุ่ม และตอนนี้ได้ทราบว่า มีคนที่สั่งซื้อในลักษณะเดียวกับผู้เสียหายอีกหลายราย และยังไม่ได้ของ
    เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานพร้อมสอบปากคำผู้เสียหาย ก่อนทำเรื่องส่งรายงานดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

ติดตามข่าวสาร “คมชัดลีก” ผ่าน Line official

เพิ่มเพื่อน

    โดย “หนุ่ม” ศรราม ได้ชี้แจงในไลฟ์อินสตาแกรม และเฟซบุ๊ค ส่วนตัวดังนี้ 
    “มีจดหมายมาจากสำนักงานทนายความกล้าหาญ ลงวันที่ 19 มีนาคม เรื่องบอกเลิกสัญญาซื้อขายและขอให้คืนเงินค่าสินค้า ในรายละเอียดระบุว่า ประมาณเมื่อวันที่ 5 มีนาคม  ที่มีการตกลงสั่งซื้อสินค้า นั่นคือหน้ากากอนามัยจำนวน 200,000 ชิ้น รวมราคา 1,900,000 บาท มีการตกลงที่จะส่งมอบสินค้าได้ผู้ซื้อภายในวันที่ 13 มีนาคม ซึ่งมีการชำระเงินค่าสินค้าไปให้แล้วบางส่วนหลายครั้งหลายคราว รวมเป็นเงิน 900,000 บาท ซึ่งระยะเวลาล่วงเลยมา โดยไม่ได้มีการส่งมอบสินค้าให้ผู้ซื้อได้ตามกำหนด ซึ่งการกระทำดังกล่าวถือเป็นการผิดนัด 

    ต้องขอเรียนแบบนี้ว่าไวรัสโคโรน่า หรือว่า โควิด-19 เป็นปรากฎการณ์ที่มันเกิดขึ้นทั้งโลก เพราะผมก็เชื่อว่าตอนต้นเดือนมีนาคม ผมเชื่อว่าน่าจะมีคนที่ซื้อ เพื่อต้องการหน้ากากอนามัย และต้องการแอลกอฮอล์ โดยคิดว่ามันสามารถทำมาหากินได้  ซึ่งผมเรียนตามตรงว่าแน่นอนมันคือสินค้าที่ทำให้เรา ไม่เป็นโรคภัยไข้เจ็บจากโควิด-19 

    แต่คราวนี้ทางภาครัฐได้มีการแถลงออกมาวันที่ 6 มีนาคม ว่าหน้ากากอนามัย เป็นสินค้าควบคุม และเป็นนโยบายของทางภาครัฐว่า ให้ภาครัฐเป็นส่วนที่ดูแล เพราะงั้นต้องแยกให้ออกมาว่าเรื่องของการฉ้อโกง หรือ ฉ้อฉล นั่นหมายความว่าผมและภรรยา จะต้องมีสินค้าเยอะๆ อยู่ที่บ้าน แล้วก็ขายทางออนไลน์ และมีผู้คนจำนวนมากเลยไปร้องเรียน นั่นคือสิ่งที่ผมทำผิดกฎหมาย แต่สิ่งที่ภรรยาผมได้กระทำก็คือว่า เราไม่ทำผิดกฎหมาย เราถือว่านโยบายของภาครัฐออกมาเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ว่าหน้ากากอนามัยเป็นสินค้าที่ถูกควบคุมจากทางภาครัฐ 

    ผมสามารถรับแทนภรรยาก็ได้ว่า ตอนแรกกะว่าจะขายหน้ากาก  เพราะเราก็ทำมาหากิน ถ้าผิดกฎหมายเราไม่ทำเราก็เลยยอมเสียเงินค่ามัดจำ หรือเงินที่เราสั่งของออร์เดอร์ไปล่วงหน้า เพื่อเราจะทำตามนโยบายของทางภาครัฐ คราวนี้ภรรยาผมก็พยายามติดต่อไปยังผู้ซื้อ เพื่อจะบอกว่าเงินมัดจำที่คุณส่งมา ไม่ใช่เงินของเรา เงินของเรา เรายอมทิ้ง เพราะไม่อยากทำอะไรผิดกฎหมาย ยอมรับว่าในเบื้องต้นที่มีโรคแบบนี้ เราก็อยากจะขายของ เราอยากทำมาหากิน แต่เมื่อผิดกฎหมายเราไม่ทำ แต่ทางผู้ซื้อก็แจ้งว่าอยากจะเอาเงินที่ชำระแล้วคืน ก็ไม่เป็นไร เราก็พยายามโทรหาผู้ซื้อ ผู้ซื้อก็ไม่รับโทรศัพท์และบอกให้ติดต่อมาที่ทนายความผู้รับมอบอำนาจ จนวันนี้เราได้รับแจ้งว่ามีการแจ้งความ ซึ่งทางเราได้เตรียมพร้อมอยู่แล้วตั้งแต่ 13 มีนาคม เพราะว่าเราพร้อมที่จะชำระค่าเสียหายอยู่แล้ว 900,000 บาท เพราะว่าในจดหมายเขียนไว้ว่าถ้าภายใน 7 วันเราไม่ติดต่อไป เราก็ต้องถูกแจ้งความดำเนินคดี ซึ่งตรงกับวันนี้ (30 มี.ค.) ที่ทางทนายความได้ไปแจ้งความที่สน.หัวหมากเรียบร้อยแล้ว 

    ภรรยาของผมก็ประสานไปที่สน.หัวหมาก เพื่อให้ประสานกับผู้ซื้อ ว่าให้มารับเงินแคสเชียร์เช็คที เพราะว่าผมพร้อมที่จะเอาเงินคืนคุณแล้ว แล้วผมไม่พร้อมทำธุรกิจที่ผิดกฎหมายกับคุณ ถ้าคุณจะสั่งหน้ากากผมไม่มีวันที่จะเอาหน้ากากเข้ามาจากต่างประเทศ เพื่อมาไว้ที่บ้านแล้วเอาไปขายคนอื่นในราคาสูงๆ ไม่มีทาง เพราะฉะนั้นผมก็ฝากไปถึงคุณผู้ซื้อ ถ้าได้รับข้อความแล้ว หรือได้ดูในไลฟ์ผมแล้ว ช่วยมารับเงินคืน 9 แสนบาท ในเรื่องของการฉ้อโกงหรืออะไรเราไม่มีเจตนาแบบนั้น” 

    
 
    
    

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.komchadluek.net/news/ent/425355
ขอขอบคุณ : https://www.komchadluek.net/news/ent/425355