“เคน-ภูภูมิ” พูดชัดเรื่องแต่งงานก็คิดว่า “เอสเธอร์” นี่แหละ ยอมรับว่าเคยพูดคุยกัน


ให้คะแนน


แชร์

เจอ เคน มาร่วมบวงสรวงละคร “หัวใจรักพิทักษ์เธอ” ณ แอ็กซ์ สตูดิโอ เลยถามว่า ผลงานแรกในฐานะนักแสดงอิสระกดดันมั้ย?

“ไม่กดดันครับ ได้มาเล่นเรื่องนี้รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจและน่าจะเหมาะกับเรา ก็สนุกที่ได้ทำงานด้วยครับ”

ต้องปรับตัวเยอะมั้ยและแตกต่างจากที่เคยผ่านมามั้ย?

“ก็ไม่ได้ปรับตัวเยอะนะครับ ด้วยเราโตขึ้นบางทีความคิดทัศนคติหรือว่าความคิดในการแสดงเราก็เปลี่ยนไป เรื่องนี้มันใหม่สำหรับเรา ก็รู้สึกท้าทายดีด้วยครับ”

เอสเธอร์ให้คำแนะนำยังไง เพราะก็ทำงานกับทีมนี้มาก่อน?

“ไม่ได้แนะนำอะไรนะครับ เพราะผมเชื่อว่าทุกกองจะทำงานคล้ายๆกัน แต่อาจจะเปลี่ยนที่บทคาแรกเตอร์ของเรา ที่สำคัญเราจะต้องคุยกับผู้กำกับให้ชัดเจนว่าเราจะไปกันทางไหนดี”

ด้วยความเป็นที่ทำงานใหม่ สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับเราคืออะไร?

“ไม่ได้รู้สึกว่าอะไรยากที่สุด แค่รู้สึกว่าทุกอย่างมันใหม่หมด ก็ตื่นเต้นดีแค่นี้เลย”

ประเดิมเรื่องแรกกับช่องวัน เลิฟซีนก็เยอะอยู่เหมือนกัน?

“ครับ (ยิ้ม) จริงๆแล้วเรื่องนี้ชื่อเรื่องอาจจะดูแอ็กชัน แต่หลักๆเป็นเรื่องเกี่ยวกับความรักแล้วพาไปแอ็กชัน ไปคอมเมดี้ แต่เลิฟซีนในเรื่องนี้ผมว่ามันมีความธรรมชาติของทั้งเรื่องและตัวละครอยู่ คนดูจะไม่ได้รู้สึกว่าเลิฟซีนหนักอะไร ต้องดูในเรื่องครับ”

เรียกว่าเป็นการเล่นเลิฟซีนเยอะที่สุดตั้งแต่เล่นมามั้ย?

“ก็ว่าได้ครับ (หัวเราะ) ถามว่าเขินมั้ยเล่นกับวิว ไม่เขินนะครับ ไม่ได้เกร็ง ก็รู้สึกว่ามันคือการทำงานแล้วคนที่เราเล่นด้วยไม่ว่าจะเป็นเจส-เจสสิกา สมปอง หรือวิว เหมือนทุกคนก็อยู่ในโหมดของการทำงาน มันก็เลยไม่ได้มีความรู้สึกว่ามาเขินหรือเกร็งกัน”

เอสเธอร์ทราบมั้ยว่ามีเลิฟซีนเยอะ?

“ก็คิดว่าทราบนะครับ ก็ไม่ได้ขออะไรเค้า จริงๆเราทั้งคู่ทำงานถ่ายละครกันมาหลายเรื่องแล้ว ผมคิดว่ามันก็คือส่วนหนึ่งของการทำงาน เราทั้งคู่ก็เข้าใจ ผมก็เข้าใจถ้าเค้าต้องเล่น ส่วนเค้าก็เข้าใจ”

คิดว่าเค้าจะแซวเรามั้ย?

“ผมว่าเค้าก็เห็นในทีเซอร์บ้างแล้ว ยังไม่มีฟีดแบ็กอะไร (หัวเราะ) เราเข้าใจการทำงานกันอยู่แล้วเพราะ เค้าก็เล่นช่องวันมาก่อนเรา ละครเค้าก็มีให้เห็นเลิฟซีน เพราะเค้าเล่นละครโรแมนติกเยอะ เค้าน่าจะเข้าใจ”

ถือว่าหายกัน?

“ก็ไม่ ผมคิดว่ามันคือการทำงานของแต่ละคน เราเข้าใจ เรื่องการทำงานมันหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ก็ต้องเข้าใจอย่างเดียว”

มีคุยเรื่องลิมิตกันมั้ยว่าเล่นได้เท่านี้นะ เกินกว่านี้ไม่ได้?

“ไม่ได้คุยกันนะครับ ไม่มีเรื่องที่แบบคุณต้องเล่นแค่นี้นะผมว่ามันจะเป็นปัญหาต่อการทำงานของแต่ละคน มันก็คือการทำงาน ไม่ได้เสียหายอะไร ไม่เคยงอนกันเรื่องนี้ด้วยครับ”

ความรักตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?

“ก็เรื่อยๆเหมือนเดิมครับ”

เข้าสู่ปีที่ 7 กลัวเรื่องอาถรรพณ์มั้ย?

“ถามว่าเชื่อมั้ย ก็ไม่ได้เชื่อนะครับ เลข 7 ก็เป็นเลขที่ดีถ้าสำหรับผมนะที่เป็นคริสเตียน เลข 7 เป็นเลขของพระเจ้า เป็นเลขที่ดี ก็ไม่ได้มีคนทักคนเตือนอะไรนะครับ”

ไม่ได้กังวลหรือนอยด์กับเรื่องตัวเลขเลย?

“ไม่ได้รู้สึกนะ”

แฮปปี้ดี?

“ใช่ครับ เราก็เรื่อยๆกันอยู่แล้วมาตั้งแต่แรกๆ ไม่ได้มีช่วงที่หวือหวามากๆ ทุกอย่างไปตามสเต็ปเรื่อยๆ”

เอสเธอร์เคยให้สัมภาษณ์ว่าถ้าอายุขึ้นเลข 3 จะเริ่มคิดเรื่องแต่งงาน?

“จริงๆก็เคยคุยกันบ้าง แต่เอสเพิ่ง 27 เอง อีก 3 ปี ส่วนผมผู้ชายเลข 3 ก็เฉยๆ ไม่ได้รู้สึกอะไร เดี๋ยวรอดูถ้าทุกอย่างมันโอเคก็โอเค ก็ไม่ได้เรียกว่าเตรียมความพร้อมเพื่อที่จะแต่ง แต่ทุกคนก็เตรียมความพร้อมให้กับตัวเองอยู่แล้ว ทั้งด้านการทำงานธุรกิจต่างๆ มันก็ตามอายุครับ คือเราอายุเข้า 30 แล้ว เราก็ควรจะมีธุรกิจ เราควรที่จะทำอะไรในสิ่งที่เราชอบ ยิ่งเป็นสิ่งที่เราชอบแล้วมันสามารถต่อยอดได้มันก็ยิ่งดี เป็นการสร้างตัวเองของแต่ละคนไปด้วย”

เรื่องงานแต่งงานมันดูไกลตัวหรือยังไง?

“ผมก็รู้สึกว่ายังไกลอยู่นิดๆนะครับ แต่ก็ไม่ได้ไกลไม่ได้ใกล้แล้วกัน ก็แบบกลางๆ”

มีตัวเลขในใจมั้ยว่าอายุเท่าไหร่จะแต่งงาน?

“จริงๆก็ยังไม่ได้มีตัวเลขที่แน่นอนครับ ก็คิดว่าก็คนนี้แหละแต่ไม่ได้ฟิกซ์เวลา เพราะว่าเราเพิ่งผ่านช่วงโควิดมา แล้วทุกคนเพิ่งกลับมาทำงาน อาจจะไม่ใช่แค่ผมที่แพลนไม่ได้ หลายๆคนก็อาจจะยังแพลนไม่ได้ด้วยซ้ำไปว่าเราจะต้องทำอะไรต่อไปในอีก 1-3 ปีข้างหน้า มันอาจจะเพิ่งเริ่มต้นใหม่ในการที่จะทำอะไรใหม่ๆ แล้วมีเวลาโฟกัสในการที่เราจะเริ่มต้นทำนู่นนี่นั่นไปก่อนสักพักนึงดีกว่า”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2383580
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2383580