“เอส-กันตพงศ์” เหนื่อยแต่คุ้ม! ภูมิใจเป็น“พระเอกสายถอด” เผยอยากมีลูกอีกคน
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04aiJ95oea0qftXWUD1N9Qgl6LAygImm.jpg)
เอส เล่าเริ่มจาก “เพลิงไพร เป็นการกลับมาถ่ายละครครั้งแรกในรอบ 2 ปีกว่า หลังแม่เบี้ย โควิดด้วยและมีลูกสาวด้วย เลยขอเวลาทางช่องไปอยู่กับลูกและภรรยา ตอนกลับมาถ่ายละครคิวแรกๆ ก็งงเหมือนกัน เรื่องราวอารมณ์เหมือนสารวัตรใหญ่ ที่ผมเล่น และร้อยป่าที่น้องปูเป้เล่น เป็นแนวทวงคืนความยุติธรรม”
ไม่ค่อยเห็นเอสรับบทเป็นเพลย์บอย?
“ใช่ครับ ไม่เคยเล่นและเป็นเพลย์บอยขี้หลีสาว จีบเค้าไปเรื่อยไม่สนว่าคนจะมองยังไง ได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำในชีวิตจริง”
ความแซ่บต่างจากแม่เบี้ยมั้ย?
“แม่เบี้ยเนี่ยเป็นการสร้างบรรทัดฐานของผมไปเลย หลังจากนั้นผู้กำกับจะบอกว่าอยากให้พี่เอสถอดเสื้อ ในบทไม่มีนะครับแต่อยากให้ถอด ในบทบอกใส่เสื้อกล้ามแต่อยากให้ถอดเลย ก็คล้ายๆจะกลายเป็นซิกเนเจอร์ ผู้กำกับทุกคนที่เห็นก็บอกว่าชอบมาก วีคัตของพี่เอส เค้าไม่ได้รีเควสแค่ถอด แต่เวลาถอดทีไรเค้าบอกช่วยดึงกางเกงลงหน่อย (ยิ้ม) แต่ตอนนี้วีไม่ค่อยเหลือ”
พระเอกสมัยนี้ต้องเตรียมตัวเพื่อถอด?
“มันเหมือนเป็นบรรทัดฐานเนอะ ยังคุยกับพี่ๆในกองว่าเมื่อก่อนตอนเราเด็กๆในละครจะมีสาวเซ็กซี่แนวดาวยั่ว เป็นผู้หญิง แต่สมัยนี้คือผู้ชายต้องเตรียมตัวถอด อยู่ในกองก็กินข้าวเยอะไม่ได้ มันก็เป็นการเปลี่ยนไปของยุคสมัย”
ในมุมมองพระเอกโอเคมั้ยกับการเป็นดาวยั่ว?
“ดาวยั่วเลยเหรอ (หัวเราะ) ผมมองว่าด้วยฐานคนดูที่เป็นสุภาพสตรีมากกว่า มันก็เป็นสิ่งที่ไม่ได้แปลกและสำคัญ ถ้าบริบทของละครพาไปให้ถอด”
จริงๆเป็นความภูมิใจมั้ย เพราะไม่ใช่พระเอกทุกคนที่แฟนๆอยากให้ถอด?
“ต้องขอบคุณครับ ถ้าแฟนๆ ชอบในเรือนร่างของเรา มันหมายความว่าหยาดเหงื่อและความเคร่งครัดในการทานอาหารของเรามันเห็นผล มันไม่ได้เหนื่อยเปล่า กว่าที่มันจะขึ้นเส้นวีมันก็ยาก ต้องมีวินัย ถาม ว่ายากมั้ยมันก็คุมอาหารเป็นหลัก อยู่ในกองทานกับไม่ทานข้าว”
เรื่องนี้ยากตรงไหน?
“การหลีสาวนี่ล่ะครับ ซึ่งขัดกับตัวเรา เราไม่ค่อยไปพูดแซวผู้หญิง พอเป็นตัวละครมันก็ลื่นไหลได้ ซึ่งน้องปูเป้และพี่วี่ผู้กำกับ ก็จะงงว่าคิดได้ยังไง ผมอิมโพรไวซ์เยอะเลย เพราะบางอันคิดว่ายังไม่ได้แสดงความเจ้าชู้เลย มันต้องมี จังหวะนั้นต้องเล่นมุกแล้ว พอเราอินกับตัวละครเราก็เสนอไปผู้กำกับก็ชอบ จนน้องปูเป้ขำบอกไม่ไหวแล้ว ส่วนการร่วมงานกับน้องปูเป้เราเจอกันวันแรก15 นาทีก็ทลายกำแพงกันไปหมดเลย คลิกกันไว น้องเป็นมืออาชีพ เราทำงาน สบาย ฉากต่างๆผ่านไปด้วยดี”
![](https://static.thairath.co.th/media/Dtbezn3nNUxytg04aiJ95oea0qftXWUECn5bGjEmPHZmJv.jpg)
ออกมาทำงานแล้วเป็นไง?
“ผมติดลูกเป็นคนติดบ้าน เพราะฉะนั้นพอมีลูกไปกันใหญ่ นอกจากติดบ้าน มีลูก มีโควิด โอ้โห เป็นข้ออ้างที่เพอร์เฟกต์ที่เวลาเพื่อนชวนแล้วจะไม่ออกไปไหน ตอนแรกๆที่ผมมาถ่ายละครที่เมืองไทยคนเดียว ตอนถ่ายคิดถึงลูกตลอดว่างปุ๊บวิดีโอคอลวันละ 3-4 รอบ ตอนนั้นภรรยาอยู่เยอรมนี ต้องนับชั่วโมงให้ตรงกัน แต่ตอนนี้อยู่เมืองไทยแล้ว”
การเลี้ยงลูกล่ะ?
“ภรรยาจะเป๊ะ ผมจะตามใจ เพิ่งเข้าใจคำว่าคุณพ่อมีลูกสาวเป็นยังไง ความที่ลูกมาอ้อนก็ยอมหมด หลงครับ ภรรยาเลยต้องเล่นบทเป๊ะ และมาเป๊ะใส่ผมด้วย ก็ปรับตัวเยอะพอสมควร เราคนไทยเค้าคนเยอรมันก็มีความเชื่อที่ต่างกันเช่น การทานข้าว ภรรยาก็จะศึกษามาใช้วิธี Baby- Led Weaning ให้ทานเองตั้งแต่ 6 เดือน บางทีเค้าติดคอ ผมก็จะตกใจ ภรรยาบอกว่าอย่าๆปล่อยให้ลูกทำเอง เค้าจะส่งข้อมูลมาให้เราเพราะกลัวผมไม่เชื่อ หรือการเลี้ยงเด็กคู่กับน้องหมา ถ้าเป็นยุคคุณแม่ผมจะห้าม แต่ปัจจุบันนักวิทยาศาสตร์พบว่าถ้าเลี้ยงเด็กกับน้องหมาจะยิ่งแข็งแรง สำหรับผมก็ศึกษาเรื่องสายสัมพันธ์ ต้องการให้เค้ายืนได้ด้วยตัวเองเป็นประชากรที่มีคุณภาพ”
เป็นคุณพ่อแล้วชีวิตเปลี่ยนเยอะมั้ย?
“ถ้าชีวิตผมแทบไม่ค่อยเปลี่ยน ด้วยไลฟ์สไตล์ผมอยู่บ้านเป็นหลัก แต่เปลี่ยนมุมความคิด เรามีลูกสาว อยากเป็นต้นแบบเป็น role model ในการที่เค้าจะเลือกคู่ชีวิตในอนาคตก็จะดูเราเป็นคนแรก สิ่งที่เราทำกับภรรยาเรา เราก็พยายามแสดงความรักต่อหน้าลูกเยอะขึ้น เค้าก็ชอบอมยิ้มเวลาพ่อแม่จุ๊บแก้มคิสๆ ส่วนการปรับตัวของภรรยาเค้าชอบเมืองไทย ก็ปรับตัวไม่ยาก”
แพลนมีคนที่สองมั้ย?
“ตอนแรกผมไม่ได้แพลนมีคนที่สองนะ ตอนแรกโดยส่วนตัวไม่อยากมีลูกเลย ชอบสันโดษ แต่ภรรยาอยากมีลูก พอมีลูกก็ทำให้รู้สึกว่า อืม อยากมีนะ ภรรยาบอกว่าเค้ายังไม่หายเหนื่อยเลยนะ”.
ดูข่าวต้นฉบับ
ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2654715
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2654715