"ต่าย อรทัย" สานฝัน "ธุรกิจ" เปิดใจสถานะหัวใจ "ไม่ว่าง"


ให้คะแนน


แชร์

เป็นมายังไงถึงมาฟีเจอริงกับไผ่–พงศธรได้

“จริงๆก็เหมือนแหละ (หัวเราะ) ค่อนข้างตรงกับชีวิตต่ายเลย คือพี่น้องทุกคนที่ร่วมมาเป็นนักแสดงด้วยกัน ต่างคนต่างอาชีพแต่เป็นลูกอีสานเหมือนกัน มาเจอกันด้วยความบังเอิญ มีบางเหตุการณ์ทำให้เรามาพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนประสบการณ์”

ยังเป็นแนวเพลงช้าๆ ฟังสบายๆ “มีหลากหลายค่ะ เพลงเดี่ยวก็จะซึ้งกินใจ เศร้าใจ เสียใจ เพลงถนนสายมิตรภาพ ชื่อนี้สนุกสนาน เส้นทางของคนแผ่นดินอีสานที่ลงมาสู้งาน จะเจอเรื่องทุกข์ใจขนาดไหน แต่จังหวะยังไงก็ต้องมีเรื่องสนุก ค่อนข้างมีหลากหลาย จังหวะกลางๆ สนุกๆก็มี”

จะมีพลิกมาเป็นแนวแดนซ์เลยมั้ย “ไม่มีแดนซ์ค่ะ (หัวเราะ) มีอัลบั้มที่ผ่านมา เพลงเร็วสุด ผู้บ่าวนินจา ทุกคนจะได้เห็นแบบเร็วๆ หน้าเวทีมากกว่า แต่อัลบั้มก็คงเร็วในสิ่งที่ทุกคนคาดหวังไปไม่ถึง พยายามแล้วค่ะ”

เพลงเร็วมีคนเรียกร้องเยอะขนาดไหน “โอ่ เรียกร้องเยอะมากค่ะ แบบแดนซ์เลย สายแดนซ์ บียอนเซ่ อะไรแบบนั้นเลย เคยลองเหมือนกันแต่มันไปไม่ได้จริงๆ คือเป็นคนนึงที่ชอบดูคนเต้น ชอบดูคนฟ้อน ชอบดูคนแสดงออกทางด้านสรีระ แต่ว่าเรา หนึ่งอาจจะไม่มีพื้นฐาน สองพรสวรรค์เราคือช้ามาก ไม่สามารถไปได้เร็วขนาดนั้น เคยเรียนเต้น เรียนรำก็มีแต่ถ้าเทียบรำกับแดนซ์ ฟ้อนรำจะรอดกว่ามันคือตัวตนของเราเนิบๆ (หัวเราะ)”

โดนแซวความสโลว์ ความเนิบรู้สึกยังไงบ้าง “แซวก็ไม่โกรธเพราะธรรมชาติเราเป็นแบบนี้ ไม่รู้โกรธทำไม ถ้าไปทำงานเทียบกับการไปโน่นนี่นั่น แต่ถ้าเดินห้าง เดินซื้อของจะเร็วค่ะ”

ต่ายอยู่วงการมายาวนาน กระแสดีไม่มีตกเลย

“ประมาณ 16-17 ปีก็ได้อะไรมาเยอะ แต่คือจริงๆ ถามวันนี้มีแต่กำไรชีวิตเพราะจุดเริ่มต้นคือเรามาด้วยเพลงแนวช้าๆ ต้องใช้เวลาเยอะพอสมควร ที่ทุกคนจะรู้ศิลปินน้องใหม่ มาเป็นเพลงแนวช้า เราแต่งตัวก็ไม่ได้แต่งหวือหวา ด้วยความนิยมในวงการลูกทุ่งสมัยก่อน สมัยก่อนจะมาแนวเซ็กซี่ เป็นภาพจำแต่ต่ายตรงกันข้ามหมดเลยต้องใช้เวลาเยอะมาก ฝึกหัดก็เป็นปี มันมีอะไรให้เราเรียนรู้หลายอย่าง มีอุปสรรค มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ ทุกอย่าง มีเพลงดังเพลงไม่ดัง”

มีช่วงท้อๆแบบไม่เอาแล้วกลับไปใช้ชีวิตต่างจังหวัดก็ได้ “มีค่ะ เพราะว่าชีวิตการทำงาน เราอาจจะเรื่องการอุปสรรคในการทำงาน ปัญหาชีวิตส่วนตัวเราก็เจอ เรื่องราวที่เราจะต้องแก้ปัญหากับผู้คนในที่ทำงานบางช่วงอาจมาพร้อมกัน เราต้องใช้เวลาแก้บางทีทำให้เรารู้สึกท้อเหมือนกัน ถ้าเรากลับบ้านจะอยู่ได้มั้ย มีคิดค่ะ มีขึ้นๆลงๆ เป็นบางช่วง”

อย่างเวลาเรามีปัญหาเรามีอะไรมีแรงบันดาลใจกลับมาลุย “คนข้างหลังด้วยค่ะ คุณพ่อคุณแม่ คุณยาย น้องชาย ทางบ้านเราต่างจังหวัด เรารู้ว่ามาสู้ตรงนี้ เราไม่รู้ประสบความสำเร็จหรือเปล่า แต่มาวันนึงมันโอเคขึ้นมา เรารู้ว่าสิ่งที่เราทำ ปลายทางให้ความสุขของเรา ของครอบครัวเรามันทำให้เรา ท้อเมื่อไหร่หันกลับไปมองครอบครัว”

ล่าสุดหันมาจับธุรกิจ เป็นมายังไง

“ออร่า-ทัย จริงๆเริ่มจากความฝันมา 4-5 ปี แล้ว พอถึงช่วงเวลานึงเริ่มคิดเราจะวิ่งงานตะลอนๆ สู้งานเหมือนตอนที่เราเข้าวงการแรกๆ สมบุกสมบันขนาดนั้นเราไม่ไหว ทำให้เราอยากทำอะไรที่เซฟแรงเราเองแต่มั่นคงขึ้น ร้องเพลงที่เรารักก็ร้องไปด้วยยังทำควบคู่กันไป ตอนนั้นคิดไว้แต่พับเก็บโครงการเอาไว้ก่อน เราไม่ได้มีความรู้ เราไม่ได้มีทุน มันหลายอย่าง รายละเอียดค่อนข้างเยอะ ไม่ใช่ว่าเราอยากจะทำก็ทำเลย เอาจริงๆเราไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน”

ตัดสินใจทำในสถานการณ์โควิดมันเสี่ยงนะ “ค่ะ อย่างที่บอกวันนั้นเราไม่พร้อม ดันมาพร้อมวันนี้ สินค้าที่ทำมีอะไรบ้าง จริงๆเป็นธุรกิจขายตรง ทำออกมา 3 ตัว เซรั่ม เดย์ครีมและมาส์กออร่า-ทัย ทดลองเองทุกขั้นตอน แก้ไขกันมาตลอดจนได้สูตรที่ดีที่สุด”

เราต้องปรับตัวยังไงเพราะจากเราเป็นศิลปินทำหน้าที่ร้องเพลงอย่างเดียวแต่ตอนนี้ต้องสวมหมวกนักธุรกิจด้วย “ณ ตอนนี้ยังมีอีกหลายอย่างที่เราจะต้องเรียนรู้ เรายังไม่รู้อะไรอีกเยอะเลย เกือบ 20 ปี เราอยู่กับเพลง อยู่กับศิลปะมานานมาก ถ้ามันมีเพดานคือไปไหนไม่ได้แล้ว อันนี้เป็นจุดเริ่มต้นเป็นความฝันที่อยู่ใกล้ตัวเราซึ่งคิดว่าคงต้องใช้ระยะเวลาปรับตัวเอง พัฒนาไปเรื่อยๆ”

หลังเปิดตัวธุรกิจฟีดแบ็กเป็นยังไงบ้าง

“แฟนๆให้การตอบรับดีค่ะ ก็ดีใจค่ะ ก่อนหน้าเคยคุยกับผู้ใหญ่เล่นๆ เราทำแล้วเราขายให้ใคร คุยกันเล่นๆ พอออกมาแล้วอันดับแรกแฟนคลับ สมัครเป็นตัวแทนหลายคน”

เราเปิดโอกาสให้ชาวบ้านมีอาชีพมีรายได้เหมือนกัน “ใช่ค่ะ ถ้าตามมุมต่ายที่มองซื่อๆเลยว่าเรามองว่าเราได้ทำเพื่อคนรอบตัว พี่สาว น้องสาว หลานสาวหรือพี่น้องที่อยู่ข้างๆเรา แนะนำสนใจมาร่วมงานกับเรามั้ยอย่างน้อยมีรายได้เสริม บางคนเก่งมากๆ การขายก็เป็นรายได้หลักได้ มีทุนดูแลพ่อแม่ได้มากขึ้น ในแง่การขายต่ายก็มาแนวซื่อๆ ตามแบบฉบับของเรา เอาความจริงใจเลย ทำให้เรากล้าขึ้นด้วยสถานการณ์โควิดยังไม่เจอใครเยอะ แต่ถ้ามีคนอินบ็อกซ์เราจะมีทีมงานซัพพอร์ต เสียดายตอนที่คุยโปรเจกต์คุณยายยังไม่เสียก็ยังรับรู้ ตั้งใจไว้ว่าผลิตภัณฑ์เสร็จจะขอพรคุณยายก็ไม่ทันจริงๆ”

ด้วยอายุอานามก็ไม่น้อย กับความรักล่ะเปิดขนาดไหน

“โหย ความรักเรื่อยๆค่ะ ไม่รู้ปลายทางเป็นยังไง ถ้าเป็นธุรกิจออร่า-ทัย ปลายทางเรายังพอมองเห็น เราจะพัฒนายังไง สามารถกำหนดได้ เราเรียนรู้ในระยะสั้นหรือยาว แต่เรื่องความรักคือบอกไม่ได้เลย”

ใช้คำว่าเรื่อยๆหมายถึงมีคนคุยๆอยู่ถูกมั้ย “มีคนคุยค่ะแต่ขอให้เป็นการเรียนรู้กันไป”

จะไม่ค่อยพูดถึงคนที่เราคบหรือเปิดตัวเลย “ให้มันเป็นเรื่องส่วนตัวดีกว่า (ยิ้ม)”

เป็นเพราะแฟนเพลงมั้ย ถ้าเปิดตัวไปแฟนๆอาจไม่ยอมรับ “ผู้ใหญ่ในวงการเพลงก็ยังมองว่าควรจะเก็บไว้เป็นเรื่องส่วนตัว ผู้ใหญ่คุยกับเราแบบนี้มาตลอด”

กลัวการเปิดตัวจะมีผลต่อกระแสความนิยมลดลงหรือเปล่า “อย่างเมื่อก่อนค่อนข้างชัดเจนด้วยเหตุผลประมาณนี้ แต่มาตอนนี้ความรู้สึกว่าเป็นเรื่องส่วนตัว เราเองไม่ถึงขนาดจำเป็นต้องออกมาบอกสื่อขนาดนั้นแต่เราไม่ได้ปิดทุกคน ก็เป็นเรื่องธรรมชาติ ถ้าเรายังรู้สึกอยากมีคนดู อยากมีครอบครัวแต่คิดว่าเรื่องธรรมดา ถ้ามีคนถาม ถ้าเราพูดได้ก็พูด”

เริ่มคิดมองการแต่งงาน “อูย อีกนาน ไม่รู้ค่ะ คิดว่าใกล้จะหมดเวลาแล้วนะถ้าคิดจะมีลูก ด้วยอายุอาจจะมันใกล้ไม่เอื้อแล้วแต่ถ้าไม่ทันแล้วจริงๆ มองในเรื่องการใช้ชีวิตร่วมกัน ดูแลกัน”

ความรักมีส่วนเติมเต็มชีวิตเราขนาดไหน

“เราอยากมีคนมาเติมเต็ม ขออนุญาตใช้คำนี้ การที่คนสองคนมาเจอกันคงจะต้องมีอะไรบางอย่างที่ต้องมาเติมเต็ม พากันเดิน จูงมือเดินไปด้วยกัน”

คบมานานขนาดไหน 10 ปีถึงมั้ย “ไม่ค่ะ จริงๆ เพิ่งทำความรู้จักกัน ถึงบอกเรื่องแต่งคงอีกนาน”

จริงๆที่บ้านมีถามเรื่องแต่งงาน หรือบอกต่ายอยากอุ้มหลานบ้างมั้ย “เป็นห่วงมากกว่า ถ้าจะมีวันนั้นเป็นเรื่องที่เราตัดสินใจมากกว่า อย่างแม่ห่วงอยู่แล้ววันนึงถ้าไม่มีลูกจะอยู่ยังไง ต่ายก็บอกก็ลูกหลานไงช่วยดูแล (หัวเราะ) แม่ก็จะแย้งลูกหลานไงไม่ใช่ลูกเรา คือเป็นความห่วงของแม่”

อายุของต่ายทำให้เราเริ่มทำใจเรื่องการมีลูกมียากด้วยหรือเปล่า “มันสองทางคือตอนนี้ก็อยากมี และอยากมีเป้าหมายที่ชัดเจนเหมือนกัน ขณะเดียวกันก็เผื่อใจไว้ครึ่งนึงเพราะว่ามาขนาดนี้ด้วย”

บางคนฝากไข่ไว้ก่อนมีลูกเผื่ออนาคต “อุ้ย! คงยังไม่ใช่สเต็ปนั้น ยังเป็นเพื่อนกันอยู่ ก็เป็นคนนอกวงการ”

เลือกคบคนนอกอาจจะทำให้เราสบายใจกว่าคบคนในวงการหรือเปล่า “ไม่เกี่ยวหรอกค่ะจะเป็นคนในหรือนอกวงการแล้วสบายใจกว่า อยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่าไม่เกี่ยวว่าเป็นคนในหรือนอกวงการ”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1932757
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/1932757