กะเทาะเปลือก “กาละแมร์” ในวันคลื่นลมแรงอ่อนแอได้ แต่ต้องเข้มแข็งให้ไว


ให้คะแนน


แชร์

“แมร์เกิดในครอบครัวชนชั้นกลาง พ่อทำธุรกิจส่วนตัว แม่เป็นครู มีน้องชายหนึ่งคน ตอนเด็กๆได้ค่าขนมวันละ 5 บาท แต่ถ้าอยากได้อะไรเพิ่ม เช่น กล่องดินสอใหม่ ต้องทำงานแลกเงิน แม่สอนให้พับถุงกระดาษขายตั้งแต่เด็กเพื่อให้รู้ว่าเงินไม่ได้หาง่ายๆ จำได้ว่าพับถุง 100 ใบ ไปขายที่ตลาดได้ 1 บาท ตรงนี้ปลูกฝังให้แมร์ขยันทำงานหาเงิน แมร์เริ่มทำงานตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง นิเทศ จุฬาฯ ไปสมัครเป็นดีเจที่วิทยุจุฬาฯ แต่รุ่นพี่ให้หาบทความปกิณกะมาเบรกสั้นๆ 1 นาที ได้ชิ้นละ 10 บาท เงินก้อนแรกที่หาได้ตอนปีหนึ่งเทอมสอง คือ 3,000 บาท แมร์บอกแม่เลยว่าไม่ต้องจ่ายค่าเทอมให้แล้ว หาเงินส่งตัวเองเรียนหนังสือได้แล้ว จากนั้นก็ค่อยๆขยับไปเป็นผู้ประสานงานเชิญแขกผู้ใหญ่เข้าสายสัมภาษณ์ตอนเช้า และเป็นนักข่าวให้วิทยุจุฬาฯ อะไรที่ทำได้เงินเราทำหมด ภูมิใจสุดคือเงินเดือนก้อนแรกที่ทำงานช่อง 3 แมร์ให้พ่อแม่หมด ตอนนั้นได้ 8,000 บาท แมร์มีความฝันตั้งแต่ ป.5 ว่าอยากเข้าไปอยู่ในทีวี หลังเรียนจบเลยสมัครผู้ประกาศข่าวตำแหน่งเดียว ทั้งๆที่ไม่มีคุณสมบัติเลย ยังเป็นเด็กนิสิตตัวดำ ใส่แว่นหนาเตอะ หน้ามัน และผมสั้นติดติ่งหู”…พิธีกรคนดังเล่าถึงที่มาของหัวใจนักสู้

ข่าวแนะนำ

ไม่สวยไม่มีเส้น แล้ว “กาละแมร์” เข้าไปเป็นผู้ประกาศข่าวช่อง 3 ได้ยังไง

โชคดีที่ไปฝึกงานกับช่อง 3 ก่อน แมร์ทำทุกอย่างอึดถึกทนมาก ตั้งแต่เสิร์ฟน้ำ, ชงกาแฟ, ถ่ายเอกสาร, เดินเทป, แบกกล้อง, ถือไมค์, ออกไปทำข่าว, สัมภาษณ์, ตัดต่อ, ลงเสียง, ทำสกู๊ป ฝึกงานได้ 6 เดือน ผู้ใหญ่แจ้งว่าตกลงช่อง 3 จะรับคุณเป็นพนักงานนะ จำได้ว่านั่งอยู่บนรถ ปอ.12 กำลังจะกลับบ้าน ดีใจมากจนกรี๊ดลั่น แต่เข้าไปแรกๆยังไม่ได้เป็นผู้ประกาศข่าว เราอาสาทำงานทุกอย่าง เพราะร้อนวิชา พี่คนไหนทีมว่างเราก็อาสาเอาทีมไปทำสกู๊ป ทำให้พี่ๆเห็นแววและเปิดโอกาสให้ จะทำบ้าบอคอแตกอะไรก็ได้ เราไม่อยากยืนพูดทื่อๆรายงาน ก็เลยโผล่ตามนั่นนี่ไปตามสไตล์เรา พอดีมีรายการเล่าข่าวเช้า ตอน 6 โมงเช้า ถือเป็นยามไทม์ยุคนั้น แมร์เลยได้โอกาสลองทำดู อ่านข่าวครั้งแรกได้ 300 บาท สมัยนั้นสมบุกสมบันมาก ต้องขึ้นเรือด่วนคลองแสนแสบจากบ้านมาต่อรถเมล์อีก 2 ต่อ เพื่อมาทำงานทุกวัน เพราะบ้านอยู่แถวรามอินทรา แต่ช่อง 3 อยู่เพชรบุรีตัดใหม่ หลับเลยป้ายประจำ เลิกงานก็ป้วนเปี้ยนอยู่หน้าออฟฟิศขอติดรถพี่ๆกลับบ้าน ไม่อยากโหนรถเมล์แน่นๆกลับบ้าน ขอไปลงกลางทางตรงไหนก็ได้ค่อยต่อรถต่อเรือ เคยฝันอยากให้มีผู้ชายมาจีบแล้วขับรถไปส่งที่บ้าน แต่ก็ไม่เคยมี (หัวเราะ) สมัยนั้นไม่กล้าเรียกแท็กซี่ เพราะกลัวเงินเดือนไม่พอใช้

ชีวิตเริ่มลืมตาอ้าปากได้ตอนไหน

พอทำรายการผู้หญิงถึงผู้หญิง เริ่มมีจ๊อบเป็นพิธีกรตามงานต่างๆ ทำให้เก็บเงินเก็บทองได้บ้าง เลยตัดสินใจกำเงินสด 300,000 บาท ไปซื้อรถคันแรก แมร์เป็นคนชอบบริหารเงินตั้งแต่เด็ก เวลาเดินเข้าแบงก์รู้สึกสดชื่นมีความสุข พอได้เงินเดือนจากช่อง 3 จะถอนเงินครึ่งหนึ่งไปลงทุน เหลือไว้ใช้จ่ายแค่ครึ่งเดียว สมัยนั้นของแบรนด์เนมอะไรก็ไม่ซื้อ บ้าเก็บเงินอย่างเดียว อยากได้อะไรก็ไปซื้อตลาดนัด

ชีวิตอู้ฟู่ขนาดไหนถึงกล้าตัดสินใจซื้อคอนโดหลักสิบล้าน

แมร์ทำงานหามรุ่งหามค่ำมาก เคยขับรถหลับในกลับบ้านหลายครั้ง จนคิดว่าคงตายก่อนได้ใช้เงิน เลยตัดสินใจมองหาคอนโดใกล้ออฟฟิศแถวพระราม 4 เริ่มจากซื้อขนาด 5 ล้านก่อน แล้วขยับเป็น 13 ล้าน จำได้ว่าถามคนเป็นร้อยมั้งกว่าจะยอมซื้อ จนคิดตกว่าเป็นการลงทุน เพราะทำเลติดรถไฟฟ้าน่าจะขายได้กำไร ยุคนั้นรับจ๊อบงานหนึ่งก็ได้ 30,000 บาท เก็บเงินได้เป็น 10 ล้านแล้ว แมร์รับจ๊อบบ้าคลั่งมากเพราะต้องผ่อนคอนโด ลงเสียงได้ไม่กี่พันก็ทำ เป็นพิธีกรงานแซยิด, งานแต่งงาน และงานศพก็รับหมด

มีกระแสวิจารณ์ว่า “กาละแมร์” เปลี๊ยนไป๋ เดี๋ยวนี้เหลิงแล้ว ติดหรูติดแบรนด์เนม

แมร์ก็ยังเป็นแมร์คนเดิม และไม่เคยทำอะไรที่เกินตัว เราแค่เติบโตขึ้นตามวันเวลาที่ควรเป็น อย่างกระเป๋าแอร์เมสก็เป็นการลงทุน ราคาขึ้นตลอด และกำไรตรงได้ใช้ด้วย ถ้าแมร์จะซื้อจะใช้อะไรต้องไม่เป็นหนี้ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยใช้ จะไม่ตะกายเด็ดขาด อย่างคอนโด ร้อยล้านที่ “เดอะ สุโขทัย เรสซิเด้นซ์” แมร์ก็ยังผ่อนแบงก์อยู่ แต่ตัดสินใจซื้อเพราะมันคือการลงทุนที่คุ้มค่า แมร์ทำงานเป็นวัวเป็นควายมาก เสียงแหบแห้ง, หน้าบวมตัวบวม, ภูมิตก ก็วิ่งไปหาหมอ เกือบเอาชีวิตไม่รอดหลายครั้ง วนอยู่ในลูปนี้หลายปี ถ้าเราทุ่มเทขนาดนี้ แมร์คิดว่าเราสมควรที่จะได้มีความสุข โดยไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร

เอาแรงฮึดจากไหนถึงก้าวกระโดดมาเป็นซีอีโอพันล้านภายในเวลาข้ามปี

แมร์ทำงานพิธีกรมา 20 กว่าปี รู้สึกว่าเราอยากทำอะไรที่ท้าทาย การเป็นเจ้าของธุรกิจเป็นความฝันของแมร์มาตลอด แต่เราไม่กล้าจะทำมันซะที สมัยก่อนนายที่ช่อง 3 ถามตลอดว่าอยากเป็นเจ้าของรายการไหม แต่เราไม่กล้าจะทำ เพียงแต่ตอนนี้มันถึงเวลาแล้วที่แมร์จะทำตามความฝันตัวเอง ด้วยความที่เราเป็นสายเฮลตี้รู้ว่ากินอะไรดีกินอะไรร่างไม่พัง และชอบออกกำลังกาย ก็มักเอาเรื่องเหล่านี้มาเขียนมาแชร์ แมร์ลุกมาทำอาหารคลีนกินเอง เพราะอยากให้คุณแม่ ซึ่งเป็นมะเร็ง ได้ทานอาหารสุขภาพ จนมีอยู่วันหนึ่งไปวิ่งกับพี่ตูน-บอดี้สแลม เลยปั้น “พาวเวอร์บอล” ไปฝาก เพื่อให้มีขนมคลีนๆกินก่อนออกวิ่ง พอลงรูปไอจีและเฟซบุ๊ก คนเมนต์เต็มเลยว่าอยากกิน ทำขายไหม แมร์เลยตัดสินใจทำขายเล่นๆที่งานฟิตเฟสต์ของวูดดี้ ปั้นขายวันละ 100 กล่อง วันแรกขายหมดภายใน 2 ชั่วโมง จากนั้นก็ขายไม่หยุด ต้องเกณฑ์ทุกคนในบ้านมาช่วยปั้น ตามมาด้วยการขยายธุรกิจแฟรนไชส์เครื่องดื่มสุขภาพ “ZERO Kcal x Kalamare” แมร์ทำทุกอย่างโดยเริ่มต้นจากสิ่งที่ชอบ เหมือนที่ลงทุนเปิดบริษัท “HI POWERSHOT” ก็มาจากตัวเราล้วนๆ สมัยก่อนเป็นวัวควายมาก ทำงานเลิกตีสอง พอตีสี่ก็ตื่นมาทำงานต่อได้เลย แต่พอเริ่มเข้าเลขสี่ ตอนทำงานพิธีกรจู่ๆก็จำชื่อคนไม่ได้ พูดไม่ลื่นไหลเหมือนเดิม แมร์กลัวสมองเจ๊ง กลัวอัลไซเมอร์ เลยหาข้อมูลว่าเราต้องกินอะไรไม่ให้สมองถดถอย พาวเวอร์ชอตตัวแรกจึงเริ่มจาก “BRAIN” เน้นบำรุงสมองและความจำ แล้วเริ่มพัฒนาสูตรต่างๆออกมา ทุกอย่างเกิดจากจุดเจ็บของเรา

เมื่อก่อนแมร์คิดตลอดว่าเราเกิดมาไม่สวยก็ได้ เป็นคนไม่กล้าทำศัลยกรรมทุกอย่าง เพราะกลัวเจ็บ แต่พอมาทำพาวเวอร์ชอต เราเลยตั้งโจทย์ว่าถ้าคนอย่างแมร์อยากสวยแบบธรรมชาติไม่พึ่งศัลยกรรม มันจะมีวิธีไหนได้บ้าง นอกจากกินให้ดี, ออกกำลังกาย และพักผ่อนเพียงพอ ยังมีอะไรอีกไหมที่กินแล้วทำให้ผิวดีขึ้น ถ้ากาละแมร์กินแล้วสวยได้ คนอื่นก็ต้องสวยได้ เพราะเรามาจากติดลบเลย ตรงนี้กลายเป็นที่มาของพาวเวอร์ชอตสูตรอื่นๆ แมร์ตั้งเป้ากับตัวเองว่าขอสักครั้งในชีวิตที่เราจะมีเวอร์ชันที่ดีที่สุด ไม่ใช่แค่สวยภายนอก แต่เราต้องสวยถึงภายใน แมร์ลองมาทุกอย่างแล้ว แต่กว่าจะสวยไปจนถึงลำไส้ต้องกินต้องทาไปเท่าไหร่ แมร์เลยคิดว่าจะดีกว่าไหมถ้ามีตัวช่วยให้สวยตั้งแต่หน้า, ผิว, สมอง สวยไปจนถึงลำไส้แบบจบครบในไม่กี่นาที ถ้าแมร์สวยขึ้นได้ใครๆก็สวยได้ ชีวิตแมร์พังมาเยอะ ร่างเจ๊งมาก่อน เคยพังตั้งแต่หัวจดเท้า ผมร่วง, เป็นไมเกรน, นอนไม่หลับ, กรดไหลย้อน, ลำไส้อักเสบ, ไขมันพอกตับ, คอเลสเทอ-รอลสูง, เป็นภูมิแพ้ผื่นคัน, เจ็บคอต้องฉีดสเตียรอยด์วันเว้นวัน และเกือบจะเป็นหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท แถมมีซีสต์รังไข่ และเนื้องอกในมดลูก เราหาเงินมาเพื่ออะไร เพื่อที่จะหาหมอวันเว้นวันแล้วก็ตายไปโดยไม่ได้ใช้เงินเลย ตรงนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ปฏิวัติตัวเอง เลิกเครียด, เลิกใช้ร่างกายเปลือง, หันมาดูแลสุขภาพ, ออกกำลังกาย และพัฒนาผลิตภัณฑ์ดีๆ

ทุกวันนี้มีเงินในบัญชีเป็นพันล้านอย่างที่ลือไหม

มีไม่ถึงค่ะ พันล้านคือยอดขายของพาวเวอร์ชอตทั้งบริษัท เงินในบัญชีแมร์มีแค่หลักร้อยล้าน แมร์เริ่มทำพาวเวอร์ชอตกลางปี 2562 แต่จุดพีกที่ทำให้ยอดขายทะลุร้อยล้านจนวิ่งมาแตะพันล้าน คือช่วงโควิด-19 แมร์โดนกักตัวเป็นคนแรกๆ อยู่บ้านไม่รู้จะทำอะไรก็เริ่มไลฟ์และทำสื่อโซเชียล พอดีเข้ากับกระแสที่คนใส่ใจสุขภาพ อยากกินอะไรเพื่อสร้างภูมิต้านทาน ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น

เวลาเจอมรสุมชีวิต มีอะไรเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวไม่ให้ท้อถอย

เราอยู่วงการนี้ไม่มีอะไรชื่นชูใจเท่ากับเสียงปรบมือและกำลังใจ ทุกครั้งที่มีฟีดแบ็กจากแฟนๆและลูกค้าเขียนมาขอบคุณเราที่ทำให้สุขภาพดีขึ้น แมร์จะมีความสุขมาก ตลอด 20 ปีที่ทำงานมา ไม่ว่าแมร์ใช้ชีวิตหรือทำอะไร แมร์จะถือสาเรื่องคำพูดของตัวเอง ถ้าพูดอะไรแล้วแมร์ต้องทำ และถ้าพูดอะไรออกมาต้องเป็นเรื่องจริง!! ตอนเป็นพิธีกรเราไม่รู้หรอกว่ามีคนชอบเราแค่ไหน แต่เพิ่งรู้ว่ามีคนรักเราเยอะ ก็วันที่ทำสินค้าของตัวเอง แล้วมีคนตามอุดหนุนให้กำลังใจเรา แมร์กลัวที่สุดว่าคนที่รักเราจะไม่เข้าใจเจตนาดีของเรา แมร์อยากทำผลิตภัณฑ์ดีๆให้ทุกคนได้กินเพื่อสุขภาพ คนอย่างแมร์ถ้าไม่ดีจริงจะไม่มีวันทำ ชีวิตแมร์ไม่เคยคาดคิดว่าจะมาไกลขนาดนี้ ตอนเด็กๆอยากเห็นตัวเองอยู่ในทีวี ก็ได้เป็นพิธีกร แมร์ชอบอ่านหนังสือก็ฝันอยากมีหนังสือขายดีอันดับหนึ่ง ถ้าเอาฝันแบบสุดๆไปเลยนะ ตอนนี้อยากสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย ถ้าผลิตภัณฑ์เล็กๆของเราได้ก้าวไปสู่ตลาดโลก แล้วทุกคนรู้ว่านี่เป็นฝีมือของคนไทย แมร์จะภูมิใจมากๆ แมร์โดนมาเยอะ แต่ก็เข้าใจทุกอย่าง มันท้อไม่ได้ เพราะเป้าหมายเราใหญ่มาก มีคนที่เราต้องดูแลอีกเยอะ แมร์เชื่อว่าในทุกวิกฤติของชีวิต เราจะมีภูมิต้านทานเพิ่มขึ้น บทเรียนนี้ยิ่งใหญ่มาก จะทำให้แมร์รอบคอบขึ้นและมีสติมากขึ้น.

ทีมข่าวหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2022880
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2022880