เต้ย อภิวัฒน์ รับติดแบรนด์เนมหนักเพราะไม่เคยมี ตอนเด็กลำบากมาก


ให้คะแนน


แชร์

เราก็จะอดรอให้ถึงรอบที่จะขอ เราค่อยขอ ถ้าสมมติต้องใช้เงินเกิน ทำงานกลุ่ม เราลดการกินลง กินมาม่าที่ตุนไว้ แล้วข้าวที่บ้านสีให้เป็นกระสอบเอามาไว้ที่หอพัก แล้วก็ต้มมาม่าใส่ข้าวกิน”

เงินที่ปู่ ย่า ได้มาจากการทำงาน ปีไหนนาไม่ดีคือไม่มีกินกันเลย?

“ก็ได้กินข้าว ได้กินพวกกบ พวกอะไร พืชตามบ้านเรา สัตว์ตามบ้าน”

ขยันตั้งแต่ตอนที่เรียนแล้ว ทำอาชีพอะไรมาบ้าง?

“ตั้งแต่ ม.ปลาย มีปิดเทอมใหญ่ใช่ไหมครับ ผมก็จะลงกรุงเทพฯ มาทำงาน งานโรงงานบ้าง ประมาณ 2-3 เดือนเราจะได้เงินเก็บบ้าน”

ม.ปลายแล้วทำงานโรงงานได้ไง?

“โรงงานเย็บผ้า คือมีป้าที่ทำงานในนั้น เขาก็เอาเราไปฝาก ไปตัดขี้ด้าย ไปขนของ น่าจะได้วันละ 180 บาท ณ ตอนนั้นกลับบ้านไปได้เงินเป็นหมื่น สองหมื่น บางครั้งก็เป็นเด็กเสิร์ฟที่ผับด้วย ถ้าเรามีเงินเยอะ เราก็ให้ปู่กับย่าด้วย”

เล่าให้ฟังหน่อยที่บอกว่าปี 1 ลำบากอะ ลำบากขนาดไหน?

“การอยู่มันไม่ค่อยมีเพื่อน แล้วเรื่องเงินหนักสุด เงินลำบากสุดๆ แล้วตอนที่จะปิดเทอมปี 1 ผมมอเตอร์ไซค์หาย เกือบเดือนนึงผมปั่นจักรยานไปมหา’ลัย แล้วเป็นจักรยานยืมเพื่อนด้วย”

แล้วจากทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟมาร้องเพลงลงยูทูบได้ยังไง?

“สมัยเรียนปี 2 ชีวิตเริ่มดีขึ้น เพราะว่าผมทำงานกลางคืน เริ่มมีรายได้ หลังจากนั้นไม่ขอเงินทางบ้านแล้ว พอมีมากก็ส่งให้ย่าด้วย คือเรียนไปด้วย ร้องเพลงกลางคืนไปด้วย แล้วก็ทำวงด้วยครับ แต่ว่ายังไม่ได้ดังมาก ก็สอบบรรจุเป็นครูก่อน คนค่อยมารู้จักเยอะขึ้น”

เป็นนักร้องอยู่แล้ว ทำไมอยากเป็นครู?

“ตอนเรียนใกล้จะจบปี 5 แล้ว มีความคิดติดวง ติดเพื่อน อยากทำเพลง ก็เลยคิดว่าขอที่บ้านทำเพลงสัก 1-2 ปี ค่อยสอบบรรจุ แต่ว่าบ้านนอกปู่กับย่าเขาตั้งความหวังเรามาเรียน เราต้องจบ แล้วเราต้องได้เป็นครู เขาก็ถามว่ามันจะสอบได้ไหม จะได้เป็นครูไหม

เวลาเรากลับบ้าน เราเลยรู้สึกว่างั้นเราตั้งใจทำให้เขา ก็เลยไม่กล้าที่จะพูดว่าขอเวลา ก็เลยกลับมาตั้งใจอ่านหนังสือ ผมใช้เวลา 1 เดือนในการอ่านหนังสือ แล้วไปสอบบรรจุแล้วโชคดีที่ติด แล้วพอบรรจุแล้ว เป็นครูสอนปกติ ผมก็ยังเล่นดนตรีกลางคืน”

ครูเต้ยดังจากคลิปคลิปนึง?

“ช่วงนั้นมันปิดเทอม เราต้องตรวจข้อสอบ เรารู้สึกว่าบางคนได้เยอะก็ได้เยอะ คนไม่ได้คือไม่ได้เลย ก็เลยพักตรวจ เพราะมันมีหลายห้อง ก็เลยจับกีตาร์ขึ้นมาแต่งเพลงให้พวกที่ไม่ชอบส่งงาน ก็เลยมีชื่อเพลงว่า บอกให้ส่งงาน

พออัดแล้วผมเอาลงเฟซบุ๊ก วันนั้นไม่รู้ใครเอาไปลงเพจยูไลค์สมัยก่อนมันก็เลยกลายเป็นดังไปเลย คนก็เลยมาติดตามเรา แล้วกลับมารื้อดูผลงานเก่าๆ เรา มันก็เลยทำให้เรามีงาน”

ดังเมื่อไหร่ ดราม่าก็ตามมา เยอะไหม?

“เยอะครับ ช่วงที่ผมเจอดราม่าเป็นช่วงโควิดพอดี”

เขาบอกว่าคุณคบซ้อน?

“ไม่จริงครับ ก็คือเราเลิก เราอะไรกันแล้วถึงเราจะมีคนใหม่”

แล้วดราม่ามาได้ยังไงถ้าเราไม่ได้คบซ้อน?

“ก็น่าจะเป็นพี่ๆ ในเน็ต บางคนเขาก็ไปขุดเจอว่าแต่ก่อนคบกับคนนี้ แล้วทำไมมาคบกับคนนี้ ทำไมไม่รู้เลยว่ากับคนนี้เลิกกันตอนไหน ซึ่งเราไม่ได้ลงเรื่องแฟนตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เขาก็ไปสืบ ไปหาดู บางคนก็ไปชอบคนเก่า บางคนชอบคนใหม่ มันก็เลยมีสองกลุ่ม”

ทั้งสองกลุ่มนี้ทะเลาะกันแรงไหม?

“หนักครับ ก็มีมาด่าด้วย แบบดังแล้วลืมตัว”

เขาบอกว่าเจอทัวร์ลงจนจิตตกเลย?

“ช่วงแรกๆ ผมไม่เคยอยู่วงการบันเทิง ผมก็จะอ่าน ผมสนใจคนที่ด่าเรา บางครั้งอ่านจนไม่มีใจทำอะไรเลย เพราะมันด่าหนักเลย ด่าหลายๆ อย่างเลย แล้วหลังๆ มาพี่ๆ ในวงการบันเทิงให้กำลังใจ บอกว่าอย่าไปอ่านเยอะ ก็เลยพยายามปล่อยผ่านเรื่องนี้ แล้วมันก็เงียบไป”

ความรักตอนนี้ปกติดี?

“ปกติดี ก็ยังคบกับคนปัจจุบันอยู่”

ก็มีอีกดราม่า รับงานร้องเพลงเยอะ จนเบี้ยวการสอน?

“ไม่จริงครับ ก็ยังไปสอนปกติเหมือนเดิม จันทร์-ศุกร์ ผมก็รับงานไม่ไกล เล่นเสร็จขึ้นรถ นอนบนรถตู้ ถึงบ้าน ถ้ามีเวลาเหลือได้นอน ถ้าไม่เหลือก็อาบน้ำไปโรงเรียน”

แล้วมันจะมีการเตรียมการเรียนการสอนเหรอ แล้วจะสอนยังไง?

“วันนีงมีทั้งหมด 6 คาบ เราได้สอน 3-4 คาบ แล้วแต่วัน ซึ่งมันมีเวลาว่างของเราอยู่แล้ว มีเวลาว่างตรวจการบ้าน มีเวลาว่างทำแผน เราไม่ได้สอนเต็มทั้งวัน ผมเป็นครูดนตรี ไม่ได้สอนประจำห้อง ผมจะสอนเฉพาะวิชา คือ ป. ถึง ม.3 ที่เรียนวิชาดนตรีก็ต้องมาเรียนกับผม”

แล้วข่าวมาจากไหน?

“น่าจะเป็นคนที่ไม่ชอบเรา แล้วเห็นงานเรามันเยอะ”

อยากจะบอกอะไรกับคนที่ดูอยู่ แล้วเข้าใจเราผิดไหม?

“ที่จริงผมก็เงียบเรื่อยๆ มา เพราะว่ามันไม่ได้มีปัญหา เราก็ทำหน้าที่ของเราเต็มที่ทั้งสองงาน ถ้าเขาจะคิดอย่างนั้นไม่เป็นไรครับ คนเรามีสปิริตหรือความตั้งใจต่างกัน ผมเห็นหลายคนไม่ได้ทำงานแค่สองอย่าง

บางคน 3-4 อย่าง อยู่ที่ร่างกายเขาไหว แล้วเขาสู้ มันอาจจะมองได้หลายมุม หลายคนก็มองว่า มันเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมมันถึงทำได้ ถ้าคนที่เคยทำงานหนักมาก่อน เขาจะรู้ว่ามันทำได้ เราจะเหนื่อยขึ้น แค่นั้นเองครับ”

เราดังแล้ว อาชีพราชการเงินน้อย ทำไมยังสอนอยู่ ไม่ไปเป็นศิลปินเต็มตัว?

“ผมรู้สึกผูกพันกับนักเรียน โรงเรียนผมเป็นโรงเรียนขยายโอกาส มีแค่ 1-2 ร้อยคน แล้วรู้สึกว่าโรงเรียนนี้มีพระคุณกับผม ผมยังทิ้งไปไม่ได้ เพราะมีช่วงนึงที่กระแสเรามา แล้วเราทำงานหนัก เด็กก็มาถาม ครูครับ ถ้าสมมติครูดังแล้ว ครูจะลาออกไหม ตอนนั้นรู้สึกน้ำตาคลอเลย เรายิ้ม เด็กก็เลยบอกว่าอย่าเพิ่งออก รอสอนลูกเขาไว้ก่อน มันก็เลยทำให้เราไม่ได้อยากออกจากตรงนี้”

ครูเต้ยมีการวางแผนชีวิตไหมว่า จะเป็นครูจนถึงอายุเท่าไหร่?

“เคยมีความคิดนะครับ แต่ว่ายังไงถ้าผมออกจากครู ผมก็ไปสอนเหมือนเดิม”.

ดูข่าวต้นฉบับ

ที่มา : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2088953
ขอขอบคุณ : https://www.thairath.co.th/entertain/news/2088953